“แจ็ค เดอะโกสท์” อยู่ยงในวงการผีด้วยความสนุก

Highlight

• The Ghost Radio รายการเล่าเรื่องผีออนไลน์ ก่อตั้งโดย “วัชรพล ฝึกใจดี” หรือ “แจ็ค เดอะโกสท์”
• จุดเด่นของ The Ghost Radio คือการเปิดให้คนทั่วไปโทรมาเล่าเรื่องผี โดยไม่จำกัดเวลา จนได้ฉายาว่า “รายการเล่าเรื่องผีที่จบตอนไหนก็ไม่รู้”
• เรื่องผีของไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แพลตฟอร์มออนไลน์เอื้อให้มีรายการผีที่หลากหลายมากกว่าสมัยก่อน
• จากการจัดรายการผีมานานกว่า 20 ปี แจ็คเรียนรู้ว่า “คนน่ากลัวกว่าผี”

วัชรพล ฝึกใจดี (แจ็ค เดอะโกสท์)

ในโลกของการเล่าเรื่อง “เรื่องผี” ถือเป็นประเภทเรื่องเล่าที่ไม่เคยล้าสมัย และยังอยู่คู่กับสังคมไทยมานาน เรื่องเล่าขนหัวลุกเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านปากต่อปาก ตามด้วยช่องทางวิทยุและโทรทัศน์ จนกระทั่งล่าสุด เมื่อผู้คนย้ายชุมชนเข้าสู่โลกออนไลน์ เรื่องผีก็ยังคงติดตามไปในแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนนอนดึก ที่แม้ว่าจะสร้างความหวาดกลัวสยองขวัญ แต่หลายๆ คนก็ยอมรับว่ามันคือความสนุกสนานตื่นเต้นที่เรื่องเล่าประเภทอื่นๆ ให้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ในโลกออนไลน์ที่ใครๆ ก็สามารถสร้างคอนเทนต์ได้ ทำให้มีรายการเกี่ยวกับโลกหลังความตายเกิดขึ้นมากมายในยุคนี้ และท่ามกลางมหาสมุทรแห่งความตื่นเต้นระทึกใจ “The Ghost Radio” ถือกำเนิดขึ้นด้วยฝีมือของคนกลัวผีแต่ชอบฟังเรื่องผี อย่าง “วัชรพล ฝึกใจดี” หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “แจ็ค เดอะโกสท์”

เมื่อราว 20 ปีก่อน แจ็คได้ “เดบิวต์” ตัวเองในวงการเล่าเรื่องผี ในชื่อ “แจ็ค สายสิญจน์” โดยเป็นหนึ่งในทีมงานของรายการ The Shock ซึ่งก่อตั้งโดยราชาเรื่องผีอย่าง “ป๋อง - กพล ทองพลับ” ก่อนที่จะลาออกจากทีมและทำธุรกิจของตัวเองได้ประมาณ 2 ปี ซึ่งการออกเดินทางครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่า งานที่เขามีความสุขและเชี่ยวชาญมากที่สุด คือการจัดรายการผี ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจหวนคืนวงการ และก่อตั้ง “The Ghost Radio” ในที่สุด

“ผมเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่ไม่เคยเจอผี แต่เป็นคนชอบฟังเรื่องผี ชอบดูหนังผี แล้วก็มีความสุข สนุกทุกครั้งเวลาที่คนโทรศัพท์มาเล่าเรื่องผี ความสนุกของการฟังเรื่องผีคือการที่เราจินตนาการ เราจะคิดเอง สิ่งที่เขาเล่ามาเราไม่รู้หรอกว่าเขาเจอมาแบบไหน แต่คำว่าจินตนาการมันสามารถเติมเสริมได้อลังการมากกว่าสิ่งที่เขาอาจจะเจอก็ได้ นั่นแหละคือความสนุกที่สุด” แจ็คกล่าว

The Ghost Radio

ในบรรดารายการเล่าเรื่องผีในโลกออนไลน์ The Ghost Radio ถือเป็นรายการที่มีชั่วโมงบินสูงรายการหนึ่ง พร้อมคอนเซ็ปต์ฟังเรื่องผีแบบ “จบตอนไหนก็ไม่รู้” ซึ่งเป็นจุดเด่นของรายการ โดยแจ็คเล่าว่า คอนเซ็ปต์นี้เกิดขึ้นจากเสียงเรียกร้องของแฟนรายการ ที่รู้สึกว่าเรื่องผีวันละ 4 เรื่องนั้นยังไม่จุใจ จนทำให้ทุกวันนี้ รายการได้ขยายจำนวนเรื่องเล่าออกไปเป็นคืนละถึง 9 เรื่อง ประกอบกับเรื่องผีในปัจจุบันมีความยาวมากขึ้น คอนเซ็ปต์ “จบตอนไหนก็ไม่รู้” จึงตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเช่นกัน

“เราเริ่มตั้งแต่ 21.45 น. เคยทำสถิติสูงสุดเกือบ 6 โมงเช้า ก็ยังมีคนฟังอยู่ 5.40 น. เรื่องผีจบ แต่ก็ยังมีคนฟังอยู่กับเรา” แจ็คกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้เขายอมอดหลับอดนอนทั้งคืน เพื่อนั่งจัดรายการและฟังเรื่องเล่าจากทางบ้าน แจ็คเปิดใจว่า มันเป็นภาระหน้าที่ที่เขาต้องอยู่ เพื่อสร้างความบันเทิงให้ผู้ฟัง และยังเป็นความตื่นเต้นส่วนตัวของเขาด้วย

“ผมจะเป็นคนที่ไม่ฟังเรื่องก่อน จะมีทีมงานสกรีนเรื่อง เขาก็จะดูว่าเรื่องนี้ได้หรือไม่ได้ ผมจะรู้อีกทีหนึ่งก่อนเข้ารายการ ประมาณสัก 3 ทุ่ม จะรู้ว่า อ๋อ... คืนนี้จะมีชื่อเรื่องนี้ แต่ยังไม่รู้นะว่าโครงเรื่องจะเป็นอย่างไร นั่นคือความสนุก เรื่องแรกจะเป็นยังไงวะ เรื่องแรกฟัง โอ๊ย! สนุก ตื่นเต้น จบเลย เหมือนดูหนัง รอลุ้นต่อเรื่องสอง นั่นคือความสนุกของแต่ละคืน ตั้งแต่ 1 – 9 เรามีความสุขกับมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น นั่งได้ยาวๆ เพียงแต่ว่าสังขารมันจะไหวแค่ไหนเท่านั้นแหละ” แจ็คกล่าวพร้อมหัวเราะ

แม้ว่าโดยทั่วไป งานของแจ็คจะดูเป็นงานง่าย แค่นั่งฟังเรื่องราวที่แฟนรายการโทรเข้ามาเล่าให้ฟัง แต่ที่จริงแล้ว การทำงานดีเจรายการเล่าเรื่องผีก็มีหลักในการทำงานเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ โดยเฉพาะการให้เกียรติแฟนรายการ

“เราต้องให้เกียรติเขาก่อน เขาอุตส่าห์สละเวลาการนอนของเขาในแต่ละคืน โทรมาเล่าให้เราฟัง เพราะฉะนั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ ก็คือตั้งใจฟังทุกเรื่อง มีสมาธิกับมันทุกเรื่อง เอาตัวเองเข้าไปอยู่กับมันทุกเรื่อง คนอื่นๆ ฟังแล้วก็อาจจะผ่าน อาจจะแวะออกไปนู่นนี่นั่นได้ แต่ผมไม่สามารถออกจากเรื่องได้ ต้องอยู่กับมันจนจบ ต้องใช้สมาธิเพื่อที่จะเอามาใช้สรุปเรื่องในตอนท้าย ซึ่งอันนี้ก็สำคัญมาก ไม่ใช่แค่ฟังจบ เอ้า ขอบคุณครับ จบกันไป อันนี้ไม่ได้ ต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนิดหนึ่ง” แจ็คกล่าว

ความตื่นเต้นไม่มีวันตาย

ในฐานะที่อยู่ยงคงกระพันในวงการเล่าเรื่องผีมานานกว่า 20 ปี แจ็คกล่าวว่า เรื่องผีนั้นมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จากการปรากฏกายในรูปแบบสยดสยอง แหวกอก ควักไส้ ผีหัวขาดถือหัว ผีสาวชุดขาว ผีผู้ชายไม่ใส่เสื้อ กลายเป็นผีที่แต่งกายเหมือนคนปกติในยุคปัจจุบัน รวมทั้งเทคโนโลยีในการสื่อสารต่างๆ ก็เข้ามามีบทบาทในเรื่องผีด้วย

“เทรนด์การเจอผี โครงเรื่องเหมือนเดิม แต่วิธีการปรากฏตัวของผีเปลี่ยนไปตามยุคสมัย บางทีสมัยนี้อาจจะมาจากเทคโนโลยี เช่น LINE พวกแชท พวกโทรศัพท์ มันก็มีเยอะแยะมากมาย แม้กระทั่งผีที่เกี่ยวข้องกับไรเดอร์ส่งอาหาร ก็เจอกันบ่อยๆ”

เมื่อถามถึงผีที่แจ็คกลัวมากที่สุด เขาตอบว่า “ผีนางรำ” อีกหนึ่งผียอดฮิตซึ่งมีเรื่องเล่าที่มากมายมหาศาล

“ผีนางรำที่ฟังมาล่าสุดแล้วรู้สึกว่าอินและกลัวที่สุด คือผีนางรำที่ปรากฏตัวแบบใหม่ๆ ปกติเวลาผีนางรำปรากฏตัวออกมาจะรำ แต่อันนี้ผีนางรำปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเสียงซออู้ก่อน มันจะมีเสียงซออู้นำมาก่อน แล้วการปรากฏตัวของเขาคือ รปภ. คนนี้หันไปเห็น มันเป็นผีนางรำที่ไม่รำ ยืนเฉยๆ ตาสีขาว อ้าปากกว้างๆ มีเสียงซออู้ออกมาจากปาก เออ... มันใหม่มาก มันคือการปรากฏตัวของผีที่ใหม่มาก แล้วฟังแล้วมันก็น่ากลัว” แจ็คเล่า

นอกจากการปรากฏตัวสุดครีเอตของเหล่าผียุคใหม่แล้ว วิธีการลำดับเรื่องยังแตกต่างจากเรื่องผีในสมัยก่อนด้วย

“วิธีการเล่าเรื่องผีสมัยก่อนเขาเล่าตั้งแต่ 1 – 10 แต่สมัยนี้เด็กเขาสร้างสรรค์ บางทีเขาเล่าตั้งแต่ 10 – 1 เล่า 10 มากลาง แล้วไป 1 แล้วกลับไป 10 ใหม่ ฟังแล้วแบบ... อ๋อ มันหักไปหักมา พลิกไปพลิกมา นั่นก็คือการเล่าเรื่องผีที่ดี ผมแค่มีหน้าที่ประคองให้คนเล่าอยู่ในโครง อยู่ในเส้นเรื่องของเขา เราก็ต้องอยู่กับเขาด้วย”

นอกจากนี้ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในรายการเล่าเรื่องผี คืออายุของคนที่โทรมาเล่าเรื่อง จากวัยผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 30 – 65 ปี กลายเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางไปพักตามสถานที่ต่างๆ และพบเจอกับเหตุการณ์สยองขวัญ ซึ่งแฟนรายการกลุ่มนี้ทำให้ The Ghost Radio ได้ชื่อว่าเป็น “รายการผีของคนรุ่นใหม่” ในที่สุด

“วัยรุ่นที่เชื่อเรื่องผี เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษมีเยอะนะ มีเยอะกว่าที่เราคิดไว้เยอะมาก” แจ็คยืนยัน

นอกจากการเปลี่ยนแปลงในแง่โครงเรื่องและผู้เล่าเรื่องแล้ว “ช่องทางการออกอากาศ” ยังมีการพัฒนามากขึ้นด้วย เพราะเรื่องผีไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่รายการในโทรทัศน์หรือวิทยุอีกต่อไป แต่ยังกระจายไปในโลกออนไลน์และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา

“สมัยก่อนมันถูกจำกัดด้วยแพลตฟอร์มก่อน แพลตฟอร์มคือมันเป็นวิทยุกับโทรทัศน์แค่นั้น คุณไม่มีโอกาสดีๆ ที่คุณจะสามารถนึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้เลยเหมือนกับสมัยนี้ สมัยก่อนคุณต้องเข้าไปอยู่ในสังกัด มีเส้นมีสาย หรือถ้าทำเองคุณต้องมีเงินมหาศาลมากเพื่อจะไปเช่าเวลาทำ แต่สมัยนี้มันง่ายทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแต่ว่าคุณมีเวลากับมันหรือเปล่า คุณมีแค่มือถืออันเดียว คุณสามารถที่จะเดินไปบ้านร้าง คุณสามารถที่จะเอาโทรศัพท์มาตั้ง ถ่ายตัวเองเล่าเรื่องผีได้ง่ายมากๆ เพราะฉะนั้น มันไม่ได้ยากกว่าสมัยก่อน มันง่ายกว่าสมัยก่อนด้วยซ้ำ”

แม้ว่าใครๆ ก็เป็นเจ้าของรายการผีได้ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ แต่สำหรับแจ็ค เขาไม่ได้รู้สึกว่าคนเหล่านี้เป็นคู่แข่ง แต่เขามองว่า ความหลากหลายของรายการผีกลับกลายเป็นกำไรของคนชอบฟังเรื่องผีมากกว่า

The Ghost Radio

ฟังเรื่องผีอย่างไรให้ได้ประโยชน์

แม้จะจัดรายการเล่าเรื่องผีมานานกว่า 20 ปี แต่แจ็คยอมรับว่า ทุกวันนี้เขายังแยกไม่ออกว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง เรื่องไหนเป็นเรื่องแต่ง และเขาไม่เคยสนใจด้วย เพราะสิ่งสำคัญในการฟังเรื่องผีคือ “ความบันเทิง”

“ถ้าจะฟังแบบเป็นกลางที่สุดคือฟังเอามัน พูดภาษาชาวบ้านเลย ฟังเอาบันเทิง ฟังให้คุณตื่นเต้น ฟังแค่ให้รู้ว่าผีมันจะออกมาหลอกเราแบบไหนวะ คุณจะจินตนาการไปทางไหน ฟังให้มันเหมือนดูหนังผีเรื่องหนึ่ง ดูหนังผีจบแล้วก็จบ ไม่ต้องไปซีเรียส ไม่ต้องไปแบบ ‘โห... มันจะจริงเหรอวะ’ ‘เจออย่างนั้นก็ต้องเป็นข่าวสิวะ ต้องไปแจ้งตำรวจสิวะ’ มันจะไปสนุกอะไรล่ะครับ เพราะฉะนั้น แค่มันจบในเรื่องดีกว่า”

“สมัยก่อนผมจะได้แค่รู้ว่าผีน่ากลัว แค่นั้นเอง แต่พอเราฟังมาเรื่อยๆ จริงๆ แล้วผีไม่ได้น่ากลัวทุกตนนะ ที่น่ากลัวกว่าผีคือคน คนสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ สามารถที่จะฆ่าใครก็ได้ สามารถที่จะหักหลังใครก็ได้ เพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะฉะนั้น จิตใจของคนน่ากลัวกว่าผี เราฟังเราจะได้คติเตือนใจ สอนใจเลยว่าบางสิ่งบางอย่างที่มันเป็นการเบียดเบียน ไปทำร้ายคน ผมว่าบางทีมันควรที่จะเบรกกันไว้ได้ รู้จักเรื่องของบาปบุญคุณโทษ” แจ็คกล่าวถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการคร่ำหวอดในวงการเล่าเรื่องผี

The Ghost House

หลังจากที่ The Ghost Radio เติบโตอย่างต่อเนื่อง แจ็คในฐานะที่เป็นคนติดกาแฟ ได้ริเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ คือการเปิดร้านกาแฟธีมผีที่ชั้นล่างของออฟฟิศ และตั้งชื่อว่า “The Ghost House” พร้อมเมนูซิกเนเจอร์อย่างกาแฟอเมริกาโนที่มีรสชาติละมุนด้วยฟอง รวมทั้งเบเกอรีสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่ตกแต่งเป็นธีมผีและสิ่งลี้ลับจากทั่วโลก และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากเหล่าแฟนรายการและคาเฟ่ฮอปเปอร์ไม่น้อย จนกระทั่งรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19

“ไม่ได้เปิดมาแล้วเจอโควิด เปิดมาในช่วงโควิด เปิดคาเฟ่มาช่วงโควิดเลยฮะ คือช่วงนั้นไม่รู้ว่าผีห่าซาตานที่ไหนเข้าสิง คิดว่ามันต้องรอดว่ะ มันต้องเวิร์กว่ะ ก็เลยทำขึ้นมา ปรากฏว่าทำได้สักประมาณ 1 เดือน คนแน่นทุกวันเลย ตอนนั้นช่วงโควิดแล้วนะ แต่มันยังไม่ลามขนาดนี้ หลังจากนั้นเดือนนึง ล็อกดาวน์ เรียบร้อย เงียบกริบ”

อย่างไรก็ตาม แจ็คเปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้ทำให้เขาและทีมงานรู้สึกท้อถอยแต่อย่างใด

“The Ghost Radio ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้นจากสถานการณ์โควิดเลยนะ พอมีโควิดแล้วก็มีการประกาศล็อกดาวน์ เราเพิ่มวันออกอากาศด้วยซ้ำนะตอนนั้น แล้วคนฟังก็มาเยอะขึ้น เพราะคนอยู่บ้าน ไม่รู้จะทำอะไร ฟังเรื่องผี เพราะฉะนั้น เราไม่มีผลกระทบอะไรเลย มีผลกระทบอย่างเดียวคือร้านกาแฟ แต่อย่าลืมว่าสายเลือดหลักของเรามันคือ The Ghost Radio ซึ่งมันก็ลงมาหล่อเลี้ยงข้างล่างได้อยู่ เพราะฉะนั้น ไม่มีความท้อเลยฮะ พนักงานทุกคน ทีมงานทุกคนอยู่กันครบ”

The Ghost Radio

The Ghost Radio ในอนาคต

เมื่อถามถึงทิศทางในอนาคตของ The Ghost Radio แจ็คกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าเขาและทีมงานสร้างรายการนี้มาจากศูนย์ จนกระทั่งเป็นรูปเป็นร่าง มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง พร้อมพนักงานอีกหลายชีวิต เขามองว่ารายการนี้ยังเดินทางไปได้อีกไกล แต่แกนหลักก็จะยังคงอยู่กับเรื่องผีและสิ่งลี้ลับ รวมทั้งจะนำเอาเรื่องเล่าจากแฟนรายการไปต่อยอดในโปรเจ็กต์อื่นๆ

“ผมไม่รู้หรอกว่าเราจะไปได้ถึงไหน แต่ผมคิดว่ามันจะไปได้ไกลกว่านี้อีก มันจะไปในทิศทางนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะโตเบิกบานไปได้ถึงขั้นไหน ก็อยู่ที่สังขารตัวเองดีกว่า” แจ็คทิ้งท้ายพร้อมหัวเราะเสียงดัง