เผื่อใจ! สัญญาณว่าเป็นแค่ “คนคุย” เลื่อนขั้นคงไม่ได้แล้ว
ก่อนที่คนเราจะตอบตกลงคบหากับใคร เบื้องต้นก็น่าจะเคยผ่านสถานะ “คนคุย” มาก่อนแล้วทั้งนั้น สถานะนี้บางคู่ก็ชัดเจนว่าแค่คุย กำลังดู ๆ กันอยู่ โดยที่ต่างฝ่ายชัดเจนดีว่าเตรียมพัฒนา แบบนี้มันก็ไม่มีปัญหา คุยกันไปสักพัก พอมั่นใจว่าใช่ก็ตกลงคบกัน แต่บางคู่สถานะคนคุยมันไม่ชัดเจนแบบนั้น แฟนก็ไม่เชิง เพื่อนก็ไม่ใช่ ไม่มีความชัดเจนใด ๆจนตัวคุณเองไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหนในชีวิตเขาหรือเธอ แบบนี้ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
ถ้าอีกฝ่ายกำลังทำให้คุณรู้สึกสับสนที่อะไรก็ไม่คืบหน้าสักนิด ทำตัวไม่ถูกแบบนี้ ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจต้องเตรียมเผื่อใจ แล้วเริ่มคิดที่จะเคลียร์กับเขาหรือเธอได้แล้ว ความรักบังคับกันไม่ได้ก็จริง แต่มันก็ไม่แฟร์ถ้าเขาหรือเธอกั๊กคุณไว้แบบนี้ กรณีนี้ เขาหรือเธออาจแค่ชอบคุย (กับคุณ) แต่ไม่ได้ชอบคุณก็เป็นได้ แย่กว่าการเป็นเพื่อนกันเสียอีก
ดังนั้น ถ้าเห็นเค้าลางว่าความสัมพันธ์นี้ไม่น่าจะพัฒนาต่อได้ คุณต้องพิจารณาแล้วนะว่าจะดันทุรังไปต่อหรือหยุดอยู่แค่นี้ เพราะสิ่งที่เขาหรือเธอทำกับคุณอย่างไรก็เป็นได้แค่คนคุย เลื่อนขั้นกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต่างคนต่างไปจะดีกว่า อย่าให้เขาหรือเธอหวงก้างคุณไว้โดยที่คุณต้องทรมานอยู่ฝ่ายเดียว หรือคุณรั้งเขาหรือเธอไว้โดยที่ไม่มีแววพัฒนาต่อ ทีนี้มาดูกันว่ามีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าคุณไปต่อกับคนนี้ไม่ได้แล้วบ้าง
พยายามอยู่ฝ่ายเดียว
ความสัมพันธ์ที่ดี คือ ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามอยู่ฝ่ายเดียว เพราะการที่คนเราจะตกลงคบกันได้ จะต้องปรับตัวเข้าหากัน คนละนิดคนละหน่อย แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกว่าคุณเป็นฝ่ายพยายามปรับอยู่ฝ่ายเดียว พยายามทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีที่มีคุณ เริ่มต้นทักทายและเข้าหาเขาก่อนเสมอ แต่กลับไม่รู้สึกว่าเขาหรือเธอพยายามเข้ามาหาคุณเลยสักนิด ดูจะไม่พยายามทำอะไรเพื่อคุณบ้างเลย เชื่อเถอะว่าความสัมพันธ์นี้ไปได้ไม่ไกลหรอก เพราะมันเหนื่อยแล้วก็ท้อมากเกินไป แบบนี้นานวันเข้าอาจเข้าทำนอง “น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ” ก็ได้
เป็นคนทักไปก่อนเสมอ
“คนคุย” มันจะต้องมีการสนทนาโต้ตอบระหว่างกัน คุณทักไปบ้าง เขาหรือเธอทักมาบ้าง มีหยอดกันหวาน ๆ บ้าง เถียงกันงอนกันบ้าง คุยเรื่องเครียด ๆ มีสาระบ้าง แต่ถ้าคุณเป็นคนเริ่มบทสนทนาทุกครั้งจนเหนื่อย น้อยใจว่าเขาหรือเธอไม่คิดถึงคุณหรืออยากคุยอะไรกับคุณก่อนบ้างเลยหรือไง แบบนี้ไม่ใช่คนคุยหรอกนะ เพราะแชต 2 ฝั่งมันสมดุล ถ้าหน้าต่างแชตของคุณหนักขวา คุณคุยคนเดียว คุณเป็นพิธีกร! ถ้าอ้างว่าไม่ว่าง อย่างน้อยก็บอกมาสิ โต ๆ กันแล้วบอกดี ๆ ก็รู้เรื่อง น่าจะใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ ไม่ใช่ปล่อยให้คุณรออย่างไม่มีความหวังอะไรเลย
อ่านไม่ตอบ ถามคำตอบคำ จบแค่สติกเกอร์
น่าโมโหไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะกับคนที่อ่านแล้วไม่ตอบ ถามคำตอบคำ ตอบมาสั้น ๆ ว่า “อืม” “อ่อ” “อะห้ะ” หรือโยนสติกเกอร์มาให้คุณ 1 ตัว ประมาณว่าไม่มีอะไรจะคุยด้วย ไม่ให้ความสำคัญใด ๆ กับคุณเลย ยังไม่อ่านยังพอเข้าใจได้ว่าอาจไม่ว่าง แต่แบบนี้มันเมินกันชัด ๆ ที่แย่กว่าคือบางทีคุณพยายามหาเรื่องพูดคุย แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาหรือเธอไม่ค่อยมีมารยาทกับคุณเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากตอบโต้หรือสนทนาด้วยไปมากกว่านี้อีกแล้ว คิดว่าคนกันเองเลยไม่เกรงใจ ธรรมดาแหละ ถ้าไม่มีใจก็จะเฉย ๆ ไม่กระตือรือร้นใด ๆ คุณต้องคิดได้แล้วนะว่าจะเป็นฝ่ายถูกเทหรือจะเป็นฝ่ายเท
ใด ๆ คือต้องเป็นความลับ แม้แต่กับเพื่อนสนิท
ปกติแล้วคนเรามักจะคุยกับเพื่อนสนิทแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่นินทาชาวบ้าน มีเรื่องกับป้าข้างห้อง คร่ำครวญเรื่องแมวป่วย บ่นระบายเพราะทะเลาะกับแม่ ชวนกันติ่ง และแน่นอนว่าย่อมมีการปรึกษาเรื่องความรัก หลายคนเล่าให้เพื่อนฟังทุกอย่าง หลายคนไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังแต่ก็มีเกริ่น ๆ อย่างน้อยที่สุดก็คงบอกว่ากำลังคุยกับคนคนหนึ่งอยู่ (อาจไม่ได้บอกว่าเป็นใคร) แต่ถ้าเพื่อนสนิทของเขาหรือเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้คุณมีตัวตนอยู่ในชีวิตของเขาหรือเธอ แบบนี้มันก็เป็นความลับมากไปแล้ว หรือว่าเขาหรือเธอมีคนอื่นที่ให้สถานะชัดเจนกว่าคุณ
หลีกเลี่ยงที่จะเจอหน้า
เป็นเรื่องผิดปกติเลยล่ะสำหรับคนที่ชอบพอกันจนตกลงให้สถานะคนคุย เขาหรือเธอพยายามบ่ายเบี่ยงการเจอหน้าคุณอยู่เสมอ คุณแทบจะไม่เคยสัมผัสได้เลยว่าเขาหรือเธออยากจะมาเจอหน้าหรือมีเวลาให้คุณบ้าง ชวนไปไหนไม่เคยว่าง หลายคู่แม้จะคุยกันมานานแล้ว แต่กลับไม่เคยพาไปทำความรู้จักเพื่อนฝูงหรือพาไปรู้จักครอบครัวสักครั้ง (แนะนำในฐานะเพื่อนก็ไม่เคย) จนคุณรู้สึกได้ว่าคุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาหรือเธอ อาจมองได้ว่าเขาหรือเธออาจไม่พร้อมที่จะเปิดตัวคุณในสถานะคนพิเศษ หรือจริง ๆ แล้วคุณอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาหรือเธอเลย