วิธีเริ่มต้นเชื่อใจใครสักคนอีกครั้ง หากคุณเคยถูกหักหลังมาก่อน

วิธีเริ่มต้นเชื่อใจใครสักคนอีกครั้ง หากคุณเคยถูกหักหลังมาก่อน

วิธีเริ่มต้นเชื่อใจใครสักคนอีกครั้ง หากคุณเคยถูกหักหลังมาก่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด” กันมาบ้างหรือไม่? เชื่อว่าเวลาที่คนเรารักและเชื่อใจใครสักคนมาก ๆ คงไม่น่าจะได้เตรียมเผื่อใจเอาไว้แน่ ๆ ว่าวันใดวันหนึ่งสถานการณ์มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เราจะเป็นฝ่ายที่ถูกหักหลังเสียเอง เพราะทั้งรัก ทั้งไว้ใจ ทั้งเชื่อใจ เลยไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำกันได้ลงคอ ไม่เคยเอะใจ ไม่เคยระแวง และมั่นใจมาตลอดว่าความสัมพันธ์นี้จะดำเนินไปได้อย่างสวยงาม

มันไม่ง่ายเลยใช่ไหมล่ะที่จะทำใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น แถมยังเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า สำหรับการยอมเปิดใจเริ่มต้นเชื่อใจใครสักคนอีกครั้ง หลังจากผ่านประสบการณ์แย่ ๆ และได้เรียนรู้บทเรียนอันเลวร้ายมา คนเราจะมีกลไกในการปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่อาจสร้างความเจ็บปวดอีกครั้ง ถ้าการเชื่อใจใครมาก ๆ จะทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองมากขนาดนี้ หลายคนเลือกที่จะปิดกั้นใจของตัวเอง กันความรู้สึกออกมาจากความสัมพันธ์ทั้งปวง โดยเชื่อว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงก็คือคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเราอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนกันหมด การที่เราไม่สามารถไว้ใจใครได้อีกจึงอาจสร้างความเจ็บปวดให้กับความสัมพันธ์อื่น ๆ ในชีวิตและอนาคตของเราได้เช่นกัน และบางทีก็อาจจะทำร้ายคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัวด้วย การมูฟออนแล้วก้าวไปข้างหน้าอาจจะยาก แต่มันก็พอมีวิธีที่จะค่อย ๆ ข้ามผ่านความน่ากลัวไปเพื่อไปเจอกับชีวิตที่ดีกว่า และไปเจอตัวเองเวอร์ชันที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อวานด้วย

เริ่มที่เชื่อใจตนเองอีกครั้ง
เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังจากเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง มันไม่ใช่แค่เรารู้สึกว่าเชื่อใจใครไม่ได้อีก แต่ยังรู้สึกว่าเชื่อใจตัวเองก็ไม่ได้เช่นกัน หลายต่อหลายคนโทษตัวเองว่าที่ต้องมาพบกับจุดจบแบบนี้ก็เพราะว่าตัวเองเชื่อใจคนอื่นง่ายเกินไป ไว้ใจคนโดยไม่รู้สึกเอะใจเลยสักนิด ประมาณว่าตัวเองโง่เอง กลายเป็นว่าการที่เราไม่กล้าเปิดใจให้ใครอีกก็เพราะไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกันว่าพิจารณาคนที่อยู่รอบตัวดีแล้วหรือยัง ยังโง่ที่อ่านคนพวกนั้นไม่ออกอยู่หรือเปล่า ยังคงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

อย่ารู้สึกกับตัวเองแบบนั้นเลย เพราะความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ที่คุณมีกับตัวเอง เรื่องที่ผ่านไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่มันเป็นบทเรียนได้ คุณเป็นคนเดียวที่ตัดสินใจได้ว่าจะเดินหน้าต่อหรือขอพักก่อน หรือจะมีเงื่อนไขอะไรมาเป็นเกณฑ์ก็ได้ เพื่อที่จะได้ไม่มีภาระผูกพันที่ทำให้ต้องติดต่อกับพวกเขาอย่างใกล้ชิด หากมีใครสักคนทำลายความไว้วางใจของคุณ ให้เชื่อว่าตัวเองคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจว่าจะสานสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นต่อไปหรือตัดพวกเขาออกไปจากชีวิตตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ ตัดสินใจด้วยข้อมูลที่มีและอย่าสงสัยตัวเองในตอนหลัง

สื่อสารความคาดหวังออกไป
การสื่อสารสิ่งที่คุณคาดหวังในความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันเป็นคำเตือนที่คุณบอกกับพวกเขาล่วงหน้าแล้วว่าคุณจะจัดการความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างไร หากพวกเขาทำลายความไว้วางใจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ หรือการให้อภัยและให้โอกาสคนเดิมอีกครั้ง บอกไปว่าคุณจะตัดพวกเขาออกจากชีวิตถ้าพวกเขาเช่นนั้นเช่นนี้ และบอกไปเลยว่าพวกเขาต้องทำอย่างไรเพื่อเรียกความไว้วางใจกลับมา ดังนั้น หากพวกเขาล้มเหลวในการรักษาความคาดหวังของคุณทั้งที่คุณบอกไปแล้ว คุณก็คงได้คำตอบแล้วว่าต้องทำอย่างไรต่อไป โดยไม่ต้องมานั่งชั่งใจให้เจ็บปวดอีก เพราะคนเราควรได้รับโอกาสปรับปรุงตัว แต่โอกาสก็ควรมีแค่ครั้งเดียว บางคนไม่ควรได้โอกาส

มีขอบเขตที่ชัดเจน
การกำหนดขอบเขต ถือเป็นสิ่งสำคัญในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ไม่เว้นแม้แต่ความสัมพันธ์ของคุณกับตัวเอง ขอบเขตคือเส้นแบ่งที่เป็นข้อจำกัด กำหนดถึงสิ่งที่คุณยอมรับได้และยอมไม่ได้ในพฤติกรรมที่พวกเขาจะปฏิบัติต่อคุณ หากพวกเขาล้ำเส้นทั้งที่เตือนล่วงหน้าแล้ว ต้องทำให้พวกเขารู้ว่าพฤติกรรมนี้แหละที่คุณจะไม่ยอมทน เช่น คุณเคยบอกว่าคุณเกลียดคนโกหก แต่พวกเขาก็ยังโกหก เมื่อถูกจับได้ในที่สุด ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้น ส่วนคุณเองก็ต้องรับผิดชอบต่อขอบเขตที่ตัวเองกำหนดไว้ด้วย อย่าปล่อยเลยตามเลยให้บุคคลนั้นบงการและครอบงำชีวิต มันจะกลายเป็นวงจรการให้อภัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดทั้งที่พวกเขาทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อตัดสินใจแล้วต้องยึดมั่นอย่างเด็ดขาด มั่นคง

ไม่เป็นไร มันต้องใช้เวลา
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะกล้าเชื่อใจใครอีกครั้ง หลังจากมีบทเรียนถูกทรยศจนบาดเจ็บสาหัส ทุกครั้งที่ความไว้ใจถูกทำลาย คุณจะกลับไปเริ่มต้นจากศูนย์ (หรือติดลบ) หากต้องไว้ใจใครอีกครั้ง การสร้างความไว้วางใจต้องใช้เวลา และกระบวนการมันก็จะไม่เหมือนเดิมด้วย การกรองคนเข้ามาในชีวิตจะเข้มงวดขึ้น เนื่องจากเราได้เรียนรู้แล้วว่าความผิดพลาดมันอยู่ตรงไหน ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องกดดันหรือโทษตัวเอง หรือยอมให้ใครมาพูดใส่หน้าว่า “ก็แค่เอาชนะมัน” เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้รู้ดีไปกว่าคุณว่าคุณผ่านอะไรมาบ้าง แค่พูดมักง่ายเท่านั้น คุณใช้เวลารับมือกับความเจ็บปวดได้ตามใจต้องการ คนที่เหมาะสมจะเคารพการตัดสินใจของคุณและให้เวลาคุณในการสร้างความไว้วางใจขึ้นมาใหม่

เชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง
ประสบการณ์จะทำให้คนเติบโตขึ้น และบทเรียนจะตามมาคอยสอนคุณเสมอ หากคุณเคยเจ็บปวดจากการถูกหักหลังมาหลายครั้งแล้ว คุณจะมีสัมผัสพิเศษบางอย่างที่คอยเตือนตัวเองว่าอย่า อย่าไปต่อ! ถ้าคุณเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง คนอื่นก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงเลือกที่จะไม่ไปต่อ การที่คนอื่นไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกของคุณจะไม่ถูกต้อง ต่อให้คุณจะตัดสินใจผิด แต่คุณอาจจะสบายใจมากกว่าที่ได้อยู่ห่างจากคนคนนั้น คนที่ทำให้สัญชาตญาณร้องเตือน ดังนั้น การสื่อสารความคาดหวังจึงสำคัญมาก ถ้าอีกฝ่ายจริงใจกับคุณจริง เขาจะพยายามพิสูจน์ให้คุณรู้สึกสบายใจในตัวเขามากขึ้นเองไม่ว่าจะใช้เวลาแค่ไหน เพราะรู้ว่าทำไมคุณถึงมีปฏิกิริยาต่อต้านแบบนี้

สังเกตพฤติกรรมอีกฝ่าย
เมื่อคุณกำลังเรียนรู้ที่จะเชื่อใจผู้อื่นอีกครั้ง มันมักจะมาพร้อมกับการระวังตัว ระแวง ลังเล ถ้าอยากรู้ว่าคนผู้นี้น่าที่ลองเสี่ยงอีกสักครั้งหรือไม่ ให้ลอบสังเกตพฤติกรรมที่แสดงออกมาเวลาเผลอ ๆ หรือเวลาที่หลุดการควบคุม คือสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวเองของคนเราได้ดีที่สุด และนั่นคือสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุดด้วยว่าคนคนนั้นเป็นคนอย่างไร เก็บรายละเอียดอยู่เงียบ ๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ดูว่าจะให้ใจพวกเขาได้มากแค่ไหน เป็นธรรมดาที่ชีวิตเราจะเจอเรื่องเสี่ยง ๆ แบบนี้เสมอ เสี่ยงว่าจะเชื่อใจคนผิด! ซึ่งพฤติกรรมที่พวกเขาใช้สื่อสารกับคุณนี่แหละที่จะบอกได้ในเบื้องต้นว่าคุณกำลังเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ก็อยู่ที่ว่าคุณจะยอมเสี่ยงดูหรือหลีกเลี่ยงมันไปก่อน ตอนนี้ยังไม่พร้อม

มุ่งมั่นกับการเริ่มต้นใหม่
คนที่เคยตกเป็นเหยื่อการทรยศหักหลังมาก่อน จะรู้ว่าการเริ่มต้นใหม่นั้นไม่ง่ายเลยล่ะ ต่อให้ใครจะพร่ำบอกว่าคนทั้งโลกไม่ได้เหมือนกัน หรือคุณควรจะให้อภัยแล้วลืมเหตุการณ์นั้นไปซะ แค่ทำใจเอาชนะมันไปให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครนอกจากคุณหรอกที่รู้ว่าตัวเองผ่านอะไรมาบ้าง และเข้าใจว่าการเดินทางครั้งนี้ยังอีกยาวไกลกว่าที่คุณจะเริ่มต้นไว้ใจผู้คนได้อีกครั้ง การเริ่มต้นใหม่ อาจเป็นการที่คุณต้องตัดใครหลายคนออกไปจากชีวิต แล้วขอใช้เวลาพักใหญ่ ๆ ในการเยียวยาตนเอง คุณอาจต้องให้อภัยใครบางคนที่ยอมรับผิดแล้วให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงตัวด้วยโอกาสครั้งสุดท้าย คุณอาจลังเลที่จะเริ่มความสัมพันธ์กับใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาคุณ มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook