Converse ร่วมกับ Tyler, the Creator เปิดโอกาสครีเอทีฟรุ่นใหม่สร้างสรรค์ผลงานในสายดนตรี
Converse ร่วมกับ Tyler, The Creator ได้พาเหล่าครีเอทีฟรุ่นใหม่ 30 คนจาก 12 ประเทศทั่วโลก เพื่อร่วมมือกันสร้างสรรค์วิถีใหม่แห่งการสร้างดนตรีเพื่อผสมผสานแนวเพลงและวัฒนธรรม Converse 'All Star Series' จัดขึ้นที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเฉลิมฉลองมุมมองระดับโลกที่ไม่เหมือนใครและการกลับมาสู่การทำงานร่วมกันแบบตัวต่อตัว โดยเปิดโอกาสให้ชุมชน All Stars ได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ และหนึ่งในนั้นได้มีครีเอทีฟไทยหนึ่งในสมาชิก Converse All Stars กอบกฤต ธิติธนวรรษ @asianmudman หนึ่งในสมาชิกของ Converse All Stars ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
นักดนตรี เหล่า Visual Creative และนักเล่าเรื่องได้รับเลือกให้เข้าร่วม Workshop เป็นเวลาสามวัน ซึ่งจัดโดยผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน Converse All Stars ถูกท้าทายให้ผสมผสานอิทธิพลทางวัฒนธรรม แนวดนตรี และสไตล์ที่เป็นอิสระเพื่อสร้างเพลง 5 เพลง รวมไปถึงภาพที่บ่งบอกบรรยายถึงเสียงเพลงนั้นๆ All Stars อีกทีมหนึ่งได้บันทึกบรรยากาศของวัฒนธรรมที่หลากหลาย และแรงบันดาลใจที่สร้างสรรค์ไว้ด้วย
เหล่า All Stars ได้รับโอกาสในการร่วมงานกับศิลปินจากหลากหลายสาขาอย่าง Abdul Abdullah (Creative Director), Ken Leung และโปรดิวเซอร์ Justin Elwin ผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละคนให้คำปรึกษา สนับสนุน และแบ่งปันมุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับการดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ ให้แก่ All Stars ซีรีส์นี้จบลงด้วยการจัดแสดงผลงานของ Tyler, The Creator ซึ่งให้คำแนะนำและมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับการแก้ปัญหาอุปสรรค์
“ถ้าคุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มันง่ายสำหรับคนอื่นมากที่จะตัดสินคุณหรือเข้าใจคุณในแบบผิดๆ” “เมื่อคุณแยกตัวออกมาและทำบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป บางครั้งผู้ที่ให้การสนับสนุนหลักของคุณก็ไม่อาจเข้าใจคุณได้ เพราะอาจจะไม่ได้มองในมุมมองเดียวกับคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมต้องทำงานที่ไม่ได้อยู่ใน Comfort Zone ของตัวเอง มันผลักดันให้ผมก้าวไปมากกว่าเดิม มันเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้วที่จะทำงานในแบบเดิมๆที่เราถนัด แต่ในบางครั้งการออกมาจากขีดจำกัดความสบายของตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา นั่นแหละเป็นประสบการณ์ที่มีอยู่สำหรับ Converse All Star” - Tyler, The Creator
“การได้รับโอกาสดีดี ไปเยือนดินแดนและพบปะผู้คนที่มาจากคนละที่กัน ทำให้รู้สึกว่าโลกเล็กขึ้นอีกนิดนึง เหมือนเราได้ขยับหมุนมุมมองลูกโลกในด้านที่แตกต่างออกไป พลิกดูและรู้มากขึ้นกว่าที่เคย การได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เปิดมุมมองที่กว้างขึ้นจะเป็นประสบการณ์ที่ดี หล่อหลอมการก้าวไปข้างหน้าในทั้งเส้นทางของการทำงานและการใช้ชีวิต” - กอบกฤต ธิติธนวรรษ @asianmudman สมาชิกของ Converse All Stars
ด้วยการจัดกลุ่มครีเอทีฟที่มีความสามารถและภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผลงานของ All Star Series จึงเป็นแนวทางที่ไม่เหมือนใครในด้านดนตรีที่ก้าวไปไกลกว่าเพลงแบบเดิมๆ ตั้งแต่ Reggaeton ไปจนถึง Brazilian Funk และ Emo ไปจน R&B อิทธิพลทางดนตรีและวัฒนธรรมของ All Star แต่ละคนที่หลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อผสมผสาน 5 แทร็กเสียงที่แตกต่างกันซึ่งบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
- 'Puerta' (Door) ใช้เนื้อร้องภาษาสเปนและอังกฤษเพื่อแสดงถึงสองด้านของความเป็นผู้หญิง ซึ่งอาจนุ่มนวลและละเอียดอ่อน แต่ยังคงมีความแข็งแกร่ง (@itsmebiancac @Ginelio_ @j.ustinli @noahdacosta_ @GRTSCH @Wunmilli)
- ‘On the low’ นำทำนอง R&B และ Emo มาผสมกับจังหวะหลวม ๆ เพลงแสดงถึงความซับซ้อนของความรักและการสนับสนุนในความสัมพันธ์ (@chlobocoppp @reem @paniaxo @asianmudman @latejunemusic @egofreckles)
- 'Self-Care' เป็นเพลงที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของ Hulusi (เครื่องเป่าของจีนโบราณ) และนักร้อง 4 คนที่มีภูมิหลังเป็นแร็พและ R&B. (@mrs_fallback @mikkapedia @em.muso @Nyotaparker @boySoda @shixinwenyue)
- 'Our Next Is Now' เป็นเพลง EDM ที่ผสมผสานการแร็ปที่ไพเราะและเสียงร้องอันทรงพลัง และยืนหยัดในแนวคิดที่ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้มีความสำคัญ (@Kyla.rain @tyrell.vanilla @only.jaycee @itsPricie @doyilee @isaacandrewsstudio)
- 'Together' เป็นการผสมผสานระหว่าง Brazillian Funk และ Trap โดยมีการแร็พแบบโปรตุเกสกับการผสมผสานกับการขับร้องภาษาอังกฤษ สื่อถึงตีมเกี่ยวกับความเฉลียวฉลาด ความสามัคคี และจุดมุ่งหมาย (@cath_victoriano @Cxntion @soualadin @herapnacional @lydiatesema_ @Munjiy)
"ประสบการณ์กับ All Stars นี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า Converse ส่งเสริมเส้นทางสายดนตรี ด้วยการให้ศิลปินหน้าใหม่ที่มีพลังขับเคลื่อน เข้ามามีบทบาทมากขึ้น” - Andres Kiger รองประธานฝ่ายการตลาดของ Converse Global Partner Markets กล่าว
“เราจะคอยสนับสนุนนวัตกรรมซึ่งป็นส่วนสำคัญของ Converse DNA เสมอ และสำหรับ The All Star Series: Sydney ก็เป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเราเพื่อส่งเสริมความสามารถทางดนตรี และเรามีแผนใหญ่ที่จะสนับสนุนนักดนตรีหน้าใหม่ต่อไป”
หลังจากโชว์เคสสุดสร้างสรรค์แล้ว เหล่า All Stars ก็ได้รับโอกาสในการแสดงสดที่ Landsdowne Hotel ซึ่งเป็นสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของซิดนีย์ เริ่มต้นค่ำคืนกับ Ginelio จากแอฟริกาใต้ ด้วยการแสดง EDM อันเร้าใจ ตามมาด้วย RNB ของ Pania จากออสเตรเลีย และ Munjiy ดีเจชาวมาเลเซีย แสดงอย่างสนุกสนานปิดค่ำคืนอย่างสวยงาม
The All Star Series: ซิดนีย์ เป็นภาคที่สามของปีนี้กับ Tyler, The Creator ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Converse มาอย่างยาวนาน โดยซีรีส์เรื่องแรกจัดขึ้นที่ลอสแองเจลิสเป็นแนวศึกษาเรื่องของอิทธิพลของความครีเอทีฟ ในขณะที่จุดที่สองในปารีสมุ่งเน้นไปที่กระบวนการของความครีเอทีฟ