ทำไมคนเราจึงควรมี “มิตรภาพที่ดี” ให้ได้สักหนึ่งคน
นอกเหนือจากปัจจัยสี่ ซึ่งเป็นปัจจัยทางกายภาพขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มนุษย์ยังต้องการปัจจัยอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็นนามธรรมอีกหลายอย่าง เช่น ความต้องการรู้สึกมั่นคงปลอดภัย ความรักและความเป็นเจ้าของ การยอมรับและความเคารพนับถือ และความสมบูรณ์ของชีวิต เป็นไปตามทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ของมาสโลว์ ตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ทุกคนจะพยายามหาสิ่งนั้นสิ่งนี้มาเติมเต็มให้ได้ทีละอย่างสองอย่าง เพราะนั่นจะทำให้เรารู้สึกมีความสุข
อย่างไรก็ดี เคยพิจารณาบ้างหรือไม่ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราทุกคนพยายามหามาเติมเต็มชีวิตนั้น มีหลายประการทีเดียวที่เราต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากคนอื่นด้วยกว่าจะคว้าสิ่งนั้นมาได้ โดยเฉพาะการมี “มิตรภาพที่ดี” คือหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้เราได้มุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จ การมีมิตรแท้ที่แม้จะมีเพียงหนึ่งคน ถึงจะน้อยไปหน่อย แต่สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญก็คือคุณค่าที่ได้จากการมีเพื่อนที่ดี ไม่ใช่วัดจากปริมาณว่ามีเพื่อนมากแค่ไหน เพราะหลายคนได้พิสูจน์ด้วยตนเองแล้วว่าการมีเพื่อนรายล้อมมากมาย บางทีก็รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวยิ่งกว่าอยู่คนเดียวเสียอีก และเพื่อนมากมายเหล่านั้น เอาเข้าจริงอาจไม่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเลยด้วยซ้ำไป
ไม่ต้องพยายามหาคำตอบก็ได้ว่าทำไมคนมากมายที่เราบอกว่าเป็นเพื่อนได้นั้น ทำไมหลายคนจึงไม่ตอบสนองความต้องการทางจิตใจเท่าที่ควร เพราะบางทีเราอาจต้องใช้ตรรกะให้น้อยลงนิดหน่อยกับเรื่องทางใจหรือเรื่องของความรู้สึก นี่คือความต้องการทางจิตใจว่าทำไมในชีวิตนี้คนเราจึงควรมีมิตรภาพที่ดี มีเพื่อนแท้ ให้ได้สักหนึ่งคน
เพราะเราไม่อาจใช้ชีวิตได้ด้วยตัวคนเดียวไปตลอดชีวิต
อริสโตเติล (Aristotle) นักปรัชญาชาวกรีก กล่าวว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Social Animal) โดยสภาพธรรมชาติของมนุษย์นั้นจะดำรงชีวิตอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ต้องอยู่ร่วมกันกับบุคคลอื่น ๆ มีปฏิสัมพันธ์ สร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างอิสระตามลำพังแต่เพียงผู้เดียวได้ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเหนื่อยหน่ายหรือรังเกียจการเข้าสังคมมากแค่ไหน สุดท้ายก็หลีกเลี่ยงสังคมไม่พ้นอยู่ดี ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตได้ด้วยตัวคนเดียวไปตลอดชีวิต การมีมิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนแท้สักคน อาจจะแค่คนเดียวไม่ได้ต้องการมากไปกว่านั้น มันก็ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้หลุดพ้นจากความเหงา ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยวได้แล้ว
เพราะการมีใครสักคนเป็นทั้ง comfort zone และ safe zone มันดีต่อใจ
อะไรต่ออะไรในชีวิตคนเราส่วนใหญ่เราไม่เคยได้มันมาง่าย ๆ คำพูดติดตลก “สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับ” เอาเข้าจริงก็ไม่เกินจริง เพราะหลายคนมีคอนเซ็ปต์ประจำตัวว่า “ช่วงนี้ไหล่ไม่ว่างเพราะบัดซบอยู่” มาไม่รู้กี่ปีกี่ชาติ การที่เรายังมีลมหายใจ ทำให้เราต้องเจอกับสถานการณ์เกินความคาดหมาย ต้องต่อสู้อะไรต่าง ๆ นานา วัน ๆ เจอมาหนักหน่วงขนาดนั้น จิตใจของเราย่อมต้องการชาร์จแบต หลบเข้ามุมปลอดภัยไปรับพลังเยียวยา ความอบอุ่น ความมั่นคง มีพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคย สบายใจแบบไม่ต้องดิ้นรน มีเพื่อนแท้ที่เชื่อใจได้ ไว้วางใจได้เสมอเป็นที่ปรึกษาและเป็นที่ระบายที่ดี ยอมรับและให้เกียรติในตัวตนของเรา ไม่ตัดสินกัน เข้าอกเข้าใจกันตลอด มันดีต่อใจจริง ๆ นะที่มีคนนี้อยู่ข้าง ๆ ตัว
เพราะเราจะได้รับพลังบวกมาเติมเต็มชีวิต
แน่นอนว่าคนเราสามารถเติมพลังบวกให้ชีวิตได้ด้วยตัวของเราเอง มีวิธีการตั้งมากมายที่เราจะสร้างพลังบวกให้กับตัวเองแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น แต่รู้ไหมว่าหนึ่งในวิธีการสร้างพลังบวกให้กับชีวิตที่ทำได้ง่ายที่สุด ก็คือการมีมิตรภาพดี ๆ มีเพื่อนแท้ให้ได้อย่างน้อยสักคน โดยเฉพาะเพื่อนที่มีพลังบวกมหาศาลอยู่ในตัว การอยู่ใกล้หรือพูดคุยกับพวกเขาจะทำให้เราได้รับซึมซับพลังบวกมาด้วยโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวเลวร้ายอะไรมาหรืออาจเริ่มคิดไปถึงขั้นว่าโลกใบนี้มันช่างไม่น่าอยู่อีกต่อไปแล้ว แค่ได้โทรคุยกับเพื่อน ออกไปกินข้าวกับเพื่อน เล่าประสบการณ์ไม่สู้ดีให้พวกเขาฟัง และรับทัศนคติเชิงบวกจากพวกเขามา เราจะเห็นด้านที่สวยงามของโลกใบนี้มากขึ้น โลกที่มีเพื่อนคนนี้อยู่ด้วยกัน
เพราะการหันหลังไปแล้วเจอใครสักคนมันยังดีกว่าตัวคนเดียว
เอาเข้าจริงไม่มีใครในโลกที่อยากจะเกิดมาตัวคนเดียว ใช้ชีวิตเหงา ๆ อยู่คนเดียว แล้วก็ตายจากโลกนี้ไปอย่างโดดเดี่ยวคนเดียวหรอก ในใจลึก ๆ เราต่างก็ต้องการใครสักคนที่จะคอยสนับสนุนเราอยู่ทุกเมื่อ อยู่ข้าง ๆ เป็นคู่หูคู่คิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังเป็นเรื่องแย่นะ แค่จะบอกว่าการมีเพื่อนที่ดีมันย่อมสนุกกว่าการทำอะไรคนเดียวอยู่แล้ว เวลาที่มีความสุข หันหลังไปก็ยังมีคนให้ยิ้มด้วยหัวเราะด้วย อวดความสำเร็จได้ เวลาเศร้าหันหลังไปที่เดิมก็ยังมีคนคอยปลอบโยน แม้แต่ในวันที่เราไม่เชื่อมั่น ไม่ศรัทธาในตัวเอง แต่จะมีเพื่อนคนนี้ที่จะยังคงเชื่อมั่นในตัวเราจนถึงที่สุด ไม่ต้องเดินหน้าไปแบบกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะมิตรภาพที่ดีจะทำให้เราไปต่อได้แบบไม่อ้างว้างจนเกินไป
เพราะมิตรแท้คือกระจกสะท้อนตัวเราเอง
หาไม่ง่ายเลยนะที่จะเจอคนที่กล้าพูดกับเราอย่างตรงไปตรงมาว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ทำผิดก็ตักเตือนโดยไม่ได้กลัวว่าเราจะโกรธเคือง หรือทำดีแล้วก็ชื่นชม อวดอวยหรือยกย่องให้เรามีกำลังใจที่จะทำอะไรให้ดีต่อไป เพื่อนที่ดีจะทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนตัวเราให้เราได้มองเห็นตัวเอง เพราะสายตาเราเองมักจะมองอะไรที่มันไกลตัวเสมอ ทำให้บ่อยครั้งทีเดียวที่เรามองไม่เห็นตัวเอง ถ้าไม่มีใครมาคอยสะท้อนให้ เพื่อนที่ดีเมื่อทำหน้าที่เตือนแล้ว พวกเขาจะเชื่อใจว่าเราสามารถนำไปคิดต่อเองได้ และจะตัดสินใจได้เองว่าต้องทำอะไรต่อ มิตรที่ดีจะสนับสนุนกันไปในทางที่ดี ไม่ลากอีกฝ่ายไปสู่หนทางแห่งความเสื่อม ในทางตรงข้าม การคบคนชั่วเป็นมิตรกลับเป็นอบายมุข เป็นหนทางที่นำไปสู่หายนะ