ลูกไม่ใช่สมบัติของพ่อแม่ และพวกเขาก็ไม่ได้ติดหนี้อะไรคุณทั้งสิ้น
“ลูกไม่คิดถึงหัวอกแม่บ้างเหรอถ้าลูกย้ายออกไปอยู่กับสามี/ภรรยา แม่ต้องอกแตกตายแน่เลย”
“แม่ทำแบบนี้เพราะรักลูกนะ ผู้ชาย/ผู้หญิงคนนั้นแค่หวังผลประโยชน์เท่านั้นแหละ”
“ลูกอยู่ตรงนี้เพราะใครรู้ไหม พ่อยังไงหล่ะ พ่อทำให้ลูกมีวันนี้ได้”
“อย่ามาเถียงนะ พ่ออาบน้ำร้อนมาก่อน ทำตามที่พ่อบอกสิ”
เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินประโยคด้านบนอยู่บ้าง อาจจะไม่ได้ตรงทุกคำ แต่มาในหลากหลายเวอร์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่มันเหมือนกันก็คือความรู้สึกผิด/รู้สึกต้องรับผิดชอบ กับสิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่พูดออกมาประหนึ่งว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูกคือการทำให้พ่อแม่มีความสุข ต้องรับผิดชอบในความรู้สึกของพวกเขา ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งในทุก ๆ เรื่องของชีวิตของลูก กำหนดให้ว่าลูกต้องเรียนอะไร ขีดเส้นให้ว่าลูกต้องเดินทางไหน เขียนกำกับเอาไว้ว่าคู่ครองคนไหนที่ควรแต่งงานด้วย เพราะลูกคือสมบัติของพ่อแม่ที่ต้องอยู่ดูแลพวกเขาไปตลอดชีวิตเพราะนี่คือความกตัญญูอันสูงสุด
นี่คือมุมหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า “Toxic Parents” หรือ “พ่อแม่เป็นพิษ” (ที่บอกว่าเป็นเพียงมุมหนึ่งเพราะที่จริงแล้ว Toxic Parents มีหลายรูปแบบ รวมไปถึงการล่วงละเมิดทางเพศ การกักขังหน่วงเหนี่ยวและการทำร้ายร่างกายด้วย) ที่นอกจากจะเห็นแก่ตัวแล้วยังใช้ข้ออ้างในความเป็นพ่อ/แม่เพื่อบังคับ บิดเบือน และบงการให้ลูกทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการ คาดหวังว่าให้ลูกของตัวเองอยู่ในเส้นในวาในกรอบที่ขีดเอาไว้ ความสุขของคุณคือความสุขของพวกเขา และความฝันของคุณคือสิ่งที่พวกเขาอยากให้เป็น
มันอาจจะฟังดูแย่ แต่พ่อแม่แบบนี้มีอยู่จริง พ่อแม่ที่เห็นว่าลูกเป็นสมบัติของพวกเขา ไม่มีตัวตน เกิดมาเพื่อทำให้พ่อแม่มีความสุข ซึ่งอาจจะฟังดูก้าวร้าวสักนิด แต่เด็ก ๆ ทุกคนที่เกิดมาบนโลกควรมีโอกาสได้เติบโตและเดินตามความฝันของตัวเอง มีความสุขในแบบที่เขาอยากจะทำ มีอิสระในความคิดอ่านที่ไม่ได้ถูกกำหนด และไม่ได้ติดหนี้อะไรพ่อแม่ทั้งนั้น
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคนใช้ในบ้าน ลูกไม่ได้เกิดมาเป็นที่รองรับอารมณ์ ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้ความฝันของพ่อแม่เป็นจริง ลูกคือมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่ที่เป็นผู้ใหญ่ผู้มีความคิดและเหตุผล ตัดสินใจที่จะพาพวกเขามาสู่โลกนี้ด้วยตัวเอง หน้าที่ของพ่อแม่คือการเลี้ยงดูเขาอย่างดีที่สุด ให้เขาเติบโตมาพร้อมความรักในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต้องคอยตักเตือน คอยสอนให้เด็ก ๆ เหล่านั้นเติบโตได้อย่างเข้มแข็งและมีความสุข นั่นคือหน้าที่ของพ่อแม่แบบที่ควรจะเป็น
สำหรับเด็ก ๆ หรือคนเป็นลูกเอง การที่ไม่เป็นหนี้หรือติดค้างอะไรกับพ่อแม่ไม่ได้เป็นใบอนุญาตให้ก้าวร้าวหรือไม่เคารพพ่อแม่หรอกนะ แต่มันหมายถึงว่าชีวิตของคุณนั้นเป็นของตัวเอง พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้ทาง เขียนบท หรือบังคับ (ไม่ว่าจะอายุมากแค่ไหนแล้วก็ตาม เชื่อไหมครับว่าบางคนอายุจะหกสิบแล้วเวลาจะทำอะไรต้องให้พ่อแม่บอกอยู่เลย) คุณต้องยึดมั่นในความจริงเรื่องนี้ ใช้ชีวิตที่มีความหมาย รับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป ทุกการตัดสินใจเป็นของคุณ ไม่ใช่ของพ่อแม่ และอย่าโทษใครถ้ามันไม่ได้ออกมาอย่างที่คาดหวังเอาไว้
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำเอาไว้เสมอ “พ่อแม่เลือกที่จะมีลูกเอง” ประโยคนี้จะช่วยยกภาระหนักที่ลูก ๆ หลายคนแบกเอาไว้ออกจากบ่า พ่อแม่หลายคนอาจจะชอบเตือนลูก ๆ เสมอว่าที่เกิดมาได้ มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะมีพ่อกับแม่ทำให้เกิดขึ้นมา มันเป็นของขวัญที่มีค่ามากขนาดไหนที่ลูก ๆ หายใจอยู่ตอนนี้ แต่พ่อแม่แบบไหนกันที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างให้ลูกต้องทำตามความต้องการของพวกเขา พ่อแม่แบบไหนกันที่ใช้ความรักของลูกให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง พ่อแม่แบบไหนกันที่ทำให้ลูกเสียใจและอับอาย รู้สึกติดหนี้บุญคุญและต้องรับผิดชอบชีวิตพ่อแม่ไปตลอดจนวันตาย
“พ่อแม่เลือกที่จะมีลูกเอง” และนั่นคือความจริง นั่นคือการตัดสินใจของพวกเขา ซึ่งในฐานะผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลนั่นคือการตัดสินใจที่ต้องรับผิดชอบ (เหมือนอย่างวันหนึ่งถ้าเด็ก ๆ โตขึ้นและตัดสินใจจะมีครอบครัวมีลูก ก็เช่นเดียวกัน) พวกเขามีหน้าที่ (ตามกฏหมายด้วย) ที่จะเลี้ยงดูลูกอย่างดีที่สุด มอบคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมให้ลูกเติบโต (แน่นอนว่าในกรณีที่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้สมยอมอย่างเช่นกรณีข่มขืน ภาระหนักและการตัดสินใจจะยิ่งยากขึ้นไปอีกว่าจะทำยังไงต่อไป แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นต้องตัดสินใจและเข้าใจในความรับผิดชอบที่จะตามมาทีหลังด้วย) เพราะฉะนั้นเรามักได้ยินเสมอว่า “มีลูกเมื่อพร้อม” อย่ามีเพราะเพื่อนมี พ่อแม่อยากมีหลาน หรือเพียงเพราะคู่ของคุณอยากจะมีด้วย มีเมื่อพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อมเท่านั้น
อีกอย่างที่ต้องเข้าใจคือพ่อแม่ไม่ได้รู้ทุกอย่าง แม้ว่าจะมีประสบการณ์ผ่านหลาย ๆ เรื่องและมีข้อมูลมากมาย แต่ไม่มีทางรู้ทุกอย่างแถมยังมีโอกาสผิดพลาดได้เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เพราะพ่อแม่ไม่ใช่พระเจ้าที่ไม่เคยผิดพลาด บางทีการตัดสินใจของพวกเขาก็ไม่ได้ถูกเสมอไป เมื่อถึงวัยรุ่นหรือมหาวิทยาลัย โลกสองใบของพ่อแม่และลูกจะเริ่มแยกออกจากกัน ซึ่งสำหรับพ่อแม่หลาย ๆ คนเป็นเรื่องที่ลำบากใจที่เห็นลูกไกลออกไปทุกขณะ แต่ก็ต้องเข้าใจเช่นกันว่าระยะห่างนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เขาได้เติบโต โลกของลูกจะไม่ได้มีแค่พ่อแม่แล้วเท่านั้น แต่มันขยายใหญ่ กว้างขึ้น และมีพ่อแม่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในนั้น สำหรับลูกที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ก็จะคอยถามคำแนะนำ เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง พ่อแม่เองก็ต้องเข้าใจว่าคำแนะนำเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง เป็นวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ลูกเลือกก็ได้ และนั้นคือสิ่งที่พ่อแม่ต้องยอมรับให้ได้
เด็ก ๆ ทุกคนมีความแตกต่างกัน เชี่ยวชาญและชื่นชอบไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ส่วนขยายของพ่อแม่และไม่มีหน้าที่ที่จะสานฝันที่ค้างเติ่งของพ่อแม่ให้สำเร็จ เด็ก ๆ หลายคนถูกคาดหวังและจับวางเอาไว้เช่นหุ่นเชิดที่ถูกพ่อแม่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ความรักจะถูกแสดงออกมาก็ต่อเมื่อลูกทำตามที่คำสั่งแบบคำต่อคำ โดยเอาคำว่า ‘หวังดี’ หรือ ‘ความรัก’ มาบังหน้า อยากให้ลูกเป็นอย่างที่อยากจะให้เป็น เหมือนผ้าที่พับแล้วหย่อนไว้ที่มุมไหนก็ต้องเป็นอย่างนั้นไปตลอด ส่ิงเหล่านี้ทำลายตัวตนและความมั่นใจของเด็ก ๆ อย่างร้ายกาจ พ่อแม่เป็นทางผ่านที่ให้เด็กเกิดมาสู่โลกนี้ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิต เป็นคันธนูที่จะส่งลูกธนูพุ่งไปข้างหน้า เป็นคนที่รับฟังและดูแล แต่ไม่ควรบงการความคิด เป็นคนที่ให้ที่อยู่อาศัย แต่ไม่ควรกักขัง เป็นคนที่ให้คำแนะนำ แต่ไม่ควรบังคับ และมอบรักให้ในแบบที่ไม่มีเงื่อนไข
สำหรับลูก ๆ ที่โตพอเข้าใจประเด็นนี้ต้องเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของการสร้างขอบเขตอันชัดเจนให้กับตัวเอง เหมือนกับความสัมพันธ์ทั่วไปกับเพื่อนที่โรงเรียน แฟน คนรัก หรือคนที่ทำงาน เราต้องมีขอบเขตให้กับพ่อแม่และคนในครอบครัวด้วย ถ้าไม่มีขอบเขตให้ชัดเจนว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่รับได้ไม่ได้ ก็ต้องคอยแบกปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบอยู่ตลอดเวลา ค่อย ๆ ขีดเส้นทีละนิด แต่ต้องทำอย่างหนักแน่น เมื่อรู้ว่าสิ่งที่กำลังถูกกระทำนั้นไม่ถูกต้องเราต้องเรียนรู้ที่จะมองเห็นคุณค่าของตัวเอง สิ่งที่เรารัก เรียนรู้ที่จะให้เกียรติและคุณค่าแก่ตัวเองให้มากพอ ๆ กันให้กับคนอื่น ๆ ที่เรารักในครอบครัว ความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่คุณต้องการ ความฝัน หน้าที่การงาน ครอบครัว และอนาคตที่คุณอยากได้มีคุณค่าและคุ้มค่ากับการลงมือทำเพื่อตัวคุณเอง ตราบใดที่คุณเชื่อแบบนั้นอย่าให้ใครมาบอกว่าไม่จริงเด็ดขาด
ครอบครัวเป็นสิ่งที่สวยงาม พ่อแม่ควรได้รับการเคารพและถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญในชีวิตของเด็ก ๆ ทุกคน เพียงแต่จะต้องเข้าใจว่าเด็กก็คือมนุษย์คนหนึ่งเหมือนอย่างพ่อแม่ ทุกคนมีอิสระที่จะมีความสุข ความฝัน และความต้องการในแบบของตัวเอง มีอำนาจในการตัดสินใจและต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะตามมา ไม่มีใครชอบที่จะถูกบังคับทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก...หรือผู้ใหญ่ก็ตาม