'Black Bay' เรือนเวลาชั้นเลิศแห่งความเชี่ยวชาญของ TUDOR

'Black Bay' เรือนเวลาชั้นเลิศแห่งความเชี่ยวชาญของ TUDOR

'Black Bay' เรือนเวลาชั้นเลิศแห่งความเชี่ยวชาญของ TUDOR
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     นาฬิกาดำน้ำที่ได้รับการถ่ายทอด DNA แห่งความยอดเยี่ยมทั้งในเชิงเทคโนโลยีและการออกแบบตลอดระยะเวลา 68 ปีที่ผ่านมาของ ทิวดอร์ (TUDOR) อย่าง Black Bay นอกจากจะมีรุ่นธรรมดาที่แฟนนาฬิกาทั่วโลกต่างคุ้นเคยกันดีแล้ว แน่นอนว่าทาง ทิวดอร์ ยังเติมความพิเศษด้วยทางเลือกใหม่ๆ เพื่อทำให้คอลเล็กชั่น Black Bay มีความหลากหลายที่สามารถเข้าถึงทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี

     อย่างที่ทราบกันดีว่า นับจากปี 1954 เป็นต้นมา ทิวดอร์ ได้เปิดโลกแห่งการดำน้ำด้วยนาฬิกาข้อมือรุ่น Ref. 7922 ที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ ทิวดอร์ ในตลาดกลุ่มนี้ และจากนั้นในปี 1969 พวกเขายังสร้างเอกลักษณ์แห่งการออกแบบที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงในปัจจุบันและเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง นั่นคือ ชุดเข็ม ‘Snowflake หรือ เกล็ดหิมะ’ ที่ปลายเข็มชั่วโมงมีรูปทรงที่สวยและโดดเด่น

     ดังนั้น นาฬิกาในตระกูล Black Bay จึงไม่ใช่เพียงแค่การนำเอารูปแบบคลาสสิกเดิมๆ มาเปิดตัวใหม่เท่านั้น ด้วยความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นในยุคปัจจุบัน นี่คือการหลอมรวมเอานาฬิกานักดำน้ำของ ทิวดอร์ จากเกือบ 7 ทศวรรษเข้ามาไว้ด้วยกัน พร้อมกับความยอดเยี่ยมในด้านต่างๆ

สัมผัสความยอดเยี่ยมจากโลกแห่งวัสดุ
     เมื่อหยิบยกเรื่องของวัสดุศาสตร์มาเป็นหัวข้อในการสนทนา แน่นอนว่าที่ผ่านมาเซรามิกถือเป็นวัตถุดิบประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการนำมาผลิตชิ้นส่วนของนาฬิกา แต่ในปัจจุบันความก้าวหน้าในด้านการผลิตมีมากขึ้น และเซรามิกได้ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นตัวเลือกใหม่ในการผลิตตัวเรือนนาฬิกานอกเหนือจากโลหะที่มีค่าอย่างทองคำ ซึ่ง ทิวดอร์ เองก็ได้นำเซรามิกมาใช้ในการผลิตตัวเรือนของรุ่น Black Bay ด้วย

     เซรามิกเป็นสารอนินทรีย์ และเป็นอโลหะที่ได้จากการเผาที่อุณหภูมิสูงของเซอร์โคเนียมออกไซด์ ทำให้สามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นสูงและมีคุณสมบัติเชิงกลที่โดดเด่น เพราะไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมี ทนทานต่อการใช้งาน และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 TUDOR Black Bay Ceramic
     นั่นทำให้ตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตรของ Black Bay Ceramic ที่ผลิตในรูปแบบโมโนบล็อก มีความโดดเด่นและสวยงามด้วยพื้นผิวแบบพ่นทรายและมีการขัดแต่งเหลี่ยมมุมของขอบตัวเรือนตัดกับการขัดเงาซึ่งเน้นผิวตัวเรือนให้มีความงดงาม และขอบตัวเรือนผลิตจากสแตนเลสสตีลแบบหมุนได้พร้อมกับกับอินเสิร์ตที่ผลิตจากเซรามิกสีดำผิวซันเรย์ซึ่งมาพร้อมกับสเกลสำหรับใช้ในการจับเวลา ส่วนบนหน้าปัดสีดำสร้างความเด่นด้วยการแต้มพรายน้ำสีไข่ไก่ลงไปเมื่อบวกกับชุดเข็มทรง ‘เกล็ดหิมะ’ ที่เป็นเอกลักษณ์แล้วทำให้ทุกองค์ประกอบมีความสวยอย่างสมบูรณ์แบบ

 TUDOR Black Bay Ceramic
     สิ่งที่แตกต่างจาก Black Bay รุ่นอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องของวัสดุแล้ว ในรุ่น Ceramic มีการใช้ฝาหลังแบบใส ซึ่งนั่นทำให้คุณสามารถชื่นชมกับความงามของกลไก MT5602-1U ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนต่อยอดจากกลไกตระกูล MT5602

     กลไกรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย ทิวดอร์ (Manufacture Calibre) โรเตอร์ทำจากทังสเตนแบบโมโนบล็อกสดำที่มีลวดลายฉลุ พร้อมผิวสัมผัสซาตินที่ตกแต่งรายละเอียดแบบพ่นทราย แผ่นเชื่อมและแท่นเครื่องมีพื้นผิวแบบพ่นทรายสลับกับขัดเงาและตกแต่งด้วยเลเซอร์

 
     มีความเที่ยงตรง ตามมาตรฐานการทดสอบของ COSC จากสวิตเซอร์แลนด์ และผ่านการทดสอบในระดับ Master Chronometer โดย METAS ตัวกลไกผ่านการทดสอบภายใต้อุณหภูมิที่แตกต่างกัน 2 ระดับและ 6 ตำแหน่งในการวางเพื่อทดสอบพร้อมกับระดับกำลังสำรองที่อยู่ในกระปุกลาน นั่นคือ เมื่อขึ้นลานจนเต็ม และขณะที่กำลังลานเหลืออยู่แค่ 33%เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรง และมีความทนทานต่อสนามแม่เหล็กในระดับ 15,000 เกาส์ ส่วนระดับการสำรองพลังงานอยู่ที่ 70 ชั่วโมง และมีความสามารถในการกันน้ำระดับ 200 เมตรตามมาตรฐานการทดสอบ ISO standard 22810:2010

 
     ถ้าความยอดเยี่ยมแห่งวัสดุคือจุดประสงค์หนึ่งในการเลือกซื้อนาฬิกาของคุณ แน่นอนว่า Black Bay Ceramic คืออีกหนึ่งคำตอบที่มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบของโลกแห่งเวลาที่ถูกรวมรวบอยู่บนตัวเรือนเซรามิก

เชื่อมโลกแห่งการดำน้ำเข้ากับโลกแห่งการจับเวลา
     อีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น The Best of Both Worlds คือ การนำระบบจับเวลาหรือ Chronograph ที่มีความเที่ยงตรงตามมาตรฐานกลไก Manufacture Calibre ของ ทิวดอร์ มาเชื่อมเข้ากับประสิทธิภาพของการใช้งานตามแบบฉบับนาฬิกาดำน้ำ พร้อมกับผสมผสานองค์ประกอบแห่งความคลาสสิคของการออกแบบที่ถูกถ่ายทอดมาโดยตลอดกว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่ง Black Bay Chronograph คือ นาฬิกาดำน้ำที่สามารถตอบสนองทั้งการใช้งานทั้งบนบกและใต้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 TUDOR Black Bay ChronographTUDOR Black Bay Chronograph
     แน่นอนว่าในปี 1954 คือ จุดเริ่มต้นของนาฬิกาดำน้ำ แต่ก็เช่นเดียวกันในปี 1970 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตนาฬิกาจับเวลา หรือ Chronograph ของ ทิวดอร์ ด้วยเช่นกัน กับรุ่น Oysterdate และในวาระของการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของนาฬิกาโครโนกราฟ ทิวดอร์ จึงได้ผสมผสานความยอดเยี่ยมของ 2 โลกนี้เข้าด้วยกันเพื่อสืบสานขนบธรรมเนียมแห่งนาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟให้คงอยู่ต่อไป

     Black Bay Chrono มาพร้อมตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตรมีผิวสัมผัสแบบซาตินและขัดเงาทำจากสแตนเลส สตีล 316L พร้อมขอบตัวเรือนแบบยึดตายตัวที่ผลิตจากวัสดุเดียวกันโดยด้านบนจะติดตั้งอินเสิร์ตริงที่ผลิตจากอะลูมิเนียมเคลือบผิวสีดำพร้อมกับสเกล Tachymeter สำหรับวัดความเร็ว นอกจากนั้นความเอาใจใส่ในรายละเอียดที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของแบรนด์ การดีไซน์ของปุ่มกดสเตนเลสสตีลจึงได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาจับเวลา ทิวดอร์ ยุคแรกเริ่ม

 TUDOR Black Bay ChronographTUDOR Black Bay Chronograph
     สองทางเลือกของหน้าปัดทั้งแบบ Panda ที่มีพื้นหน้าปัดสีขาวโอพาลีนตัดกับพื้นสีดำของหน้าปัดย่อย หรือ Reverse Panda ซึ่งพื้นหน้าปัดหลักจะเป็นสีดำ และพื้นหน้าปัดย่อยจะเป็นสีขาวโอพาลีน โดยวงหน้าปัดย่อยแบบร่องลึกในสีตรงกันข้ามสามารถช่วยให้อ่านค่าบนหน้าปัดได้อย่างง่ายดาย โดยวงหน้าปัดย่อยสำหรับแสดงการจับเวลา 45 นาทีจะอยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา ส่วนหน้าปัดย่อยในตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะเป็น Small Second ของระบบเวลาหลัก และหน้าต่างวันที่ได้ถูกจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา

 TUDOR Black Bay ChronographTUDOR Black Bay Chronograph
     หัวใจหลักของการขับเคลื่อน คือ กลไก MT5813 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง (Manufacture Calibre) โรเตอร์ขึ้นลานทำจากทังสเตนแบบโมโนบล็อกที่มีลวดลายฉลุ พร้อมผิวสัมผัสซาตินที่ตกแต่งรายละเอียดแบบพ่นทราย แผ่นเชื่อมและแท่นเครื่องมีพื้นผิวแบบพ่นทรายสลับกับขัดเงาและตกแต่งด้วยเลเซอร์ พร้อมกลไกคอลัมน์วีลและคลัตช์แนวตั้ง ให้ความนุ่มนวลและความเที่ยงตรงในการจับเวลา

 TUDOR Black Bay ChronographTUDOR Black Bay Chronograph
     เช่นเดียวกับกลไก Manufacture Calibre ทุกรุ่น MT5813 ผ่านการรับรองโดยสถาบนัทดสอบความเที่ยงตรงอย่างเป็นทางการของสวติเซอร์แลนด์ (COSC) ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นยิ่งกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยสถาบันอิสระแห่งนี้ โดยตามที่ COSC อนุญาตให้กลไกนาฬิกามีความผันแปรเฉลี่ยสำหรับอัตราการทำงานในแต่ละวันอยู่ระหว่าง -4 ถึง +6 วินาทีตามเวลาสัมบูรณ์ในแต่ละครั้งที่เคลื่อนไหว แต่ ทิวดอร์ ขยับมาตรฐานของตัวเองให้ไปไกลกว่านั้น และกำหนดความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ไว้ที่ -2 ถึง +4 วินาทีสำหรับนาฬิกาที่ประกอบสมบูรณ์แล้ว ส่วนกำลังสำรองของกลไกคุณสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่หยุดกลางทางเมื่อถอดวางเอาไว้ในคืนวันศุกร์และหยิบมาใส่อีกครั้งในเช้าวันจันทร์ เพราะ กลไก MT5813 มีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมง

     เพื่อรองรับทุกความต้องการและสะท้อนความเป็นตัวเอง สามารถเลือกจับคู่ Black Bay Chrono กับสายที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ทั้งสายสแตนเลสสตีล สายหนัง หรือสายผ้าแจ็กการ์ดที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นับจากปี 2010

ความส่องประกายที่แตกต่าง
     สเตนเลสสตีล 316L อาจจะให้ความแวววาวและทนทานจนถือเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการผลิตทั้งตัวเรือนและสายนาฬิกา แต่ถ้าคุณต้องการความงดงามแวววาวอย่างน่าอัศจรรย์ที่เหนือกว่าและไม่เหมือนใคร เงิน 925 คือ วัสดุที่สามารถตอบสนองความต้องการในจุดนี้ได้อย่างลงตัว และนี่คือที่มาของการนำ Black Bay มาพบกับเงิน 925 บนนาฬิการุ่น Blackbay Fifty-Eight 925

     นับเป็นครั้งแรกที่นาฬิกานักดำน้ำของ ทิวดอร์ เลือกใช้เงิน 925 หรือ Sterling Silver มาใช้ในการผลิตตัวเรือนนาฬิกา และโลหะผสมประเภทนี้ได้รับการสร้างสรรค์ด้วยส่วนประกอบที่เป็นเอกสิทธิ์ของทาง ทิวดอร์ โดยตัวเรือนมากับผิวสัมผัสซาตินตลอดทั้งเรือนซึ่งเปล่งประกายแวววาวได้อย่างคาดไม่ถึงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะสวมใส่บนข้อมือ ผิวสัมผัสที่มีความพิเศษนี้ทำให้นาฬิการุ่นนี้ยิ่งเปล่งประกายเลอค่า พร้อมขับเน้นด้วยฝาหลังตัวเรือนแบบเปิด ซึ่งทำให้สามารถชื่นชมความงดงามของคาลิเบอร์ MT5400 ได้อย่างชัดเจน

 TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925
     หน้าปัดสีเทาอมน้ำตาลขับเน้นให้ตัวเรือนสีเงินของ Black Bay Fifty-Eight 925 ดูโดดเด่นมากขึ้น พร้อมวงแหวนขอบตัวเรือนในสีเดียวกัน โดยมีการแต่งเติมรายละเอียดสีเงินลงไปบนหน้าปัดอันหรูหราของรุ่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข็มนาฬิกาทรง "เกล็ดหิมะ" อันโด่งดัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของ ทิวดอร์ มาตั้งแต่ปี 1969

     สำหรับสายผ้าซึ่งถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ ทิวดอร์ ตัวผ้าทอขึ้นในฝรั่งเศสด้วยเครื่องทอผ้าแจ็กการ์ดสมัยศตวรรษที่ 19 โดยบริษัท Julien Faure ในแคว้นแซงต์ เอเตียน มีความโดดเด่นด้านคุณภาพและความรู้สึกสบายยามสวมใส่บนข้อมือที่ไม่เหมือนใคร และเป็นสายที่ ทิวดอร์ นำเสนอสู่ตลาดมานานตั้งแต่ปี 2010

 TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925
     นอกเหนือไปจากสุนทรียภาพด้านอื่นๆ ที่นาฬิการุ่นประวัติศาสตร์นี้ได้รับการยกย่องแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มม. ซึ่งเป็นสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฬิกาในช่วงปีทศวรรษ 1950 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับข้อมือขนาดเล็ก ผู้ที่หลงใหลเสน่ห์ของสไตล์วินเทจ

TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925
     ในส่วนของกลไกนั้น คาลิเบอร์แบบ In-House ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง ยังถือเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนเหมือนกับนาฬิการุ่นอื่นๆ ของ ทิวดอร์ โดยในรุ่น Black Bay Fifty-Eight 925 มากับกลไก คาลิเบอร์ MT5400 กลไกลานอัตโนมัติพร้อมระบบโรเตอร์หมุนได้สองทิศทาง และที่สำคัญได้รับการรับรองความเที่ยงตรงที่เหนือกว่ามาตรฐาน Chronometer ของ COSC เช่นเดียวกับกลไก MT5813 ที่ติดตั้งอยู่ใน Black Bay Chrono

 TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925TUDOR Blackbay Fifty-Eight 925
     อีกคุณสมบัติที่โดดเด่นก็คือพลังงานสำรองที่เรียกว่า "ไม่หยุดสุดสัปดาห์" ด้วยตัวเลขประมาณ 70 ชั่วโมง ซึ่งทำให้ผู้สวมใส่สามารถถอดนาฬิกาในคืนวันศุกร์และสวมกลับคืนอีกครั้งตอนเช้าวันจันทร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องไขลานหรือตั้งเวลาใหม่

     ถ้าสิ่งที่คุณต้องการคือความแตกต่างที่เหนือระดับไม่ว่าจะเป็นวัสดุ การใช้งานตามสไตล์นาฬิกาดำน้ำ หรือกลไกแบบ In-House ที่มีความเที่ยงตรงในระดับสูงสุด Blackbay Fifty-Eight 925 คือ คำตอบที่ลงตัวอย่างถึงที่สุด

     ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และชมนาฬิกา TUDOR รุ่นอื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์ https://www.tudorwatch.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook