TAG Heuer เปิดตัว 6 นาฬิกาใหม่ในงาน Watches & Wonders 2022
TAG Heuer (แทค ฮอยเออร์) เปิดตัวนาฬิกาใหม่กว่า 6 เรือน ในงาน Watches & Wonders ประจำปี 2022 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของนวัตกรรม ความทนทาน และคุณภาพ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปส่อง 6 เรือนเวลาหรูสุดพิเศษที่บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด
1. TAG Heuer Carrera X Porsche Limited Edition
แทค ฮอยเออร์ และ ปอร์เช่ ต่อยอดความสำเร็จของความร่วมมือกันในปี 2021 อีกครั้งด้วยการกลับมาของเรือนเวลาสปอร์ตสุดแข็งแกร่ง TAG Heuer Carrera x Porsche Limited Edition รุ่นใหม่ล่าสุด
แทค ฮอยเออร์ และ ปอร์เช่ มีความผูกพันกันมายาวนานกว่า 50 ปีด้วยสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นจากรากฐานของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต รวมถึงความคล้ายคลึงกันในแง่ของประวัติศาสตร์อันยาวนาน แนวคิดอันทรงพลัง และการออกแบบนวัตกรรมอันล้ำสมัย
โดยนาฬิการุ่นพิเศษเรือนนี้มีต้นแบบมาจาก Carrera Sport Chronograph และขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก Calibre Heuer 02 แบบ In-House ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วน 168 ชิ้น จากชุดเฟือง Column Wheel และ Vertical Clutch ที่ช่วยให้นาฬิกาเรือนนี้สามารถจับเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง
เรือนเวลาสปอร์ตสีดำเคลือบ DLC สีดำสนิทคุณภาพสูง ถูกขับให้โดดเด่นและหรูหรายิ่งขึ้นด้วยสีเหลืองที่ถูกทอดแทรกในองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสีเหลืองสำหรับรถแข่งของปอร์เช่ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ปอร์เช่บนขอบหน้าปัด เม็ดมะยม หน้าปัดย่อย และเข็มวินาที รวมถึงการเคลือบ Super-LumiNova® ที่จะช่วยส่องแสงสีเหลืองในความมืดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีดีเทลสุดล้ำที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ไม่ว่าจะเป็น พื้นผิวของหน้าปัดสีดำที่มีเอฟเฟกต์ประกายแวววาวเล็กน้อยคล้ายกับพื้นผิวโลหะของตัวรถ หรือ พื้นหน้าปัดย่อยที่มีลูกเล่นเหมือนกับถนนยางมะตอย
*วางจำหน่ายในเดือนเมษายน 2022
2. TAG Heuer Monaco Gulf Special Edition
กลับมาอีกครั้งกับอีกหนึ่งเรือนเวลาที่นักสะสมต่างรอคอย แทค ฮอยเออร์ ส่ง Monaco Gulf Special Edition รุ่นพิเศษที่มาพร้อมกลไก Heuer 02 แบบ In-House
โดยนาฬิกาเรือนนี้มีจุดเริ่มต้นจากความเชื่อมโยงกันของ แทค ฮอยเออร์ กัลฟ์ และ ปอร์เช่ เมื่อ Steve McQueen สวมใส่ Monaco พร้อมขับรถแข่ง Porsche 917 ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของ Gulf ในภาพยนตร์ Le Mans แทค ฮอยเออร์จึงได้คิดค้น Monaco Gulf Special Edition ขึ้นมาในปี 2007 เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสัมพันธ์อันดีงามนี้
โดยรุ่นปี 2022 นี้ น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะมีดีไซน์อันโดดเด่นผสานกับสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของกัลฟ์อย่างสีน้ำเงิน สีเทอร์ควอยซ์ และสีส้มแล้ว ยังมาพร้อมกลไกออโตเมติก Calibre Heuer 02 แบบ In-House อีกด้วย
ส่วนตัวเรือนเป็นสเตนเลสขัดแต่งแบบ brushed และ polished มาพร้อมหน้าปัดซันเรย์เล่นแสงที่ผสานดีเทลสุดโฉบเฉี่ยวของกัลฟ์เข้ากับความสง่างามของ Monaco ได้อย่างลงตัว เสริมความหรูหราไปอีกขั้นด้วยหน้าปัดย่อยสีเทอร์ควอยซ์และสีส้มบริเวณ 3 นาฬิกา และโลโก้กัลฟ์สีขาวล้วน นอกจากนี้ หลักเวลาที่ 12 นาฬิกา ถูกแทนที่ด้วยหมายเลข “60” ซึ่งถูกขัดเงาและชุบด้วยโรเดียมเพื่อสื่อถึงหมายเลขรถแข่งของปอร์เช่และกัลฟ์ ฝาหลังเปลือยโชว์กลไก และ Column Wheel สีส้ม ปิดท้ายด้วยสายหนังรูสีน้ำเงินที่แอบแทรกความเป็นกัลฟ์ด้วยลูกเล่นสีส้มด้านใน
*วางจำหน่ายเดือนพฤษภาคม 2022
3. TAG Heuer Aquaracer Professional 300 Orange Diver
แทค ฮอยเออร์ เสริมทัพคอลเลคชั่น Aquaracer Professional 300 อีกครั้งในปีนี้ด้วยการส่ง Aquaracer Professional 300 Orange Diver นาฬิกาสุดหรูสีสันเร้าใจซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Ref. 844 Orange Diver ที่พร้อมกระตุ้นความเป็นนักผจญภัยในตัวคุณ!
Aquaracer Professional 300 Orange Diver ขนาด 43 มิลลิเมตร มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดแต่งแบบ brushed และ polished หน้าปัดสีส้มอันโดดเด่นตัดกับเข็มนาฬิกาสีขาวเคลือบ Super-LumiNova® โดยดีไซน์หลักๆ จะถูกถอดแบบมาจากรุ่น Aquaracer Professional 300 ไม่ว่าจะเป็นขอบหน้าปัดเซรามิกสีดำรูปทรง 12 เหลี่ยมหมุนได้ทิศทางเดียว ความสามารถในการกันน้ำลึก 300 เมตร การทำแว่นขยายตรงหน้าต่างบอกวันที่บริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกาให้อยู่ใต้กระจกแซฟไฟร์เพื่อให้พื้นผิวด้านนอกเรียบเนียนเสมอกัน หรือบานพับที่สามารถปรับเพิ่มหรือลดความยาวของสายได้มากถึง 1.5 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถปรับสายนาฬิกาได้อย่างอิสระเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ข้อมือขยายหรือหดตัว
โดยเรือนเวลารุ่นใหม่นี้ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก Calibre 5 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 38 ชั่วโมง เป็นที่ทราบกันดีว่า “สีส้ม” เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความปลอดภัยในท้องทะเล นอกจากนี้ยังเป็นสีที่สื่อถึงความเร็ว และการบันทึกสถิติ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับสากลไม่ว่าจะเป็นในสนามแข่งหรือบนชุดอวกาศของนาซา ด้วยสีสันสุดเร้าใจ คุณสมบัติทางเทคนิคที่โดดเด่น และการออกแบบอันล้ำสมัย Aquaracer Professional 300 Orange Diver จึงขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งเพื่อนซี้คู่ใจที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์
*วางจำหน่ายเดือนพฤษภาคม 2022
4. TAG Heuer Aquaracer Professional 1000 Superdiver
ดุดันและแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นกับ TAG Heuer Aquaracer Professional 1000 Superdiver นาฬิกาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและเกิดมาเพื่อดำดิ่งลงใต้ท้องทะเลลึก ด้วยความสามารถในการกันน้ำลึกถึง 1,000 เมตร ที่สำคัญยังเป็นนาฬิกาเรือนแรกของแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre TH30-00 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง ซึ่งผลิตโดย Kenissi Manufacture SA หนึ่งในผู้ผลิตกลไกการทำงานของนาฬิกาสัญชาติสวิสที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก โดยกลไกนี้ถูกผลิตขึ้นสำหรับแทค ฮอยเออร์โดยเฉพาะ ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความแม่นยำและความทนทาน
โดยรุ่นใหม่นี้ถือเป็นการสืบทอดมรดกของ Heuer 1000m Diver ในปี 1982 และ Super Professional ในปี 1984 สะท้อนความเชี่ยวชาญของแทค ฮอยเออร์ในด้านการผลิตนาฬิกาและนาฬิกาดำน้ำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 40 ปี
“เอ็กซ์ตรีม” คือคำจำกัดความที่อธิบายตัวตนของ Aquaracer Professional 1000 Superdiver ได้อย่างดีเยี่ยม ตัวเรือนขนาด 45 มิลลิเมตรถูกสร้างขึ้นเพื่อต้านทานความลึกใต้ท้องมหาสมุทร มาพร้อมลุคสปอร์ตสุดแข็งแกร่งแต่สง่างาม นาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาดำน้ำที่บางที่สุดในโลกด้วยความหนาเพียง 15.75 มิลลิเมตร และทนต่อแรงกดดันใต้น้ำลึกได้อย่างดีเยี่ยม โดยตัวเรือนทำจากไทเทเนียม เกรด 5 ซึ่งเป็นวัสดุพิเศษที่ทำให้รูปลักษณ์ดูเป็นเหล็กมากขึ้นแต่ยังคงมีน้ำหนักเบาตามแบบฉบับของไทเทเนียม
ดีไซน์โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดเซรามิกสีดำ โดยส่วน 15 วินาทีแรกเป็นไฮบริดเซรามิกสีส้มใช้สำหรับการจับเวลาในการทำ Decompression Stop ขณะดำน้ำ ตัวหน้าปัดสลักลายขวางที่มีระยะเส้นห่างจากกันมากขึ้นกว่ารุ่น Aquaracer Professional 300 เล็กน้อย เข็มชั่วโมงรูปทรงลูกศร เข็มนาทีและเข็มวินาทีสีส้ม เคลือบ Super-LumiNova® SLN Grade X1 เกรดสูงสุดที่ทรงพลังและส่องสว่างมากที่สุด สีส้มถือเป็นสีที่แทค ฮอยเออร์นิยมใช้เป็นหลักในรุ่นนี้ เพราะนอกจากจะตัดกับสีของท้องทะเลซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นใต้น้ำแล้วยังสื่อถึงความปลอดภัยทางทะเลอีกด้วย
เพื่อความทนทานและความปลอดภัยขั้นสูง แทค ฮอยเออร์ ได้เพิ่มตัวป้องกันน้ำไหลเข้าเม็ดมะยมให้สามารถขันและคลายเกลียวได้อย่างปลอดภัย ตัวเม็ดมะยมเคลือบ DLC สีดำ และเล่นสีส้มรอบ Crown Tube เสริมให้นาฬิกาเรือนนี้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีวาล์วฮีเลียมเคลือบ DLC สีดำ สลักข้อความ “He” เพื่อช่วยระบายก๊าซฮีเลียมที่อยู่ในตัวเรือนและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนาฬิกาอีกด้วย ปิดท้ายด้วยฝาหลังเหล็กสลักสัญลักษณ์หมวกดำน้ำสุดไอคอนนิคที่เราคุ้นเคยกันดี
*วางจำหน่ายเดือนกรกฎาคม 2022
5. TAG Heuer Aquaracer Professional 200 Solargraph
มาต่อกันที่ Aquaracer Professional 200 Solargraph นาฬิการะบบพลังงานแสงอาทิตย์เรือนแรกของแทค ฮอยเออร์ที่ออกแบบมาเพื่อสาย Outdoor โดยเฉพาะ และยังเป็นเรือนแรกของแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre TH50-00 ซึ่งผลิตโดย La Joux-Perret รวมถึงเป็นครั้งแรกในสวิตเซอร์แลนด์ที่มีการใช้หน้าปัดเทคโนโลยีโซลาร์ “Eco-Drive” อีกด้วย ตัวกลไกสามารถชาร์ตพลังงานจากแสงอาทิตย์หรือแสงแดดเทียมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ชาร์ตเต็มได้เพียงรับแสงแดดเต็มที่เป็นเวลา 2 นาทีก็สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และสามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน แม้ไม่ได้รับแสงแดดนาน 20 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดพลังงานหรือ Power Save Mode อีกด้วย
แนวคิดเบื้องหลังของตระกูล Aquaracer คือความกล้าหาญ ปราดเปรียว และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเล่นกีฬาบนท้องฟ้าสีคราม ปีนผา หรือเดินป่า แสงแดดก็เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมผจญภัยของเราเสมอ นอกจากแสงอาทิตย์จะให้พลังงานขับเคลื่อนกลไกของนาฬิกาแล้วยังทำให้ขอบหน้าปัด พื้นหน้าปัด และเข็มนาฬิกาที่เคลือบ Super-LumiNova® สว่างขึ้นยามค่ำคืนอีกด้วย
ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 40 มิลลิเมตร เคลือบ DLC ขอบหน้าปัดทำจากคาร์บอนผสม Super-LumiNova® สีเขียว ทำให้มีเอฟเฟกต์คล้ายกับแนวสันเขาที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติบนโขดหิน ซึ่งลวดลายก็จะแตกต่างกันในแต่ละเรือน เฉดสีเขียวและสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกสอดแทรกในตัวเรือนชวนให้นึกถึงปรากฏการณ์แสงเหนือในเขต Arctic Circle ได้อย่างดี ส่วนพื้นหน้าปัดมีความโปร่งใสบางส่วนเพื่อให้กลไกภายในสามารถรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ ปิดท้ายด้วย สายนาฬิกาทำจากยางสีดำลุคสปอร์ต
*วางจำหน่ายเดือนตุลาคม 2022
6. TAG Heuer Carrera Plasma Tourbillon Nanograph
ปิดท้ายด้วย TAG Heuer Carrera Plasma เรือนเวลาสุดหรูทำจากเพชรสังเคราะห์ หรือ Lab-grown Diamonds ขับเคลื่อนด้วยกลไก HEUER02 Tourbillon Nanograph ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 65 ชั่วโมง นับเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมนาฬิกาและประวัติศาสตร์ของแทค ฮอยเออร์กว่า 160 ปีที่ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ในการออกแบบเรือนเวลาและเทคนิคการเลือกใช้วัสดุที่เล่นกับแสง โดยหยิบยกประโยชน์ที่หลากหลายของเพชรสังเคราะห์มาเนรมิตให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต
Carrera Plasma เป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมอันล้ำสมัยที่ฝังรากลึกในดีเอ็นเอของแทค ฮอยเออร์ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความสวยงาม การใช้งาน และการออกแบบอันทรงพลังที่ทำให้เรือนเวลานี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เพชรบนเรือนเวลาสุดหรูนี้ถูกรังสรรค์ด้วยเทคโนโลยี Chemical vapour deposition (CVD) หรือ ‘Diamant d’Avant-Garde’ ให้มีรูปทรงและ texture ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะสอดแทรกอยู่บนขอบตัวเรือน หลักเวลา และหน้าปัด แต่ไฮไลท์สำคัญคือหน้าปัดทำจากเพชร Polycrystalline อนุภาคเพชรที่มารวมกันเป็นพื้นหน้าปัด โดยเป็นการคิดค้นร่วมกันกับเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในวงการเจียระไนเพชร เช่น Lusix, Capsoul และ Diamaze โดย Capsoul สตาร์ทอัพออกแบบเพชร มาช่วยรังสรรค์เม็ดมะยมเพชรที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา พร้อมขับให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วย Pushers เคลือบ DLC สีดำเนื้อแมต นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดย่อยบริเวณ 3 นาฬิกา และ 9 นาฬิกา ที่ทำจากเพชร Polycrystalline สีดำ และเข็มนาฬิกาชุบโรเดียมอีกด้วย
ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร ทำจากอลูมิเนียมพ่นทรายชุบอโนไดซ์ (Sandblasted Anodized Aluminum) จึงทำให้มีน้ำหนักเบา สีสันสวยงาม รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งและความบริสุทธิ์ของเพชร และขอบหน้าปัดเซรามิกขัดแต่งแบบ polished ที่ช่วยเพิ่มความสง่างามให้แก่เรือนเวลา หลักเวลาทำจากทองคำขาวและเพชร มาพร้อมเข็มชั่วโมง และเข็มนาทีชุบโรเดียมสีดำแมตเคลือบ Super-LumiNova® สีขาว ปิดท้ายด้วยสายหนังสีดำและบานพับสีดำทำจากไทเทเนียม เกรด 2