ความจำเป็นที่เราต้องหัดเป็นคนที่ “มีน้ำใจ” ต่อผู้อื่น
“น้ำใจ” เป็นสิ่งที่ที่คนเรามีต่อกันได้ง่าย ๆ โดยที่บางครั้งผู้ให้ไม่จำเป็นต้องเสียสละอะไรของตัวเองเลย แต่ทุกวันนี้ เราหา “น้ำใจ” กันได้ค่อนข้างยาก เพราะต่างคนต่างก็ทำอะไรเพื่อประโยชน์ของตัวเองกันทั้งนั้น ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่เราให้ความสำคัญกับเป้าหมายข้างหน้าจนไม่สนใจคนอื่น ๆ รอบข้างเลยต่างหาก ว่าเขาจะทุกข์ จะเดือดร้อน จะลำบากอะไรอยู่หรือเปล่า มุ่งที่จะกอบโกยผลประโยชน์ด้วยใจที่เห็นแก่ตัวเท่านั้น จนหลาย ๆ ครั้งมันก็เบียดเบียนคนอื่นด้วย
ทุกวันนี้โลกโหดร้ายกับมนุษย์เรามากพอแล้ว ยิ่งทุกสิ่งอย่างซับซ้อนวุ่นวายแบบนี้ จะดีกว่าหรือไม่ที่มนุษย์เราจะช่วยกันทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นกว่านี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะใจดีกับคนอื่นให้มากขึ้นอีกนิด มีน้ำใจให้กันเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย ใจร้ายต่อกันให้น้อยลง ที่หัวร้อนใจร้อนจะชักอาวุธใส่กัน ก็พยายามดับก่อนจะปรี๊ดแตก แค่ลองเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติต่อผู้อื่นเท่านั้น โดยทุกอย่างเริ่มได้จากตัวเราเองก่อน ต่างฝ่ายต่างควบคุมตนเอง
เพราะชีวิตเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณและคุณก็ไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก จึงไม่อาจที่จะทำสิ่งใด ๆ โดยพุ่งเป้าแค่ตัวเองแบบไม่เห็นหัวใครได้ บนโลกที่กว้างใหญ่ ยังมีสังคมต่าง ๆ และด้วยมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทุกคนจำเป็นต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมหนึ่ง ๆ เสมอ เล็กบ้างใหญ่บ้างก็ว่ากันไป ทั้งยังต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม หาได้อยู่ตัวคนเดียว ซึ่งการที่เราต้องอยู่ร่วมกันกับคนอื่น ๆ ในสังคมนี่แหละ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีน้ำใจไมตรีที่ดีต่อกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กันบ้าง สังคมจึงจะน่าอยู่ และอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
เป็นการแสดงความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน
เป็นเรื่องง่ายมากที่คุณจะมีน้ำใจแก่ผู้อื่น เพราะการเรียนรู้ที่จะเป็น “ผู้ให้” นั้นไม่ได้ทำยากขนาดนั้น เพียงแค่เริ่มจากการมีจิตใจที่ไม่เห็นแก่ตัว เมตตาจิต ไม่ได้มองประโยชน์ของตัวเองเป็นกิจเดียวที่จะมุ่งไปให้ถึง แต่มองว่าระหว่างทางคุณยังสามารถช่วยเหลืออะไรใครได้บ้าง คนที่ต้องการความช่วยเหลือ คนที่เดือดร้อน คนที่กำลังทุกข์ ด้วยใจที่อยากช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นจากความทุกข์ในสถานการณ์ด้านลบและเจอกับสิ่งที่ดีกว่า พร้อมที่จะแบ่งปัน เสียสละสิ่งที่ตัวเองมีแม้เพียงน้อยนิด เชื่อเถอะว่าคุณจะได้ความอิ่มเอมใจกลับมา
ส่งเสริมความรู้สึกนับถือตัวเอง
อย่างที่บอกว่าขอให้เชื่อเถอะว่าการเป็นผู้ให้ด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ย่อมได้อะไรบางอย่างกลับมาเสมอ อย่างน้อยที่สุดคือความรู้สึกดีที่มีต่อตัวเอง เป็นความอิ่มเอมใจ มีความสุข และยิ่งถ้าได้รับคำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มด้วยแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกเติมเต็มใจ ภาคภูมิใจในตัวเอง โดยเฉพาะ การตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองและรู้สึกนับถือตัวเองมากขึ้นด้วย แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่เรารู้สึกต่อตัวเอง สามารถส่งผลกระทบต่อทุกด้านในชีวิตของคนเรา ทำให้ดีขึ้นหรือแย่ลงได้ น้ำใจยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ ตัวเราจะมีความสุขทางใจมากขึ้นด้วย