ความสำคัญของภาษาที่สอง : ยิ่งเด็กเรียนรู้เร็วเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสฉลาดมากขึ้นไปด้วย

ความสำคัญของภาษาที่สอง : ยิ่งเด็กเรียนรู้เร็วเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสฉลาดมากขึ้นไปด้วย

ความสำคัญของภาษาที่สอง : ยิ่งเด็กเรียนรู้เร็วเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสฉลาดมากขึ้นไปด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีการถกเถียงกันอยู่เสมอเกี่ยวกับเรื่องภาษาที่สองสำหรับเด็กที่เติบโตมาในยุคนี้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะจำเป็นต้องเรียน หรือแม้แต่จำเป็นต้องเรียนจริง ๆ รึเปล่า รอให้เด็กโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนแล้วค่อยให้เขาเลือกเรียนเองดีกว่าไหม อันที่จริงแล้วความเชื่อไหนก็มีเหตุผลรองรับด้วยกันทั้งสิ้น และแน่นอนว่าสถานการณ์ของแต่ละครอบครัวก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปได้ยากที่จะให้ทุกบ้านทำเหมือนกันหมด

ยังไงก็ตามในทางวิทยาศาสตร์แล้วมีหลักฐานหลายอย่างเริ่มออกมารองรับว่าเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวสองภาษานั้นมีโอกาสที่จะพัฒนาได้เร็วกว่าในด้านการเรียนการศึกษา ล่าสุดมีการศึกษาชิ้นใหม่ที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย University of Washington ที่คอนเฟิร์มเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

นักวิจัยนำเด็กทารกอายุราว ๆ 11-12 เดือนมาทั้งหมด 16 คน ครึ่งหนึ่งมาจากครอบครัวที่พูดภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว อีกครึ่งหนึ่งมาจากครอบครัวที่พูดสองภาษา สเปนและอังกฤษ หลังจากนั้น เด็กทารกจะฟังเสียงพูดที่หลากหลาย ตั้งแต่เสียงคำนำหน้าไปจนถึงเสียงภาษาอังกฤษและภาษาสเปน นักวิจัยตรวจสอบการตอบสนองของทารกต่อเสียงโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MEG) ซึ่งช่วยให้พวกเขาระบุได้ชัดเจนว่าส่วนใดของสมองถูกกระตุ้นระหว่างทำการทดลอง (แน่นอนว่าไม่เป็นอันตรายต่อเด็กและพ่อแม่ก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย)

สิ่งที่พวกเขาค้นพบคือสมองคอร์เทกซ์ส่วนหน้าและออร์บิโทฟรอนต์ทัลของเด็กทารกจากครอบครัวที่พูดภาษาอังกฤษและสเปนนั้นมีการตอบสนองเยอะมาก ซึ่งมันเป็นบริเวณของสมองที่รับผิดชอบสิ่งที่เรียกว่า EF (Executive Funtions) ที่มีส่วนสำคัญเกี่ยวกับการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหา นาจา เฟอร์ยาน รามิเรซ (Naja Ferjan Ramírez) หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวบทความว่า “ผลการศึกษาของเราชี้ให้เห็นว่า ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มพูด เด็กที่โตมากับการฟังสองภาษานั้น ‘เปิดกว้าง’ ต่อเสียงของภาษาใหม่ๆ ได้นานกว่าเด็กวัยเดียวกันที่พูดภาษาเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและทำให้สมองยืดหยุ่นได้สูงสำหรับพวกเขา”

กลไกของสมองที่ยืดหยุ่นได้มีประโยชน์อย่างมาก ไม่ใช่แค่กับเด็กเท่านั้น แต่สำหรับตอนที่เขาโตมาเป็นผู้ใหญ่ด้วย การศึกษาหลายชิ้นรวมถึงข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติได้แสดงให้เห็นว่าผู้ใหญ่ที่พูดได้สองภาษามี ​EF ที่สูงกว่าคนที่พูดได้ภาษาเดียว ซึ่งหมายความว่าเมื่อเด็กที่โตที่พูดได้สองภาษาโตมาเป็นผู้ใหญ่โอกาสที่เขาจะมีความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานหรือการเรียนจึงมีโอกาสสูงขึ้นไปด้วย ผู้ใหญ่ที่พูดได้สองภาษาจะสามารถสลับโฟกัสระหว่างงาน รื้อฟื้นความทรงจำ และแสดงทักษะการแก้ปัญหาและการวางแผนในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย เด็กสองภาษาก็มีทักษะเหล่านั้นด้วยเหมือนกัน EF เป็นเครื่องบ่งชี้สำคัญต่อความสำเร็จทางด้านวิชาการและความสุขในระยะยาวของชีวิตอีกด้วย แถมการเรียนรู้ภาษาอื่นสามารถช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อม เช่น ภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์สำหรับผู้สูงอายุได้

อย่างที่เห็นครับว่าการเลี้ยงดูลูกแบบสองภาษานั้นมีข้อดีหลายอย่าง และยิ่งเราเริ่มเร็วยิ่งมีดี เพราะอย่างในการทดลองเด็กอายุยังไม่ถึงขวบปีก็สามารถแยกแยะเสียงและภาษาในสมองได้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มได้และครอบครัวพร้อมสนับสนุน การเรียนภาษาที่สองถือเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรสนับสนุนครับ

ถ้าครอบครัวของคุณเป็นครอบครัวสองภาษาอยู่แล้ว เช่นสามีเป็นคนไทย ภรรยาเป็นคนจีน ก็ใช้เทคนิค “One Parent, One Language” ไปเลย พ่อไทย แม่จีน เด็กจะสามารถแยกแยะภาษาและวิธีการสื่อสารได้เอง

แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นครอบครัวสองภาษาก็ไม่ต้องไปกังวลมากนัก พยายามหาหนังสือหรือสื่อต่าง ๆ ที่เราสามารถใช้เพื่อพูดคุย อ่าน เขียน ให้เด็ก ๆ ดูได้ เวลาดูการ์ตูนกับลูกก็เปิดเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ หรือบางทีอาจจะเลือกวันสักวันหนึ่งในแต่ละอาทิตย์เพื่อเป็นวันภาษาอังกฤษ​ ซึ่งคุณก็จะคุยกับลูกเป็นภาษานั้นทั้งวัน ตราบใดที่เราทำอย่างสม่ำเสมอ เด็ก ๆ จะได้ประโยชน์จากตรงนี้แน่นอน หรือถ้ามีครอบครัวของเด็กในโรงเรียนที่พูดภาษาอื่นก็อาจลองนัดเล่นกันดูบ่อย ๆ แลกเปลี่ยนภาษาหรือวัฒนธรรมความคิด นอกจากจะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ แล้ว ยังเรียนรู้ในการเข้าสังคมได้ดีขึ้นไปด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook