ชวนสังเกตอาการ “อยากเปลี่ยนสถานะ” จากคนคุยเป็นคนรัก
หากคุณเป็นคนคนหนึ่งที่กำลังมีความสัมพันธ์กับใครสักคนแบบมากกว่าเพื่อนแต่ยังไม่ใช่แฟน ง่าย ๆ ก็คือกำลังคุย ๆ กันอยู่ หยอดกันไปหยอดกันมา คุยกันทุกวันบอกฝันดีทุกคืน ยังอยากมีกันและกันอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ และทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี มีทะเลาะกันบ้างแต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ ขอแสดงความยินดีกับความรักของคุณด้วย
อย่างไรก็ดี ถึงสถานการณ์จะมีแนวโน้มไปในทางบวก แต่สถานะก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน นั่นอาจเป็นเพราะว่าเขาหรือเธอกำลังไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนว่าคุณคือคนที่ใช่ จะไม่ทำให้คุณเสียใจหรือร้องไห้ และอาจจะกำลังหาโอกาสเหมาะ ๆ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่สถานะอีกสถานะอยู่ก็เป็นได้ ระหว่างนั้นถ้าใจเขาหรือเธออยากเลื่อนสถานะใจจะขาด ก็ย่อมมีสัญญาณบางอย่างแผ่ออกมาให้ได้รับรู้
แล้วมีสัญญาณหรืออาการอะไรบ้างที่เขาหรือเธอสื่อออกมาว่าอยากจะเปลี่ยนระดับความสัมพันธ์ไปอีกขั้น Tonkit360 ได้รวบรวมข้อสังเกตหลัก ๆ มาให้คุณได้ลองพิจารณาดู เพราะมันอาจถึงเวลาที่คุณก็ต้องทบทวนหัวใจตัวเองดูเหมือนกันว่าจะเซย์เยสหรือไม่ และจะไปต่อจาก “คนคุย” มาเป็น “คนรัก” ที่คบกันจริงจังสักที
ภาษากายแสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน
บางที การกระทำก็ชัดเจนกว่าคำพูด ถ้าภาษากายของเขาหรือเธอชัดเจนว่าอยากจะ in a relationship เต็มแก่ อาการก็จะออกมาเอง แถมชัดเจนชนิดที่มองมาจากดาวอังคารยังรู้ ระยะห่างระหว่างกันเริ่มน้อยลง ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ส่งสายตาออดอ้อนหวานละมุน ทำตัวอ่อนโยน อ่อนหวาน รวมถึงมีฟีลที่พยายามกันคุณให้ออกห่างจากชายอื่นหญิงอื่นที่ดูแล้วไม่ชอบมาพากล มีอาการหึงหวงให้เห็น ถึงจะยังไม่มากแต่รู้สึกได้ นี่อาจจะชัดเจนแล้วว่าสมควรแก่เวลาที่จะพัฒนาความสัมพันธ์เป็นแฟนกันแบบจริงจัง เปิดอกพูดคุยกันดู เผื่อได้สถานะใหม่กลับมา
แนะนำคุณให้คนรอบข้างรู้จัก รวมถึงอยากรู้จักคนรอบข้างของคุณ
เวลาที่เรามีความสัมพันธ์แบบคนคุยกับใคร ถึงจะยังไม่ได้อยากเปิดเผยให้โลกรู้ แต่ไม่มีใครอยากจะอยู่ในโหมดหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรอก ถ้าเขาหรือเธอเริ่มอยากรู้จักคนรอบข้างของคุณทั้งเพื่อน พี่น้อง หรืออยากเจอพ่อแม่คุณ เพื่อจะได้รู้จักคุณให้มากขึ้น (หรือเพื่อแสดงตัว) หลังจากนั้นไม่นาน เขาหรือเธอก็เริ่มแนะนำคุณให้คนรอบข้างรู้จักบ้าง อาจถึงขั้นพาไปทำความรู้จักญาติผู้ใหญ่เลยก็ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น ก็น่าจะเห็นพัฒนาการแล้วว่าเขาหรือเธอจริงจังมากขึ้น ย้ำว่าสถานะของคุณไม่ใช่แค่คนคุยธรรมดาแล้ว เขาหรือเธอก็ให้เกียรติคุณ กำลังรอโอกาสเหมาะ ๆ เปิดตัวอยู่
สถานะไม่เป็นความลับ ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่แฟน แต่อีกไม่นานเกินรอ
ในเมื่อความสัมพันธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าตอนนี้คุณคือคนพิเศษ ที่เขาหรือเธออยากให้เป็นมากกว่าคนคุยธรรมดา ไม่ได้คุยเล่น ๆ ฆ่าเวลา เขาหรือเธอจะเป็นคนเปิดเผยสถานะของคุณให้คนอื่นได้รู้เองโดยที่คุณไม่ได้ร้องขอ เช่น เริ่มตั้งสถานะในเฟซบุ๊กว่าโสดแต่ไม่สนิท เริ่มลงรูปที่ถ่ายคู่กันแล้วแท็กมา คุณโพสต์อะไรก็ตามมากดไลก์ ตามมาคอมเมนต์ เห็นนู่นนั่นนี่น่าสนใจก็แท็กหา ก็ชัดเจนว่าถึงจะยังเป็นแค่คนคุย ก็คุยแบบเปิดเผย คุณไม่ได้เป็นคนในความลับหรืออยู่ในเงามืด ตอนนี้ยังไม่ใช่แฟนตัวจริง แต่จองคนนี้แล้ว แล้วอีกไม่นานจะยกตำแหน่งแฟนให้แน่นอน
คำพูดคำจา ดูก็รู้ว่าอยากเลื่อนสถานะแล้ว
นอกจากภาษากาย ก็คำพูดคำจานี่แหละที่เป็นพิรุธ หลัง ๆ มารุกเก่งขึ้น ขี้อ้อน อ่อนหวาน อ่อนโยน ขยันหยอดคำหวาน ๆ เปลี่ยนสรรพนามจากฉันกับเธอ มาเป็น “เรา” (ดูบริบทดี ๆ ว่าเรา=คุณ+เขาหรือเธอ หรือแค่แทนตัวเองว่าเรา) เริ่มมีอาการงอนหรือน้อยใจชัดเจนขึ้นจากน้ำเสียง หรือถ้ามีปัญหาไม่เข้าใจกัน ก็สามารถร่วมกันหาตรงกลาง แก้ปัญหา และพยายามปรับตัวเข้าหา รู้ไว้นะว่าเขาหรือเธอแคร์คุณมาก ทะเลาะกันก็ไม่อยากเสียคุณไป หรือถ้าวันไหนพัง ๆ มา ก็เจอเขาหรือเธอคอยปลอบโยน ให้กำลังใจ พร้อมโอบอุ้มเสมอ นี่แหละ เขาหรือเธอจริงจังมากเลยนะ
ทุกการกระทำจริงจัง โดยเฉพาะแผนในอนาคต
ถ้าคุณเริ่มสังเกตได้ว่าเขาหรือเธอมักจะพูดคุยกับคุณแบบซีเรียสขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของอนาคตที่ขนาดตัวคุณเองยังไม่ได้มองไปถึงจุดนั้น คำหวานที่หยอดมาก็ยังจริงจังจนรู้สึกได้ มีนู่นนั่นนี่มาให้ในทุกโอกาส (ไม่มีก็ยังจะสร้างเอง) สร้างความประทับใจเก่ง เอาใจใส่โดยไม่ต้องเรียกร้อง อารมณ์ว่าตอนนี้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ยกเว้นแฟน (แต่อีกไม่นานเกินรอ) ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเขาหรือเธออยากจะมีคุณในชีวิต และอยากจะอยู่ในชีวิตคุณด้วย การเจอใครสักคนที่มองอนาคตร่วมกันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้น อย่าปล่อยให้เขาหรือเธอหลุดมือไป เริ่มคบกันจริงจังไปเลย!