7 กิจกรรมง่าย ๆ สร้างความสุขแบบวิทยาศาสตร์

7 กิจกรรมง่าย ๆ สร้างความสุขแบบวิทยาศาสตร์

7 กิจกรรมง่าย ๆ สร้างความสุขแบบวิทยาศาสตร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้ เรามีความสุขกันมากแค่ไหน? สิ่งที่ทำอยู่ในชีวิตประจำวันสร้างความสุขบ้างหรือไม่? เราเคยตั้งคำถามเหล่านี้กับตนเองกันบ้างหรือเปล่า จริง ๆ แล้ว เราอาจจะรู้สึกขัดแย้งในใจว่าสภาพความเป็นไปของโลกทุกวันนี้จะเอาเรื่องอะไรมามีความสุขได้ แต่รู้ไหม ไม่ว่าชีวิตจะแย่แค่ไหน เราก็ต้องหาวิธีเยียวยาให้ตัวเองมีความสุขให้ได้บ้าง อย่างน้อยเป็นเรื่องเล็ก ๆ สักเรื่องก็ยังดี ถ้าหาได้ยากจากสิ่งรอบตัวก็ต้องสร้างเอง ไม่เช่นนั้นเราจะเอาพลังงานบวกจากที่ไหนไปต่อสู้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้นในทุกวัน

Dr. Douglas T. Kenrick ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาสังคม แห่งมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา ได้เขียนบทความแนะนำการสร้างความสุขจากกิจกรรมที่ทำง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เขาได้แนวทางนี้มาจากหนังสือ “The How of Happiness” ซึ่งเป็นหนังสือที่แนะนำแนวทางแบบวิทยาศาสตร์เพื่อทำให้ได้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ผู้แต่งคือ Sonja Lyubomirsky ศาสตราจารย์ภาคจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ และเธอยังเป็นนักวิจัยที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ตามข้อมูลของ Google Scholar พบว่ามีการอ้างอิงงานของเธอกว่า 56,537 ครั้ง

ในหนังสือ “The How of Happiness” Lyubomirsky ได้ศึกษาวิจัยเปรียบเทียบคนที่มีความสุขและไม่มีความสุข แล้วเสนอคำแนะนำที่เป็นรูปธรรมไว้ประมาณ 12 กิจกรรม ที่เราสามารถทำได้เพื่อสร้างความสุขให้ตนเอง แต่ Dr. Douglas T. Kenrick ได้สรุปออกมาเป็น 7 กิจกรรมที่เขาพบว่ามันมีประโยชน์มากที่สุด ดังนี้

1. ทำสิ่งที่ดีเพื่อผู้อื่น
Lyubomirsky กล่าวว่า “การแสดงความเมตตาต่อผู้อื่น” เช่น การช่วยให้คนอื่นมีความสุข เป็นจิตวิทยาเชิงบวกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ตัวเราเองมีความสุขมากขึ้นเช่นกัน เพราะเป็นความปรารถนาดีในจิตใจที่อยากจะทำอะไรเพื่อผู้อื่น เมื่อได้ลงมือทำตามเจตนาก็จะตอบสนองความต้องการในจิตใจของตัวเราเอง รู้สึกว่ามันเติมเต็มความปรารถนาและส่วนหนึ่งในจิตใจของเรา เราจึงรู้สึกมีความสุขมากขึ้นหลังจากได้ทำสิ่งที่ดีเพื่อผู้อื่น

2. แสดงความขอบคุณเป็นประจำ
การขอบคุณในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงให้ขอบคุณเฉพาะคนด้วยกันเท่านั้น แต่ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่ดี หรือต่อให้เป็นวันที่แย่ ก็ให้ขอบคุณเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่า made my day สักเรื่อง ที่สำคัญ อย่าลืมขอบคุณตัวเองด้วยที่สามารถฝ่าฟันสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวันมาได้ ควรทำให้ได้ทุกวัน เพราะการที่เราได้รู้สึกดีกับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้นั้น เราจะได้สัมผัสกับประสบการณ์เชิงบวก รู้สึกนับถือตนเองมากขึ้น ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น ๆ รอบข้าง และช่วยขจัดอารมณ์ด้านลบได้

3. ปลูกฝังทัศนคติเชิงบวกต่อชีวิต
Lyubomirsky ศึกษางานวิจัยร่วมกับ Laura King โดยให้ผู้คนจินตนาการถึงอนาคตที่คิดว่าดีที่สุดของตนเอง และจะทำอะไรใน 10 ปีหากชีวิตที่จินตนาการถึงนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะจินตนาการแบบนั้น เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกสนุกและมีความหวังกับชีวิตในอนาคต และงานวิจัยของ King’s ในปี 2001 ยังเสนอว่าการจินตนาการถึงตัวตนที่ดีที่สุดในอนาคตนั้น ยังเพิ่มแนวโน้มให้เรายืนหยัดที่จะไปสู่เป้าหมายและรับมือกับความพ่ายแพ้ได้ดีขึ้นด้วย

4. เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ผลการวิจัยของ Lyubomirsky แสดงให้เห็นว่าคนที่มีความสุขจะไม่เปรียบเทียบชีวิตตนเองกับคนอื่น โดยเฉพาะการมองว่าคนอื่นทำได้ดีกว่าตัวเองหรือตัวเองต่ำต้อยด้อยค่ากว่าคนอื่น และที่สำคัญ การพยายามจะทำให้ตัวเองมีความสุขแบบปลอม ๆ โดยการเอาชนะ พยายามจะอยู่เหนือกว่าคนอื่นเพราะกลัวจะน้อยหน้า หรือกลัวว่าคนอื่นจะได้ดีกว่า กลับเป็นวิธีที่ทำให้ตัวเองหดหู่มากขึ้นไปอีก

5. รักษาความสัมพันธ์กับคนรอบตัว
ควรหาเวลาอยู่กับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็อย่าเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ให้ความสนใจกับพวกเขา อาจเป็นการแสดงความชื่นชมหรือแสดงความยินดี เมื่อมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา บอกให้พวกเขารู้ว่าเราประทับใจหรือชอบอะไรในตัวพวกเขา แสดงความรู้สึกจากใจกับคนรอบข้างที่ใกล้ชิดสนิทสนม และแสดงความเห็นด้วยกับความคิดเห็นของพวกเขาบ้างเป็นครั้งคราว อย่าจ้องแต่จะขัดอย่างเดียว ที่สำคัญ เรียนรู้วิธีที่จะอะลุ้มอล่วยและให้อภัยกัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดี เพราะคนเราทำผิดพลาดกันได้

6. สนุกกับงานที่ทำ
เราทำงานเพื่อหาเงิน จึงมีเรื่องความเครียดความกดดันเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้หลายคนรู้สึกด้านลบกับการทำงานมากกว่าที่จะรู้สึกด้านบวก แต่หากเราปรับทัศนคติในการทำงาน โดยมุ่งมั่นในเป้าหมายให้มากขึ้น แล้วทำกิจกรรมที่ตนเองถนัด เพื่อให้เราสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล มีปัญหาติดขัดน้อยที่สุด การทำงานหนักก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้นได้ เพราะเราจะรู้สึกว่าได้เล่นมากกว่าทำงาน

7. ดูแลร่างกายตนเอง
ร่างกายในที่นี้หมายรวมถึงสุขภาพกายและสุขภาพจิต ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำและการทำสมาธิ ในขณะเดียวกันก็แสดงออกว่ากำลังมีความสุขไปพร้อม ๆ กันด้วย อย่างการยิ้มและหัวเราะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook