รวมวิธีดูแล รอยสัก ตั้งแต่ต้นยันจบ มีครบในนี้
ปัจจุบัน การสักไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เจอแต่คนสัก สำหรับใครที่สนใจจะสัก การเลือกช่างสักนั้นมีผลไปถึงลายสักที่คุณจะได้มา การสักก็เหมือนการวาดลวดลายที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต
วันนี้เรามีวิธีการดูแลรอยสักหลังจากที่ไปสักมาเรียบร้อยแล้วก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แม้แต่รอยสักจะสวยที่สุดแต่อาจพังได้ง่ายๆ ถ้าเราไม่ดูแลมันดีๆ โดยวิธีดูแลนั้นที่เราเอามาฝากในวันนี้ คือการดูแลรอยสักโดยรวมที่จำเป็น เพื่อให้รอยสักของคุณคงความสะอาดและปรากฏเด่นชัดอยู่เสมอ ไม่หลุดหายไประหว่างลอก วันนี้เราวิธีขั้นตอนคำเตือนมาฝากกัน
สองวันแรกเมื่อสักเสร็จ
ในวันแรกที่ยังมีคราบเลือด น้ำเหลือง ที่ไหลออกมานอกแผล ให้เราล้างรอยสักอย่างเบามือด้วยน้ำอุ่น ไม่แช่รอยสักในน้ำ และไม่เปิดน้ำให้ไหลผ่านรอยสัก แต่ให้ใช้มือวักน้ำอุ่นราดบนรอยสัก และถูรอยสักเบาๆ เพื่อล้างคราบต่างๆ พยายามอย่าใช้ผ้าเช็ด เพราะอาจทำให้เป็นแผลเกิดเป็นสะเก็ดหนาได้
**ห้ามใช้ สบู่ ในการทำความสะอาดรอยสักเด็ดขาด โดยเฉพาะ แอลกอฮอล์ ห้ามเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นบอกลารอยสักได้เลย
เมื่อรอยสักเริ่มแห้ง
แผลรอยสักจะเริ่มแห้งอาจมีสีคล้ำขึ้น ซึ่งเป็นระยะที่แผลเริ่มฟื้นตัวและตกสะเก็ด ในช่วงนี้ควรล้างทำความสะอาดแผล 1-2 ครั้ง/วัน หลังจากนั้นให้ทารอยสักด้วยครีมที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ เพื่อคงความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
**แนะนำ บี แพนเธน ไม่แนะนำ วาสลีน อาจทำให้สีจางลงได้ (วาสลีน ไม่ได้ช่วยให้ชุ่มชื้น)
สะเก็ดเริ่มขึ้น
อาการแดงจะค่อยๆ หายไป และอาจมีสะเก็ดแผลบางๆ เกิดขึ้น ขอย้ำว่าห้ามแกะสะเก็ดแผลออกเป็นอันขาด เพราะจะทำให้สีหลุดและเกิดแผลเป็นได้ ควรทำความสะอาดแผลอย่างต่อเนื่อง 1-2 ครั้ง/วัน และทาครีมบำรุงผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นทุกครั้ง เพราะจากนี้ไปจะเกิดอาการคันมากขึ้นเรื่อยๆ
4.สะเก็ดแข็ง
ในช่วงนี้จะคัดมากๆ เมื่อสะเก็ดแผลจะเริ่มแข็งขึ้นและหลุดลอกออก เราต้องห้าม แกะ หรือดึงสะเก็ดแผลออกเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้รอยสักลอกออก และอาจเกิดรอยแผลเป็นได้ ควรปล่อยให้สะเก็ดแผลลอกออกมาเองตามธรรมชาติ และอาจใช้ครีมบำรุงผิวทาบริเวณรอยสักวันละหลายๆ ครั้งเพื่อลดอาการคัน
สะเก็ดลอกหมดแล้ว
เมื่อสะเก็ดแผลหลุดออกไปจนหมด จะเหลือแค่หนังแก้ว นั่นคือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลงเหลืออยู่บริเวณรอยสัก ซึ่งจะลอกออกไปเองในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ผิวบริเวณรอยสักอาจดูหมองคล้ำและแห้ง ดังนั้น ควรทาครีมเพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวหนังบริเวณรอยสักอยู่เสมอ ทั้งนี้ ผิวหนังชั้นในอาจใช้เวลา หลายเดือนในการฟื้นฟูให้สภาพผิวกลับมาเหมือนเดิม และรอยสักจะมีสีสดและสวยงามเข้าที่หลังสักแล้วประมาณ 3 เดือน
สรุปในช่วงที่แผลบริเวณรอยสักยังไม่หายดี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อควรระวังต่อไปนี้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และช่วยให้รอยสักมีสภาพสวยงามหลังแผลหายดีแล้ว
- ห้ามรอยสักโดนแอลกอฮอล์จนกว่าจะหายดี ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม หากต้องการทำความสะอาดจริงๆ ควรใช้น้ำเกลือ
- ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยปกป้องผิวบริเวณรอยสักจากแสงแดดทุกครั้งเมื่อต้องออกไปข้างนอก และหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสีกับรอยสัก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกเยอะ
- หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ หรือเกาบริเวณแผล และหลีกเลี่ยงการทาครีมกันแดดบริเวณรอยสักจนกว่าแผลจะหายดี
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน เพราะอาจทำให้หมึกสีบริเวณรอยสักจางลงได้ หรือหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือการแช่รอยสักในน้ำอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังสัก
- หากมีสัญญาณของแผลติดเชื้อควรรีบไปพบแพทย์ทันที
และนี่คือวิธีดูแลรอยสักขั้นต้นทั้งหมด หวังว่าทุกคนจะปฏิบัติตามกัน สำหรับใครที่ถูกใจคอนเทนต์ดีๆ แบบนี้ สามารถติดตามได้ที่ iNN Lifestyle