SEA MOSS : "ถั่งเช่า" แห่งโลกตะวันตก อาวุธลับของคนสายฟิต ที่สรรพคุณเยอะจนน่าสงสัย

SEA MOSS : "ถั่งเช่า" แห่งโลกตะวันตก อาวุธลับของคนสายฟิต ที่สรรพคุณเยอะจนน่าสงสัย

SEA MOSS : "ถั่งเช่า" แห่งโลกตะวันตก อาวุธลับของคนสายฟิต ที่สรรพคุณเยอะจนน่าสงสัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ว่ากันว่านี่คือสุดยอดอาวุธลับของคนรักสุขภาพ แหล่งพลังงานชั้นดีที่จะช่วยลดน้ำหนัก เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังการออกกำลังอย่างหนักหน่วง ทำให้เมตาบอลิซึมทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ตลอดจนทำให้ผิวพรรณดี 

เห็นคุณประโยชน์เยอะอย่างนี้แล้ว หลายคนคงคิดว่ามันต้องเป็นอาหารเสริมชนิดใหม่อย่างแน่นอน แต่เปล่าเลย นี่คือ "ซี มอส" (Sea Moss) พืชจำพวกสาหร่ายชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในวงการคนรักสุขภาพของต่างประเทศ นิยมรับประทานกันในรูปแบบเจลหรือแคปซูลร่วมกับอาหารมื้อหลัก 

อย่างไรก็ตาม สรรพคุณของ ซี มอส นั้นฟังดูเยอะเกินไปจนน่าตั้งคำถามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน ได้แต่เกาหัวแกรก ๆ และเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมสาหร่ายที่หน้าตาเหมือนเห็ดหูหนูขาวชนิดนี้ ถึงได้ถูกเคลมว่ามีประโยชน์นักหนา สรรพคุณครอบจักรวาลแบบนี้เป็นการโฆษณาเกินจริงไปหรือไม่ มีรายงานทางวิทยาศาสตร์มารองรับหรือเปล่า 

มาร่วมค้นหาคำตอบไปกับ Main Stand 

สาหร่าย ? ตะไคร่ทะเล ? อาหารเสริม ?
"ซี มอส" (Sea Moss) หรือ "ไอริช มอส" (Irish Moss) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "คอนดรัส คริสปัส" (Chondrus Crispus) เป็นพืชจำพวกสาหร่ายชนิดหนึ่ง ที่พบได้ทั่วไปตามชายฝั่งตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ชายฝั่งเกาะอังกฤษ ไอร์แลนด์ อเมริกาเหนือ และยุโรป 

caelita.com

อันที่จริง สาหร่ายชนิดนี้ไม่ได้เพิ่งถูกค้นพบและดังเปรี้ยงจนเกิดเป็นปรากฏการณ์ในวงการสุขภาพในชั่วข้ามคืน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีการค้นพบ ซี มอส มาเป็นเวลาเกือบ 14,000 ปีมาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานในวงการแพทย์ว่ามีการใช้สาหร่ายแดงเป็นยาในประวัติศาสตร์จีนในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล และถูกมานำใช้ประกอบอาหารในเกาะอังกฤษในช่วง 400 ปีก่อนคริสตกาล 

ซี มอส พบได้มากเป็นพิเศษในบริเวณแนวหิน ตามชายฝั่งของประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อว่ามีการเก็บเกี่ยวเพื่อนำไปทำอาหารและยามาเป็นเวลานานแล้ว ซี มอส ไม่ได้เป็นพืชหายากและบางทีเราอาจจะเคยกินกันไปบ้างแล้วขณะที่เราไม่รู้ตัว ในรูปแบบของ "คาร์ราจีแนน" (Carrageenan) สารปรุงแต่งอาหารประเภทกัม ที่พบได้ในไอศกรีม โยเกิร์ต หรืออาหารแช่แข็ง 

คำว่า "คาร์ราจีแนน" เพี้ยนมาจากคำว่า "คารากิน" (Carraigín) ที่แปลว่า หินก้อนเล็ก ถือกำเนิดขึ้นมาจาก "แหลมคาร์ริแกน" (Carrigan Head) ในบริเวณใกล้ ๆ ไอร์แลนด์เหนือ ในศตวรรษที่ 19 ชาวไอริชเชื่อว่าสามารถนำคาราจีแนนมารักษาอาการป่วยของลูกวัวได้ ตลอดจนรักษาการอาการป่วยไข้และอาการคัดจมูกของผู้คน นิยมนำไปตากแห้งก่อนจะนำมาต้มและผสมลงไปในอาหาร ในยาชูกำลัง หรือแม้กระทั่งเบียร์​ เป็นวัตถุดิบที่หาได้ทั่วไปและเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ "ภาวะขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ในประเทศไอร์แลนด์" (The Great Famine) ในช่วงศตวรรษที่ 18 

ผู้คนส่วนใหญ่นำคาราจีแนน สารสกัดที่ได้มาจาก ซี มอส มาใส่กับนมอุ่น เติมน้ำตาลและเครื่องเทศบางชนิดเพื่อนำมาทำเป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่มีชื่อว่า "เครื่องดื่มไอริชมอส" (Irish Moss Drink) และเครื่องดื่มที่ว่านี้ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันในแถบไอร์แลนด์และแคริบเบียนอีกด้วย 

coldcounter
ปัจจุบัน ซี มอส ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในฐานะอาหารเสริมชั้นดี หลังจากเริ่มเป็นที่รู้จักในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผู้อพยพชาวไอริชได้นำติดไม้ติดมือขึ้นเรือมาด้วยหลังจากที่หนีภาวะทุพภิกขภัย และมีการเพาะปลูกครั้งแรกในรัฐแมสซาชูเซตส์ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนิยมเพาะปลูก ซี มอส กันในประเทศจาเมกา ประเทศเกาะแอนติกาแถบทวีปแอฟริกา และยังนิยมนำ ซี มอส มาใช้เป็นยาบรรเทาอาการเจ็บคอ และอาการคัดจมูกเหมือนชาวไอริชในสมัยก่อนด้วยเช่นกัน

สรรพคุณครอบจักรวาล
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าใน ซี มอส นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด จนถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งสุดยอดอาหาร ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน B1 B2 B12 กรดอะมิโน แคลเซียม โครเมียม แมกนีเซียม ไอโอดีน คอลลาเจน และซิงค์

 

สำหรับคนรักสุขภาพที่ชอบออกกำลังกาย ซี มอส ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่นักออกกำลังกายสายคลีน เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่จะนำมาใช้ประกอบกับการลดน้ำหนักเป็นหลัก เพราะเป็นพืชที่ให้แคลอรี่ต่ำ โดยแคลอรี่ที่ได้จาก ซี มอส ในปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ (10 กรัม) จะอยู่ที่ 5 แคลอรี่เท่านั้น และมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเพียง 1 กรัม
 
อย่างไรก็ตาม นักเพาะกายสายดุ ก็สามารถใช้ ซี มอส ได้เช่นกัน เนื่องจากมีสรรพคุณที่ช่วยในการบรรเทาอาการเจ็บปวดข้อต่อ เพราะใน ซี มอส ประกอบไปด้วยคอลลาเจนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นได้ 

ยังไม่หมดเท่านี้ ซี มอส ยังช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะอุดมไปด้วยไอโอดีนที่มีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ที่จะช่วยควบคุมระบบการเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งถ้าขาดไอโอดีนไปก็อาจทำให้ต่อมไทรอยด์โตได้ อีกทั้งยังช่วยให้พลังงานในเวลาที่เหนื่อยล้า เพราะมีธาตุเหล็กอีกด้วย 

สรรพคุณและสารอาหารที่มีอยู่ใน ซี มอส นั้นมีเยอะเกินไปจนเริ่มกลายเป็นเรื่องตลก เป็นไปได้จริงหรือที่พืชจำพวกสาหร่ายชนิดนี้จะมีประโยชนถึงขั้นนี้ การศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ซี มอส นั้นยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร บางเรื่องก็สามารถอธิบายและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ แต่บางเรื่องก็ยังต้องศึกษากันต่อไป

ตัวอย่างเช่น งานศึกษาชิ้นหนึ่งที่ชื่อ "บทบาทของสาหร่ายและการบรรเทาปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดหัวใจ" (A role for dietary macroalgae in the amelioration of certain risk factors associated with cardiovascular disease) โดยนักวิชาการสามคน ได้แก่ เมลานี ลินน์ คอร์นิช, อลัน ที คริทช์ลีย์ และ โอเล่ จี มัวร์ริตเซ่น ที่ตีพิมพ์ในปี 2015 โดยมุ่งเน้นไปที่เรื่องพืชจากทะเลที่มีโปรตีนและเส้นใยอาหาร

ข้อเสนอแนะที่ได้จากงานวิจัยชิ้นนี้คือ หากเราเพิ่มปริมาณพืชจำพวกสาหร่ายลงไปในอาหารเพียงเล็กน้อย ก็อาจช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้

 

สำหรับ ซี มอส แล้วยังไม่มีการศึกษาที่ละเอียดมากนัก อย่างไรก็ดี ได้ปรากฏงานวิจัยในปีเดียวกัน เกี่ยวกับเรื่อง จุลินทรีย์ที่อาจเป็นประโยชน์ที่พบได้ในสาหร่ายชนิดนี้ ชื่อ "ผลกระทบของพรีไบโอติกในอาหารลดน้ำหนัก ที่สกัดได้จากสาหร่ายสีแดง คอนดรัส คริสปัส หรือฟรุกโต-โอลิโก-แซ็กคาไรด์ต่อภูมิคุ้มกัน จุลินทรีย์ในลำไส้และเมตาบอลิซึมของลำไส้ในร่างกาย" (Prebiotic effects of diet supplemented with the cultivated red seaweed Chondrus Crispus or with fructo-oligo-saccharide on host immunity, colonic microbiota and gut microbial metabolites)

พบว่า ซี มอส อาจมีส่วนช่วยในการผลิตพรีไบโอติกส์ ที่จะเป็นสารอาหารให้โพรไบโอติกส์ในลำไส้ ทำให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้นได้นั่นเอง 

อีกความเชื่อที่ยังต้องรอการพิสูจน์และอาศัยการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต คือเรื่องของการช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งประกาย แม้ว่าจะไม่มีงานวิจัยออกมารองรับเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่ "นายแพทย์ โจชัวร์ ไซค์เนอร์" ผู้อำนวยการฝ่ายความงามและเครื่องสำอางค์ในโรงพยาบาล เมาธ์ ซิไน ในนิวยอร์ก ได้ลงความเห็นไว้ว่า ซี มอส มีส่วนประกอบของกำมะถันที่ค่อนข้างเยอะ ที่จะเข้าไปช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์บนผิวหนังและลดอาการอักเสบของผิวหนังได้ 

 

นอกจากนี้ ซี มอส ยังช่วยทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่นและดูสุขภาพดี เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ แต่ก็อย่าลืมว่าเรื่องนี้ยังต้องรอหลักฐานการศึกษาที่มากขึ้นมารับรองในอนาคต เพราะจริง ๆ แล้ว การศึกษา ซี มอส ก็ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากปัจจัยที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่และฤดูกาล รวมถึงการดูดซับสารอาหารจากสาหร่ายในร่างกายของแต่ละคนด้วยเช่นกัน

ชัวร์หรือมั่วนิ่ม ? 
แม้ว่าจะร่ายมาซะยาวเหยียดว่าพืชจากทะเลชนิดนี้มีคุณสมบัติที่ดีขนาดไหน แต่ทุกอย่างก็ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อะไรที่มากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้ อย่างเช่นไอโอดีนที่พบใน ซี มอส ดูจะเป็นข้อเสียหลักที่หลายคนกังวล และมักจะเป็นคำเตือนหลักสำหรับคนที่อยากเริ่มใช้

 

การที่โอโอดีนจะช่วยทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนได้อย่างเหมาะสม จำเป็นจะต้องอยู่ในปริมาณที่พอดี ต่อมไทรอยด์จึงจะแข็งแรง และอาจช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีขึ้นสำหรับคนที่ต้องการจะไดเอท แต่หากเรารับเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป ก็อาจจะเป็นการเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเกินความจำเป็น ควรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เพื่อควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเสียก่อน เพราะไอโอดีน เป็นธาตุที่มีปริมาณสูงใน ซี มอส

ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจได้รับจากการใช้ ซี มอส บนผิวหนัง สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย ก็อาจทำให้คันหรือทำให้แสบผิวหนังได้ เป็นต้น 

อย่าลืมว่า ซี มอส เป็นเพียงแค่อาหารเสริม แม้ว่าครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์จะเคยมีคนนำมาบริโภคกันบ่อยครั้ง จนก่อให้เกิดเป็นความเชื่อและค่านิยมเฉพาะกลุ่มที่ถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น แต่ปัจจุบันได้มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และมีความหลากหลายทางโภชนาการที่มากขึ้น ชนิดที่เราไม่จำเป็นต้องลองผิดลองถูกกับเรื่องการกินกันอีกแล้ว 
เราอาจจะใช้ ซี มอส เป็นตัวช่วยได้ เช่นเดียวกันกับการรับประทานอาหารเสริมชนิดอื่น ๆ เช่น วิตามิน หรือ แคลเซียม ตามความต้องการของร่างกายของแต่ละคน 

 

แต่แน่นอนว่าเราไม่ควรบริโภคสิ่งนี้เป็นอาหารหลัก เพราะหนทางที่ดีที่สุดสู่การมีสุขภาพดีคือการบริโภคอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะมองในแง่ไหนก็ย่อมดีกว่าแน่นอน  

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.detoxandcure.com/top-10-benefits-of-seamoss/ 
https://druggenius.com/nutrition/irish-sea-moss-uses-benefits-and-side-effects/ 
https://www.foodingredientfacts.org/irish-moss-the-history-of-carrageenans-roots/ 
https://greatist.com/eat/seamoss#benefits 
https://www.healthline.com/nutrition/seamoss 
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4535385/ 
https://oceanspromise.com/pages/about-sea-moss 
https://www.shape.com/healthy-eating/diet-tips/irish-sea-moss-benefits-carrageen 
https://www.tandfonline.com/doi/abs/10.2216/15-77.1 
https://thebeet.com/for-natural-weight-loss-better-immunity-and-energy-just-add-sea-moss/ 
https://www.today.com/health/irish-sea-moss-benefits-should-you-try-it-expert-weighs-t191022

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook