จีบคนโสดที่มีความสุขยากจริงเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

จีบคนโสดที่มีความสุขยากจริงเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

จีบคนโสดที่มีความสุขยากจริงเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากพูดถึงเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ การมีความรัก เคยสงสัยหรือไม่ว่าคนประเภทไหนที่ “จีบยากที่สุด” หัวสมองของเราคงจะเริ่มทำงาน พยายามค้นหาประสบการณ์ที่ผ่านมาว่ามีครั้งไหนบ้างที่เราไปชอบใครคนนั้นเข้า แล้วพยายามจีบเท่าไรก็ไม่สำเร็จเสียที สารพัดวิธีที่ใครเขาว่าเด็ดก็ลองมาจนหมดแล้วก็ยังไม่สำเร็จ จีบจนเหนื่อย แบบว่าให้เข็นครกขึ้นภูเขาหรือไปงมเข็มในมหาสมุทรยังน่าจะง่ายกว่าเสียอีก จีบจนต้องขอยอมแพ้ไปเอง (และแน่นอนว่าตอนนี้ก็จีบไม่ติด) นึกภาพออกไหมว่าลักษณะของคนคนนั้นเป็นอย่างไร

ภาพของคนที่โสดมานาน โสดจนมีความสุขกับชีวิตโสดของตัวเอง ปรากฏขึ้นในหัวว่านี่แหละคือลักษณะของคนที่จีบยากที่สุด อย่าได้ไปค่อนขอดว่าที่พวกเขาโสดนั้นเพราะไม่มีใครเอา โสดเพราะเรื่องเยอะเลือกมาก โสดเพราะเก่งเกินไปจนใคร ๆ ก็ไม่กล้าเข้าหา หรือเพราะพวกเขาปิดใจไม่รับรักใครเด็ดขาด จริง ๆ แล้วพวกเขาเหล่านี้มักจะเต็มใจโสดเอง และพอใจกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ในเมื่อพอใจแล้วก็ไม่ต้องขวนขวายหาเพิ่ม ดังนั้น คนกลุ่มนี้โสดเพราะเลือกที่จะโสด และไม่ต้องการความรักจากใครอื่นต่างหาก

ปัจจุบันนี้มีคนโสดประเภทที่เต็มใจจะโสดเองเพราะเลือกแล้วอยู่มากมาย พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าการทำอะไรคนเดียว กินข้าวคนเดียว เที่ยวคนเดียว หรือเดินสวนกับคู่รักนับสิบนับร้อยในวันวาเลนไทน์เป็นปัญหาในการใช้ชีวิต พวกเขามีเรื่องอะไรต้องทำมากกว่าจะมาสนใจรายละเอียดอะไรพวกนี้ ในเมื่อพวกเขายังมีความสุขดี และมองว่าการมีคู่รักไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในชีวิต จะมีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ เพราะพวกเขาไม่ได้พึ่งพาให้ใครมาทำให้พวกเขามีความสุขอยู่แล้ว

ดังนั้น หากใครคิดที่จะจีบคนโสดประเภทนี้อาจต้องเตรียมใจไว้มากเสียหน่อย คำโบราณที่ว่า “น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน” นั้น ใช้ไม่ได้กับคนประเภทนี้ ลบล้างทฤษฎีตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกไปได้เลย เพราะหินจะบอกว่าอย่ามาเซ้าซี้มากจะได้ไหม รำคาญ แล้วเดินหนีไป บอกไว้ตรงนี้เลยว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนใจแข็ง หรือใจดำคับแคบอะไรหรอก แค่พวกเขามีความสุขอยู่แล้ว แถมยังเห็นว่าความสุขที่ได้จากคนที่แวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบนั้น มันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่สร้างได้เองด้วยซ้ำไป! ทำไมพวกเขาต้องอยากมีแฟน ถ้าความสุขที่มีจะน้อยลง

พวกเขามีวิธีสร้างความสุขให้ตัวเอง ไม่ต้องพึ่งความสุขจากใคร
จริง ๆ แล้ว คนที่โสดอย่างเต็มใจและตั้งใจหลาย ๆ คนก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ “อยากมีคนรัก” มาแล้วทั้งนั้น มันเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่ต้องการจะเป็นที่รักของใครสักคน อยากเป็นคนที่ถูกรัก และอยากเป็นคนที่ได้มอบความรักให้กับคนอื่น คนโสดที่เคยโสดแบบไม่ตั้งใจ แรก ๆ อาจมีอาการเหมือนกันหมดก็คืออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคนคนนั้นหรืออยากมีความรัก อยากมีใครสักคนเข้ามาแชร์ชีวิตให้กันและกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะพบว่าชีวิตก็อยู่มาได้นี่นา อาจมีเหงา ๆ เคว้งคว้าง เปล่าเปลี่ยว แต่แค่หาอะไรทำเพลิน ๆ ความอ้างว้าง โดดเดี่ยวก็ดีขึ้น

ในช่วงนั้น ปากอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจลึก ๆ อาจมีอิจฉาคู่รักคู่อื่น ๆ บ้าง อย่างไรก็ดี พวกเขาก็มีวิธีจัดการความรู้สึกแบบนั้น แค่ไม่มองแล้วเบี่ยงเบนความสนใจ ครู่เดียวเดี๋ยวก็ลืม นานวันเข้าที่ผ่านช่วงยากลำบากมาได้ ปรับตัวได้ เคยชินกับการใช้ชีวิตคนเดียว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหาอีกต่อไป เริ่มเรียนรู้วิธีที่จะสร้างความสุขขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง หาทำสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดี ที่รู้สึกแย่ก็ไม่หาทำ จนในที่สุด คนเหล่านี้ก็สามารถใช้ชีวิตที่มีแต่ความรู้สึกดี ๆ ได้จากการสร้างมันขึ้นมาเอง โดยไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งพาให้ใครมามอบความสุขให้

พวกเขาหวงความสุขที่ตัวเองมี
การที่คนโสดประเภทรักตัวเอง เป็นคนโสดที่จีบยากที่สุด เพราะพวกเขาไม่คิดว่าชีวิตของเขาจำเป็นต้องมีคนรักเพื่อมาร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ในเมื่อพวกเขาล้วนสร้างสิ่งที่ว่านั่นขึ้นมาได้เองทั้งหมด ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่สร้างได้ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาด ไม่ได้มองว่าต้องหามาเติมเต็ม อีกทั้งคนเหล่านี้จำนวนไม่น้อยยังเป็นพวกที่เจ็บและผิดหวังมาเยอะ จนรู้ว่าไม่ควรเอาความรู้สึกไปเสี่ยงกับความรักที่พวกเขาก็เคยเจ็บปวดมา พวกเขาตกผลึกความทุกข์ทรมานและความผิดหวังทั้งหลายมาเป็นการรักตัวเอง ที่พิสูจน์แล้วว่าดีที่สุด ถ้าชีวิตดีอยู่แล้วทำไมต้องไปยอมลำบาก

ดังนั้น ถ้าความรักที่เข้ามาไม่ได้ให้พวกเขารู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะรักใครอื่นอีกนอกจากตัวเอง ถ้าคนที่พยายามปีนกำแพงเข้ามาทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายกายสบายใจ ลำบากใจ สร้างปัญหากับชีวิตพวกเขามากกว่าจะทำให้พวกเขารู้สึกดีกว่าที่เป็นอยู่ พวกเขาก็จะปฏิเสธโดยไม่ลังเล อะไรที่ไม่ดีไม่มีประโยชน์ หรือทำให้ตัวเองแย่ลง คนเหล่านี้พร้อมตัดทิ้งทันที เพราะมันเสียเวลาชีวิต ถ้าเข้ามาแล้วชีวิตเหมือนเดิมเหมือนตอนไม่มี หรือมีแล้วแย่กว่าเดิม พวกเขาขออยู่ตัวคนเดียวดีกว่า พวกเขาไม่ได้กลัวผิดหวังหรอก แต่กลัวถูกพรากความสุขที่อุตส่าห์สั่งสมมาไปมากกว่า

ถ้าจะมีใครสักคน ความสุขต้องเพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยต้องไม่ลดลง
สำหรับคนโสดที่โสดมานานพอที่จะเรียนรู้วิธีการสร้างความสุขให้ตนเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใครหรือหวังที่จะให้ใครมาเติมเต็มอีกครึ่งที่หายไป พวกเขาจะมีความคิดว่า “ถ้ามี (คนรัก) แล้วไม่ดี อย่ามีดีกว่า” นั่นแปลว่าถ้าจะให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิต จะต้องเข้ามาเพื่อส่งเสริม สนับสนุน หรือทำให้ความสุขของพวกเขามีมากขึ้นกว่าช่วงที่มีความสุขด้วยตัวเองคนเดียว อย่างน้อยที่สุดก็คือความสุขที่พวกเขาเคยมีต้องไม่ลดลง มันไม่ได้แปลว่าพวกเขาเห็นแก่ตัวจนไม่ยอมตกระกำลำบาก แต่คำถามคือจะต้องพาตัวเองไปหาความทุกข์ทำไมในเมื่อที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีอยู่แล้ว

ธรรมชาติของมนุษย์คือความพยายามจะทำให้ชีวิตในวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และวางแผนให้พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ด้วย นั่นหมายความว่าคนโสดที่มีความสุขด้วยตัวเอง ไม่มีใครอยากจะละทิ้งชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ควบคุมจัดสรรความสุขได้เองไปเสี่ยงกับชีวิตที่ไม่มีอะไรแน่นอนและควบคุมเองไม่ได้ พวกเขาแค่ไม่พาตัวเองไปเจอความรักที่ยังไม่ชัวร์ว่าจะไปได้ดีแค่ไหน ความรักที่อาจทำให้ความสุขของพวกเขาลดลง ทุกข์ทรมานมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่โสดมานานรู้ดีว่าความทุกข์จากความรักเป็นอย่างไร ในเมื่อก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นมาได้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทิ้งสิ่งดี ๆ ไป

เพราะการรักตัวเองนั้นดีที่สุด
การที่ใครสักคนจะแข็งแกร่งได้จนสามารถสร้างความสุขได้ด้วยสองมือ สองขา และหนึ่งใจของตัวเอง คนเหล่านี้มีจุดร่วมหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ “รักตัวเอง” ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนพวกเขาว่าการรักตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเอง โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมารัก ไม่ต้องหวังให้ใครมาทำให้ตนเองรู้สึกว่ามีคุณค่า มันเป็นอะไรที่เท่มาก การอยู่ครองตัวเป็นโสด ใช้ชีวิตได้ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะต้องโดดเดี่ยว เพราะพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ รอบตัวแบบมนุษย์มนาทั่วไป ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่คนเดียวบนโลก เพียงแต่ไม่ใช่สถานะหรือลักษณะคนรักเท่านั้นเอง

ถึงแม้จะเคยผิดหวังและเจ็บปวดมา การที่พวกเขากลายเป็นคนจีบยาก ที่คนนอกมักมองว่าน่าจะเลวร้ายมามากจนไม่คิดเปิดใจให้ใครอีก กลัวการมีความสัมพันธ์ จริง ๆ แล้วพวกเขาอาจไม่ได้อคติว่าทุกคนบนโลกจะเป็นเหมือนกันหมดที่จะทำให้เขาต้องเจ็บปวดอีกก็ได้ ไม่ได้ผูกใจเจ็บจนเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ไม่ได้กลัวการมีความรัก หรืออันที่จริงหลายคนอาจไม่เคยผิดหวังเรื่องความรักเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่เคยมีและไม่คิดที่จะมี เพราะพวกเขารักตัวเองมากพอจนไม่ต้องการความรักจากใครอื่นแล้วต่างหาก พวกเขาคิดว่าการรักตัวเองให้มาก มันดีที่สุดสำหรับพวกเขา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook