เพื่อนไม่ใช่ของตาย อย่าละเลยความสำคัญของมิตรภาพ
มีใครเคยต้องเสียเพื่อนสนิทไปหลังจากที่เพื่อนคนนั้นมีแฟนบ้าง หรือในทางกลับกัน อาจจะเป็นตัวคุณเองที่ค่อย ๆ เฟดหายไปจากชีวิตเพื่อนฝูงจนเพื่อนต้องประกาศตามหาตัวบ่อย ๆ เพราะติดแฟนหนักมาก จริง ๆ แล้วการที่ตัวคุณหรือเพื่อนของคุณติดแฟนมากนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่เมื่อคนเราเติบโตทุกจุดหนึ่ง ทุกคนต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตในทางของตัวเอง การมีแฟน การแต่งงานมีครอบครัว ก็ล้วนเป็นเส้นทางชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งก็เท่านั้น เมื่อเห็นเพื่อนมีความรักหรือเตรียมที่จะเป็นฝั่งเป็นฝาก็ดีใจและยินดีกับเพื่อนด้วย
แต่หลาย ๆ คนกลับรู้สึกน้อยใจและเสียใจที่เพื่อนที่มีแฟนแล้วค่อย ๆ ห่างหายไปเรื่อย ๆ และบางคนก็ถึงขั้นเฟดตัวหายไปจากชีวิตกันและกันเลย ใจหนึ่งก็เข้าใจว่าเพื่อนก็ต้องหันไปให้ความสำคัญกับคนรักของตัวเองอยู่แล้ว เพราะในวันหนึ่งจากสถานะแฟนอาจพัฒนาเป็นคู่สมรส คู่ชีวิต หรือเป็นพ่อ/แม่ของลูก ทว่าพอได้เห็นกลุ่มแก๊งอื่นเข้าก็เลยรู้สึกจุก ๆ บ้าง เพราะสมาชิกแก๊งคนที่มีแฟนแล้วหรือแม้กระทั่งแต่งงานมีลูกแล้วก็ตาม ก็ยังสามารถบาลานซ์ชีวิตแบ่งมาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงได้ตามวาระ แน่นอนว่าคงไม่ได้มีเวลาให้กลุ่มเพื่อนมากมายเท่าเมื่อก่อน แต่ยังคงให้ความสำคัญกับเพื่อนเหมือนเดิม เพื่อนไม่ได้กลายเป็นคนนอก และไม่ใช่แค่ของตายที่จะวนกลับมาหาเฉพาะเวลาทะเลาะกับแฟน
ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้หลายคนนึกเปรียบเทียบว่า “ทำไมเพื่อนฉันถึงบาลานซ์ไม่ได้นะ!” จากที่เคยเป็นบุคคลสำคัญในช่วงวัยหนึ่ง เคยไปไหนไปกัน เคยร่วมหัวจมท้ายกันมา เคยสนุกสนานเฮฮา แต่ทุกวันนี้กลายเป็นว่าอยู่ในสถานะหมาหัวเน่า เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจที่รักษามิตรภาพอันยาวนานไว้อีกต่อไปแล้ว มันไม่ใช่แค่การห่างหายกันไปแบบที่นานทีปีหนสามารถนัดเจอกันเพื่ออัปเดตชีวิตกันได้บ้าง แต่เป็นแบบตัดเยื่อใยกันดื้อ ๆ เลย ติดต่อยากมากไปจนถึงไม่สามารถติดต่อได้ เปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนไลน์ เปลี่ยนเฟซ เล่นเอางงว่าฉันไปทำอะไรผิดหรือเปล่า
ความสัมพันธ์แบบมิตรภาพ ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในชีวิตเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น ๆ บางคนสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคนรัก ขอเพียงแค่มีเพื่อนคู่หูประเภทมองตาก็รู้ไปถึงลำไส้ใหญ่เคียงข้างกันไปก็พอ มิตรภาพเป็นความสัมพันธ์ที่มีค่ามากสำหรับใครหลายคน และเพื่อนที่ดีก็คืออีกคนที่มีความสำคัญมาก ๆ เราต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ ในวันที่ห่าง ๆ กันไป ก็ยังสามารถนัดกันที่ร้านหมูกระทะหรือประจัญหน้ากันที่หม้อชาบู พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกัน เล่าเรื่องน่าอาย น่าหงุดหงิดให้กันฟัง บ้างก็นั่งร้องไห้ด้วยกัน
แต่วันหนึ่งกลับมีคนอีกคนที่ทำให้เพื่อนของเราเปลี่ยนไปจนถึงขั้นที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบข้อความของเรา บทบาทสำคัญ ๆ ที่เคยทำด้วยกันไม่มีอีกแล้ว และทำอะไรก็ไม่รักษาน้ำใจกันด้วยซ้ำ เกิดเป็นความรู้สึกที่อีกฝ่ายเข้าใจได้ว่า “เพื่อนที่คบมานานไม่ได้มีความสำคัญเท่าคนรักสินะ” เลยสามารถตัดทิ้งได้เลยทันที ทั้งที่ฝ่ายเพื่อนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่ถ้าทะเลาะกับแฟนหรือเลิกกันเมื่อไร ไม่แน่ว่าเพื่อคนนี้อาจจะกลับมา
อย่าละเลยเพื่อนฝูง
พูดง่ายแต่ทำไม่ง่าย ทั้งตัวคุณและแฟนของคุณควรมีเวลาส่วนตัวเอาไว้เพื่อตัวเองบ้าง แล้วก็เอาเวลาส่วนตัวนั้นมาหาความสุขให้ตัวเองด้วยการนัดเจอเพื่อน ๆ บ้างตามโอกาสจะอำนวย อย่าละเลยการมีตัวตนของพวกเขาขนาดนั้น เพราะเพื่อนบางคนก็คบมาก่อนแฟนนานเป็นสิบ ๆ ปี ด้วยความผูกพันและศีลเสมอกันจริง ๆ ถึงได้คบกันยาวนานขนาดนี้ ก็คงจะน่าเสียดายไม่น้อยถ้าจะต้องเสียเพื่อนเหล่านั้นไปเพียงเพราะเราไม่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมากพอ เพื่อน ๆ พวกนั้นก็ไม่ได้ต้องการให้คุณเลือกพวกเขามากกว่าที่จะเลือกแฟนอยู่แล้ว เพียงแต่ยังมีความสำคัญต่อใจกันอยู่ก็พอ ถ้าที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยทิ้งคุณ พวกเขาก็คาดหวังว่าคุณจะไม่ทิ้งพวกเขาเช่นกัน
เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าคุณให้เวลากับคนรักมากเพราะอะไร แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้ละเลยความสัมพันธ์อื่น ๆ เพื่อนที่ดียังเป็นคนที่คุณ “พึ่งพาอาศัยได้เสมอ” ดูได้จากการที่พวกเขาไม่เคยทิ้งคุณก่อน (ถ้าเขาจะเทคุณคงเทไปนานแล้ว) ถ้าคุณตัดขาดจากพวกเขาก่อนเพราะคุณให้ความสำคัญกับคนรักมากกว่า เพื่อนคงเสียใจ เสียความรู้สึกน่าดู และถ้าคุณกับคนรักไปกันไม่รอดจนต้องกลับไปหาเพื่อน พวกเขาให้อภัยคุณได้แหละ แต่มันก็คงยากเหมือนกันที่คุณจะแบกหน้ากลับไป
แทนที่จะคิดเองเออเอง ให้ถามดีกว่า
การไม่สื่อสารกันให้เข้าใจนำมาซึ่งความเข้าใจผิดเสมอ และถ้ายังคงไม่สื่อสารกันให้รู้เรื่องอีก ก็จะทำให้เกิดการคิดเองเออเอง ถึงเวลานั้นมิตรภาพของพวกคุณก็จะกู่ไม่กลับแล้วก็ได้ การที่คุณเป็นเพื่อนกันมานานกว่าทศวรรษ คุณย่อมเคยผ่านอะไรต่ออะไรกันมามากมาย และสิ่งเหล่านั้นก็ช่วยพิสูจน์มิตรภาพของพวกคุณได้มาตลอด ดังนั้น อย่ามาตกม้าตายง่าย ๆ ด้วยการมีอะไรก็ไม่เคลียร์ ไม่พูดคุยกันให้เข้าใจเลย อย่าเสียเพื่อนดี ๆ ไปเพราะความเข้าใจผิด มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเสียดาย ทิ้งความคลางแคลงใจไว้ว่า “ฉันทำอะไรผิดเหรอ” ไปตลอดกาล
มันอาจจะรู้สึกจั๊กจี้อยู่บ้างแหละเวลาที่ต้องเริ่มต้นเปิดอกพูดคุยกันตรง ๆ เกี่ยวกับความไม่เหมือนเดิมที่มีให้กัน แต่ก็ดีกว่าการที่ปล่อยให้เครื่องหมายปรัศนีล่องลอยอยู่เต็มหัวไปเรื่อย ๆ ว่าทำไมมิตรภาพตั้งหลายปีถึงมาจบง่าย ๆ แบบนี้ เพราะฉะนั้น อย่าคิดเองเออเองหรือคิดแทนว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร วิธีการหลีกเลี่ยงความกำกวมนั้นมีแค่ทางเดียว คือการพูดคุยกันให้เข้าใจ ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีวันหมดอายุไม่ช้าก็เร็ว แต่จะหมดอายุแบบไหนเราเลือกได้ เราจะยังคงมีความสำคัญต่อกันอยู่ แต่ไม่ใช่บ่อย ๆ หรือตลอดเวลาแบบเมื่อก่อน หรือเลือกที่จะตัดขาดกันไปเลยดี ถ้าจะเลิกคบกับก็ควรจะให้มันชัดเจนว่าเรื่องอะไร ไม่ใช่เฟดหายกันไปตามธรรมชาติ ทั้งที่ใจอาจจะยังหวังดีต่อกันเสมอมา
มนุษย์ในทุก ๆ ความสัมพันธ์ล้วนต้องการความสำคัญ
ถ้าเพื่อนของคุณเกิดอาการน้อยใจที่คุณให้ความสำคัญกับพวกเขาน้อยลง จนดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจว่าตัวเองหมดความสำคัญในชีวิตของคุณไปแล้ว คุณอาจจะมองว่าพวกเขากำลังเยอะใส่คุณ แต่ถ้าคุณคิดในมุมของเพื่อน เอาใจเขามาใส่ใจเราสักนิด คุณอาจพบว่าที่สุดแล้วตัวคุณเองก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างกัน ถ้าเพื่อนลดทอนความสำคัญของคุณลงขนาดนี้เพราะติดแฟนเกินไป ทั้งที่คุณเคยเป็นคนสำคัญมาก ๆ ของเพื่อนมาก่อน ไม่ว่าจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบใด มนุษย์เราก็ต้องการการยอมรับ ต้องการเป็นคนสำคัญ ต้องการมีความหมายสำหรับใครสักคนทั้งนั้น ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็จะเกิดผลทางลบในความรู้สึก
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการความปลอดภัยแม้ในความสัมพันธ์ ต้องการอะไรที่มีระเบียบแบบแผน ควบคุมได้ พยากรณ์ล่วงหน้าคร่าว ๆ ได้ เพราะมันจะรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยเลยที่เราเคยสำคัญแต่วันหนึ่งอีกฝ่ายก็ทำให้เรารู้สึกไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว นั่นจึงทำให้เพื่อน ๆ ของคุณรู้สึกน้อยใจคุณที่ไม่ได้ให้ความสำคัญพวกเขาเหมือนเดิมอีกแล้ว แถมไม่บอกกันให้เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงต้องห่างหายกันไปด้วย นั่นแหละ คนเราทุกคนล้วนอยากเป็นคนสำคัญของใครสักคน โดยเฉพาะกับคนที่เราให้ความสำคัญกับเขา