แนวทางวางแผนชีวิต หากกลายเป็นคน “ตกงาน” กะทันหัน

แนวทางวางแผนชีวิต หากกลายเป็นคน “ตกงาน” กะทันหัน

แนวทางวางแผนชีวิต หากกลายเป็นคน “ตกงาน” กะทันหัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขณะที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 กำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จริง แต่สภาพเศรษฐกิจกลับยังไม่สู้ดีเท่าไรนัก เพราะปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจหลาย ๆ อย่างยังคงสวนทาง ภาคธุรกิจจำนวนไม่น้อยยังไม่ฟื้นตัว หลาย ๆ บริษัทมีความพยายามหาวิธีต่าง ๆ มาเป็นมาตรการในการลดค่าใช้จ่าย ส่วนที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องปิดตัวลงเพราะไปต่อไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผลที่ตามมาก็คือมีชีวิตหลายชีวิตได้รับผลกระทบ จากการ “ถูกเลิกจ้าง”

เมื่อหลายคนถูกปลดให้ออกเพราะบริษัทต้องลดจำนวนคนลง และหลายคนไปต่อไม่ได้เพราะบริษัทก็ไม่สามารถไปต่อได้เหมือนกัน ทำให้สถานะของคนเหล่านี้กลายเป็น “คนตกงาน” อย่างกะทันหัน ปรากฏการณ์นี้ยังมีผลให้คนที่ยังมีงานทำอยู่ในปัจจุบันก็อกสั่นขวัญหายไปตาม ๆ กัน เพราะก็ยังไม่รู้ชะตาอนาคตตัวเองว่าจะโดนหางเลขในเร็ววันนี้หรือไม่ แล้วถ้าโดนจริง ๆ จะต้องวางแผนอนาคตต่อจากนี้อย่างไรดี

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าสู่สถานะ “ตกงานกะทันหัน” ก็อย่าเพิ่งตกใจไป ต่อให้คุณจะรู้สึกแย่แค่ไหนแต่คุณต้องรีบลุกขึ้นใหม่ให้ได้ เพราะเวลาไม่คอยใคร และเงินก็มีแต่จะหมดไป นอกจากการศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ หากถูก “เลิกจ้าง” แล้ว Tonkit360 ก็มีคำแนะนำดี ๆ ที่เป็นแนวทางในการวางแผนหลังจากถูกเลิกจ้างมาฝากกัน

ตั้งสติ
จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนตกงาน นี่คงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สุดช็อกที่ไม่มีใครอยากเจอกับตัวเองอย่างแน่นอน ในช่วงจังหวะนรกแบบนี้ ถ้าคุณคือผู้โชคร้ายที่เจอเรื่องไม่คาดฝันกะทันหันแล้วล่ะก็ ก่อนอื่นเลยให้ตั้งสติก่อน พยายามตระหนักรู้ตนเองให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วรีบยอมรับความจริง แม้ว่าคุณจะตกใจและเสียขวัญมากแค่ไหน แต่คุณก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้อยู่ดี พึงรู้ไว้ว่าสติมาปัญญาก็จะเกิด คุณต้องรีบขยับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณปรับตัวได้ไว หาลู่ทางเอาตัวรอดได้เร็ว คุณก็จะได้เปรียบคนอื่น ๆ ที่ตกงานในช่วงใกล้เคียงกัน จำไว้ว่าก่อนจะเอาตัวรอดคุณต้องรีบปรับตัว มันเป็นสัญชาตญาณที่ทำให้สิ่งมีชีวิตอยู่รอดในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โอกาสมักเกิดกับคนที่รู้จักปรับตัว

ดูแลสุขภาพจิตตนเอง
เมื่อคนเราต้องรับมือกับสถานการณ์ยากลำบากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน นอกจากสติที่พร้อมจะเตลิดหายไปทุกเมื่อแล้ว มันยังมีเรื่องอารมณ์และสุขภาพจิตเข้ามาเกี่ยวด้วย หากคุณตกงานโดยไม่ทันตั้งตัว ความเครียดและความกดดันจะถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง จะเอาเงินไหนจ่ายหนี้ จะเอาเงินไหนกินอยู่ จะต้องเป็นคนว่างงานไปอีกนานแค่ไหน จะได้งานใหม่เมื่อไร ที่ใหม่เงินจะพอใช้ไหม เมื่อความคิดเหล่านี้เข้ามาวนเวียนในหัวจนคุณคิดไม่ตก มันก็อาจทำให้สุขภาพจิตคุณดิ่งลงเหว จนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายได้เลย เพราะฉะนั้น ต้องตั้งสติดี ๆ ถึงชีวิตจะตกงานแต่คุณยังต้องไปต่อ ดูแลสุขภาพจิตตัวเองดี ๆ พยายามทำใจสบาย ๆ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ให้ไปพบจิตแพทย์

ตรวจสอบแหล่งเงินชดเชยทุกแหล่ง
เมื่อคุณกลายเป็นผู้ตกงานมือใหม่ ปัญหาที่เกิดตามมาจากการไม่มีงานทำคือไม่มีรายรับ หลังจากมีสติ พูดจารู้เรื่อง เลิกฟูมฟายโวยาวายกับโชคชะตา ให้หันไปตรวจสอบเงินชดเชยที่ควรได้รับตามกฎหมาย เช่น เงินชดเชยจากนายจ้าง ในกรณีที่เลิกจ้างหรือถูกให้ออกโดยไม่สมัครใจ และไม่มีความผิดใด ๆ คุณมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามอายุงาน ส่วนเงินชดเชยจากประกันสังคมนั้น โดยปกติจะชดเชย 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้าง (จากฐานค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท) เป็นเวลา 180 วัน จากนั้นก็ติดต่อกับสำนักงานประกันสังคมไว้ด้วยเพื่อขอขึ้นทะเบียนคนว่างงานโดยเร็วที่สุด และลองสำรวจเงินเก็บของตนเอง และรวบรวมเงินทั้งหมดที่มีในตอนนี้ด้วย ว่าพอใช้ในระหว่างที่ยังไม่มีงานทำหรือไม่

ตรวจสอบภาระหนี้สินของตนเอง
เพราะเรื่องเงินไม่เคยเป็นเรื่องเล็ก เมื่อคุณตกงานรายได้ก็จะหายไปกะทันหัน พอไม่มีรายได้ก็ไม่มีเงินกินใช้และจ่ายหนี้ และบอกเลยว่าภาระหนี้สินที่ต้องแบกเนี่ยคือเรื่องใหญ่กว่าการอดทนอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ เสียอีก เพราะหากผิดนัดการจ่ายเพียงครั้งเดียว ดอกเบี้ยก็จะยังคงวิ่งทบไปเรื่อย ๆ กลายเป็นหนี้เน่า เสียเครดิตความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ สุดท้ายคุณจะแบกหนี้ไว้จนหลังแอ่น และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย ดังนั้น อย่าให้การตกงานชั่วครั้งชั่วคราวทำทุกอย่างพัง ให้รีบทำบัญชีรวบรวมหนี้ของตนเองให้ดี แล้วเดินหน้าเข้าไปขอเจรจาหนี้ซะตั้งแต่เนิ่น ๆ รีบเปิดก่อนภาษีจะดีกว่า แสดงเจตนาไปเลยว่าคุณไม่หนีหนี้แน่ ๆ แค่ขอเจรจาลดภาระในช่วงที่ยังไม่มีรายได้ก็เท่านั้น

วางแผนเรื่องการใช้จ่ายเงิน
เอาล่ะ ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าคุณมีเงินอยู่ในมือเท่าไรและมีภาระหนี้ที่ยังต้องจ่าย (แต่เบาลง) อยู่อีกเท่าไร เพื่อที่จะได้นำมาคำนวณว่าจะอยู่อย่างไรให้รอดจนกว่าจะมีงานใหม่ทำ ถ้าปกติคุณเป็นคนมือเติบ เพราะหาเงินเก่ง เลยมีเงินใช้ไม่ขาดมือ เวลานี้คุณจะฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายแบบไม่ยั้งคิดเหมือนตอนที่มีงานทำมีรายได้สม่ำเสมอไม่ได้แล้ว เงินมีจำกัดและคุณยังไม่สามารถหามาเพิ่มได้ในเวลานี้ ต้องประหยัดไว้เพื่อสิ่งที่สำคัญกว่า เช่น ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จ่ายหนี้ หรือแม้กระทั่งค่ารถค่าเดินทางไปสัมภาษณ์งานใหม่ นาทีนี้คุณจึงต้องตัดทุกค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป รอให้กลับมาหาเงินได้ก่อน ค่อยหามากใช้มากเหมือนเดิมก็ยังไม่สาย แต่ทีนี้คุณน่าจะรู้แล้วว่าเงินออมสำคัญแค่ไหนในช่วงนี้

วางแผนหารายได้ใหม่ให้เร็วที่สุด
ไม่ว่าจะเงินชดเชยหรือเงินสำรอง มันเป็นเงินเล็กน้อยเท่านั้น ว่ากันตามตรงคือก็แค่พอประทังชีวิตรอดจนกว่าจะมีงานใหม่ทำ แต่การหางานในยุคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อ ทำให้เราอยู่ไม่ได้ฉันใด นายจ้างจำนวนไม่น้อยก็เป็นแบบเดียวกันฉันนั้น ล้มหายตายจากไปก็เยอะ ซึ่งนี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณกลายเป็นคนตกงานในเวลานี้ก็ได้ ฉะนั้น การประหยัดและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นไม่ใช่หนทางที่จะทำให้คุณอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง เงินนับวันมีแต่จะหมดไป คุณจึงต้องพึ่งตัวเองด้วยการหารายได้ใหม่ให้เร็วที่สุด มันอาจไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ แต่เวลานี้ไม่มีตัวเลือก ต้องทำเพื่อให้มีเงินไม่งั้นเครียดกว่าเดิมแน่ และเผลอ ๆ การมีอะไรทำก็ช่วยลดความฟุ้งซ่านดีเหมือนกันนะ

ตั้งใจหางานใหม่
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดไป หลาย ๆ คนอาจพบว่าตนเองถูกใจวิธีการหารายได้ใหม่ในข้อที่แล้ว ถ้ามันลงตัวดีก็ทำต่อไป หาลู่ทางขยับขยายได้เลย แต่อีกหลาย ๆ คนก็อยากกลับไปทำงานในระบบเหมือนเดิม ที่ทำอยู่คือแค่ฆ่าเวลาและให้พอมีรายได้เข้ามาบ้าง สำหรับคนกลุ่มนี้ก็จะยังคงมุ่งมั่นหางานใหม่ต่อไป อย่าลืมอัปเดตเรซูเม่ของตนเองให้เป็นปัจจุบัน เตรียมเอกสาร และเตรียมตัวให้พร้อมเข้ารับการสัมภาษณ์ตลอดเวลา จากนั้นก็เดินหน้าสมัครงานต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีบริษัทใดเรียกสัมภาษณ์ ถ้ายังไม่มีหรือไปสัมภาษณ์แล้วยังไม่ผ่านก็อย่าเพิ่งท้อแท้ คิดเสียว่าตอนนี้ก็ยังพอมีรายได้อยู่บ้าง จะได้ไม่เครียดและกดดันตนเองมากจนเกินไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook