อยากมีสุขภาพดีขึ้น มาเลิกทำสิ่งเหล่านี้กัน
ปี ๆ หนึ่งผ่านไปเร็วมาก นี่ก็จะปีใหม่อีกแล้ว ใครที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงรูปร่าง อยากจะแข็งแรงขึ้น อยากจะมีสุขภาพดีขึ้น แต่ก็ยังทำไม่ได้ ผมอยากจะชวนให้ “เลิก” ทำสิ่งเหล่านี้เพื่อปีหน้าจะได้เป็นสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มาดูกันว่าเราควร “เลิก” ทำอะไรบ้างครับ
1. ต้องเลิกคิดว่าผอมแล้วดี อ้วนแล้วไม่ดี น้ำหนักขึ้นไม่ดี ลองเปลี่ยนมาถามตัวเองว่า “เราพอใจ เรามีความสุขในชีวิตในแต่ละวันรึยัง” ถ้ามีความสุข มีความพอใจแล้ว ยินดีด้วยครับแต่ถ้าเรายังไม่พอใจ อยากที่จะพัฒนาเพิ่ม เราก็ต้องหาวิธีการถูกต้อง ปรับทัศนคติให้ดี และลงมือทำให้สม่ำเสมอ
2. ต้องเลิกถามว่าอาหารอันนี้อ้วนมั้ย กินได้มั้ย แต่เราควรจะดูว่าอาหารนั้นมีสารอาหารอะไรที่ร่างกายต้องการบ้าง ในความเป็นจริงเราไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะอ้วนขึ้นจากการกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งหรืออ้วนจากการกินอาหารเพียงครั้งเดียว แต่เราอ้วนจากการกินอาหารแบบนั้นซ้ำ ๆ ทำพฤติกรรมไม่ดี ๆ ซ้ำ ๆ ไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตที่ดี
3. ต้องเลิกกลัวการกินคาร์โบไฮเดรต แต่ต้องรู้ว่าเราควรจะกินคาร์โบไฮเดรตอะไรตอนไหนเท่าไหร่ เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นขุมพลังที่ทำให้กล้ามเนื้อเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย ช่วยไม่ให้กล้ามเนื้อหาย ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนา
4. ต้องเลิกบ้ากินแต่โปรตีน เพราะสารอาหารอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ควรจะกินสารอาหารให้ครบถ้วน และหลากหลายด้วย การกินโปรตีนเยอะจะทำให้อิ่ม เป็นสาเหตุทำให้เรากินสารอาหารอื่นได้น้อยลง
5. ต้องเลิกคิดไปเองว่าเรากินน้อยแล้ว หรือดูแต่ปริมาณของอาหาร เพราะในความเป็นจริง ปริมาณอาหารไม่สัมพันธ์กับพลังงานในอาหาร อาหารบางอย่างชิ้นเล็กแต่ให้พลังงานสูงมาก (Calories Dense Foods) ในทางตรงข้ามอาหารที่มาจากธรรมชาติส่วนใหญ่ มีปริมาณเยอะแต่ให้พลังงานน้อย (Nutrient Dense Foods) ทำให้กินได้เยอะกว่า อยู่ท้องมากกว่า แถมยังมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนส่วนมากที่คิดว่ากินน้อย จะกินแคลอรี่มากกว่าที่คิดไว้ถึง 30-70% (แม่เจ้า!!!)
6. ต้องเลิกกลัวที่จะยกเวทหรือฝึกความแข็งแรง การยกเวทมันไม่ได้มีแค่การทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นเท่านั้น (ในความเป็นจริงมันก็ใหญ่ขึ้นได้ยากด้วย) แต่มันมีหลายหลากวิธีการซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน ทั้งฝึกให้มีแรงระเบิดเพิ่มขึ้น มีพลังมากขึ้น มีความทนทานมากขึ้น
7. ต้องเลิกคิดที่จะคาร์ดิโอโซน 2 อย่างเดียว การคาร์ดิโอที่ความหนักไม่มากมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ฝึกให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานให้ดีขึ้น เพิ่มความหนาแน่นของไมโตคอนเดีย ช่วยฟื้นฟูร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความทนทานมากขึ้น แต่ถ้าทำบ่อยเกินไปมันจะเรากดสมรรถภาพร่างกายของเราเช่นกัน ทำให้เราฝึกซ้อมไม่เต็มที่ไม่เกิดการพัฒนา รูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นต้องมีการวางโปรแกรมคาร์ดิโอให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ด้วย
8. ต้องเลิกคิดว่าต้องคาร์ดิโอ 30-45 นาทีขึ้นไป ร่างกายถึงจะเผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน (ในความเป็นจริงร่างกายใช้ไขมันตลอดเวลา) เป็นการสร้างแนวคิดเชิงลบว่าถ้าทำไม่ถึงแล้วจะไม่มีประโยชน์ แต่ควรจะคิดว่าเราจะคาร์ดิโอแบบไหนที่เราใช้เวลาที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะกับสมรรถภาพร่างกายของเราดีกว่า ถ้ามีเวลาน้อยเราก็สามารถคาร์ดิโอได้เช่นกัน แต่ควรจะทำให้หนักขึ้น
9. ต้องเลิกกลัวการยกเวทหนัก เลิกกลัวว่ายกเวทแล้วตัวจะใหญ่ เลิกกลัวการยกหนัก กลัวการยกเวทแล้วจะบาดเจ็บ ถ้าเราออกกำลังกายได้ถูกต้อง ควบคุมท่าทางการออกกำลังกายได้ดี ความแข็งแรงมากขึ้น น้ำหนักที่ยกก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้นตามด้วย เพราะร่างกายและกล้ามเนื้อจะพัฒนาได้นั้นจะต้องสู้กับความสามารถที่ยากขึ้น ต้องสร้างความเครียดในระดับที่พอเหมาะกับร่างกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
10. ต้องเลิกคิดจะยกเวทด้วยท่าทางประหลาด ยกเวทตามใน YouTube ยกเวทตามเน็ตไอดอล โดยที่ไม่ดูว่ามันมีประโยชน์หรือเหมาะสมกับเรามั้ย แต่สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ คือ การยกเวท การเคลื่อนไหวร่างกายในท่าทางพื้นฐานให้ดี แล้วใช้ให้เต็มประสิทธิภาพของมัน สอดคล้องกับเป้าหมายและสมรรถภาพร่างกายของเรา
11. ต้องเลิกคิดว่าการออกกำลังกายอย่างเดียวจะทำให้เราผอมลง หุ่นดีขึ้น เพราะถ้าเราไม่คุมอาหาร ไม่ปรับพฤติกรรมการกินไปด้วย ก็ยากที่จะหุ่นดีขึ้น เพราะคนที่เพิ่งเริ่ม การออกกำลังกายในแต่ละครั้งใช้พลังงานไม่เยอะ 200-300 แคลต่อชั่วโมงเท่านั้น
12. ต้องเลิกคิดว่าเราออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ ก็ถือว่าได้ออกกำลังกายแล้ว แต่เราควรจะต้องรู้ว่าเราจะออกกำลังกายอะไร ความหนักเท่าไหน เพื่อประโยชน์อะไร
13. ต้องเลิกคิดแต่จะทำหรือกินในสิ่งที่ชอบเท่านั้น เพราะการที่เรายอมทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่เรารู้ว่ามันเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง จะเป็นตัวที่ทำให้เราพัฒนา เห็นความแตกต่างที่เพิ่มขึ้น
14. ต้องเลิกรอคอยหรือมัวแต่มองหาแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ แต่เราทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทำ เหมือนการแปรงฟัน ต้องสร้างเป็นวินัยไปเลย แล้วจะทำให้เราทำได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอมากขึ้น
15. ต้องเลิกยึดติดกับตัวเลขบนตาชั่ง แต่ให้ดูว่าเรากินดีมั้ย ออกกำลังกายดีมั้ย พักผ่อนดีมั้ย ถ้าเรามีความสุขในการใช้ชีวิตแล้ว เราจะเลิกสนใจตัวเองบนตาชั่งไปเลย บางทีการที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นรูปร่าง สุขภาพ และความสุขในชีวิตอาจจะดีขึ้นก็ได้
16. ต้องเลิกคิดว่าการออกกำลังกายเป็นการทรมาน เป็นการชดใช้กรรม แต่เราควรจะมองถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายว่าเราทำแล้วได้อะไรกลับมาในอนาคตมากกว่า
17. ต้องเลิกคาดหวังที่จะเห็นผลทันที ให้คิดเหมือนกับการแปรงฟัน(อีกแล้ว) ที่เราแปรงฟันวันนี้ ไม่ได้หวังให้ฟันขาวสวยพรุ่งนี้ แต่เราแปรงฟันเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันผุ หินปูนจะได้ไม่เกาะ ฟันจะได้ดีไปตลอด หมอฟันจะได้ไม่ด่า
18. ต้องเลิกเชื่อแต่คนอื่น ต้องเลิกทำเพราะคนอื่น ๆ ทำกันมา แต่ควรจะอ่านหรือฟังแล้วไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อที่เราจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและต่อยอดความรู้ของเราขึ้นไปด้วย โลกเค้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
19. ต้องเลิกกลัวนู่นนี่แล้วไม่ลงมือทำซักที เช่น ทำแบบนี้จะได้ผลมั้ย กินแบบนี้จะดีมั้ย กินโปรตีนเยอะเท่าไหร่ดี และต้องเลิกคิดว่าทำไม่ได้ ถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ เอาเวลาที่กลัวไปศึกษาข้อมูลพื้นฐาน แล้วลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้จะเป็นกระบวนการการเรียนรู้ที่ทำให้เรารู้ว่าเราควรปรับเพิ่ม-ลดตรงไหนเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความชอบของเรามากที่สุด
20. เลิกอ่าน เลิกฟังอย่างเดียว ไปลงมือทำซะ และอย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าอะลุ่มอล่วยกับตัวเองมากนัก
นิว วีระเดช ผเด็จพล
MSc. Sport & Exercise Nutrition, Leeds Beckett University, UK
Certified Strength & Conditioning Specialist (NSCA)
Certified Personal Trainer (NSCA)
ผู้ร่วมก่อตั้ง Fit-D Fitness และเว็บไซต์ fit-d.com
Educator at FIT
IG: new_fitd