“ดื่มน้ำขณะออกกำลังกาย” มากแค่ไหนถึงจะเรียกว่าพอดี
การดื่มน้ำขณะที่ออกกำลังกายถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป โดย แบรด โคโลวิช ฟิตเนสเทรนเนอร์ชื่อดัง แนะนำผ่านหนังสือใหม่ Fitter Faster: The Smart Way to Get in Shape in Just Minutes a Day ว่า การดื่มน้ำ 500 มิลลิลิตรต่อการออกกำลังกายนาน 1 ชั่วโมง ถือว่าเพียงพอแล้ว
แต่ถ้าออกกำลังกายด้วยเวลาที่น้อยกว่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำมากถึงครึ่งลิตรแต่อย่างใด โดยให้ลดปริมาณน้ำเหลือ 200 -250 มิลลิลิตร สำหรับการออกกำลังกายนานครึ่งชั่วโมง
ส่วนผู้ที่ออกกำลังกายนานกว่า 1 ชั่วโมงขึ้นไป ควรจะจิบน้ำให้ได้ 200-284 มิลลิลิตร ทุกๆ 10-20 นาที เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดอาการขาดน้ำ
ในทางกลับกัน การดื่มน้ำที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน แม้ว่ากีฬาบางประเภทจะออกกำลังกายในที่ที่มีอุณหภูมิสูงก็ตาม อาทิ โยคะร้อน ที่ในห้องตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 36-40 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ การดื่มน้ำที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จากการที่ร่างกายไม่สามารถขับน้ำส่วนเกินผ่านทางเหงื่อหรือปัสสาวะได้ ส่งผลให้มีน้ำส่วนเกินคั่งค้างอยู่ในร่างกาย และทำให้เกลือโซเดียมในเลือดต่ำกว่าระดับปกติ