7 วิธีสลัดความง่วงหลังมื้อกลางวัน
หลังจัดการกับมื้อกลางวันเต็มอิ่ม เพียงไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง อาการง่วงตอนบ่ายก็เริ่มปรากฏขึ้น จนบางครั้งก็ยากเกินกว่าที่คุณจะฝืนทนทำงานต่อไปได้ อาการง่วงนอนดังกล่าวเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ ออกซิเจน ไปเลี้ยงสมองลดลง และระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ทำให้เซลล์สมองทำงาน ต่อไปไม่ไหว เกิดการปิดตัว ไม่รับคำสั่ง ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียและง่วงนอน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของร่างกายอยู่แล้ว แต่สำหรับหนุ่มสาว วัยทำงาน ที่จำเป็นต้องทำงานในช่วงบ่าย คงต้องหาตัวช่วยในการขจัดอาการง่วงทิ้งไป ลองหันมาทำตามวิธีการต่อไปนี้ เพื่อคืนความสดใสสู่ชีวิตยามบ่ายให้กระปรี้กระเปร่าและทรงพลังยิ่งขึ้น
1. เตรียมตัวล่วงหน้ามาก่อนตั้งแต่ยามค่ำคืน ด้วยการเข้านอนในช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการการพักผ่อน นั่นคือช่วง 4 ทุ่ม เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายจะเริ่มทำการซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ต้องนอนอย่างมีคุณภาพ โดยหลับให้สนิทต่อเนื่องนาน 6 - 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีการพักผ่อนและชาร์จแบตชีวิตให้เต็มเปี่ยม พร้อมลุยทุกกิจกรรมระหว่างวัน การตื่นเร็วเกินไปหรือนอนน้อยเกินไป จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าในช่วงบ่ายเร็วขึ้น
2. พยายามหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันมากในมื้อกลางวัน โดยเฉพาะของทอด เนย และชีส เพราะแม้อาหารหวานมันจะช่วยให้คุณรู้สึกมีพลังเพิ่มขึ้น แต่พลังงานเหล่านั้นจะถูกเผาผลาญหมดไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดอาการง่วงล้าได้ ควร รับประทานอาหารที่ย่อยช้าๆ ค่อยๆ ปลดปล่อยพลังงาน เช่น อาหารที่มีใยอาหารสูง อย่าง ข้าวกล้อง ผัก ถั่วต่างๆ เพราะจะทำให้คุณอิ่มนาน ไม่หิวง่าย ในช่วงบ่ายๆ ถ้าอยากเสริมความหวานหลังมื้อเที่ยง แนะนำให้ทานผลไม้ เพื่ออิ่มเอมกับรสหวานจากธรรมชาติ พร้อม รับประโยชน์จากใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาเพื่อคุณ
3. ควรเลือกทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก โปรตีน (อาหารทะเล ไก่ เนื้อ เต้าหู้ ถั่ว รวมถึง ผักและผลไม้) และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (หมายถึงอาหารประเภทแป้งที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อย อาทิ ข้าวกล้อง ข้าวโพด ลูกเดือย ขนมปังโฮลวีท เป็นต้น) เพราะธาตุเหล็กจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮีโมโกลบินที่จำเป็นต่อการนำพาออกซิเจนไปทั่วร่างกายเพื่อเพิ่มพลังงาน ส่วนคาร์โบไฮเดรตจะช่วยนำพาน้ำตาลกลูโคสไปสู่ร่างกายเช่นกัน เท่ากับการเติมเชื้อเพลิงชั้นดี ให้แก่การทำงานในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
4. จำกัดปริมาณอาหารมื้อเที่ยงเพื่อไม่ให้ทานมากเกินไป การย่อยอาหารมื้อใหญ่จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้า พยายามทานอาหารเที่ยงในปริมาณไม่มากนัก และหาของว่างทานเล่นระหว่างวัน ทั้งช่วงเช้าและบ่าย เพื่อช่วยให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในปริมาณที่สมดุลสม่ำเสมอตลอดวัน
5. ลองทิ้งช่วงเวลาสัก 15 นาทีหลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ แล้วเดินอย่างกระฉับกระเฉงสักหนึ่งรอบตึกก่อนกลับไปยังโต๊ะทำงาน เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือพยายามหาทางออกกำลังกายเบาๆ ในออฟฟิศ ให้ได้ เช่น การยืดเส้นยืดสายโดยแยกขาออก กางแขนขึ้น-ลง บิดตัว เป็นต้น ที่สำคัญคือควรสิ้นสุดแต่ละเซตของการออกกำลังกายด้วยการฝึกหายใจ เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด ให้เพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย
6. ถ้าเป็นไปได้ควรหาเวลางีบหลับสักพัก โดย ตั้งนาฬิกาปลุกบนโทรศัพท์มือถือเอาไว้สัก 15-20 นาที เพื่อให้ร่างกายไม่ฝืนจนเกินไป และปล่อยให้ออกซิเจนได้ไปเลี้ยงสมองชั่วครู่ เพื่อเรียกพลังกลับคืนมา
7. หากาแฟดื่มสักแก้ว เพื่อให้คาเฟอีนช่วยกระตุ้นร่างกายให้เกิดความกระปรี้กระเปร่าเป็นการกระตุ้นประสาทได้ดี แนะนำว่าเพื่อความสะดวกสบายสำหรับชีวิตคนทำงาน ควรพกกาแฟประเภท 3 in 1 ติดตัวไว้เสมอ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินหากาแฟในขณะที่ง่วงจัด อีกทั้งความกลมกล่อมของรสชาติที่ถูกผสมผสานกันมาอย่างลงตัว จะทำให้คุณได้รสชาติที่พอดีโดยไม่ต้องปรุงแต่งให้วุ่นวาย และหลังจากดื่มกาแฟแล้วควรดื่มน้ำตามเป็นพักๆ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่ร่างกาย เพราะอวัยวะทุกส่วนต้องการน้ำเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์ อีกทั้งการง่วงคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ ถ้าคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอ หลังมื้อกลางวัน อาการง่วงเหงาหาวนอนจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แนะนำให้รินน้ำเย็นในแก้วใบโต ฝานเลมอนชิ้นบางๆ ลงไป หรือบีบมะนาวเล็กน้อยก่อนดื่ม เพิ่มความสดชื่นได้ผลทันตาเห็น