มิโด (MIDO) แนะนำนาฬิกา 5 เรือน 5 สไตล์ ตอบโจทย์หนุ่มๆ ทุกไลฟ์สไตล์
ในช่วงที่เทศกาลสำคัญกำลังจะเดินทางมาถึง หลายคนคงกำลังมองหาของขวัญสักชิ้นสำหรับเป็นรางวัลให้ตัวเองหรือมอบให้คนพิเศษในโอกาสสำคัญ ล่าสุดแบรนด์นาฬิกาหรูตามแบบฉบับ Swiss made อย่าง “มิโด” (MIDO) ได้เผยโฉมเรือนเวลาหรู 5 เรือน 5 สไตล์ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกนาฬิกาสำหรับเป็นของขวัญให้เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ของแต่ละบุคคล
“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน
สำหรับเรือนเวลาหรู! 5 เรือน 5 สไตล์ นั้นประกอบไปด้วย คอมมานเดอร์ กราเดียนท์ เดนิม บลู (Commander Gradient Denim Blue) จากตระกูลคอมมานเดอร์ (Commander) หนึ่งในซีรีส์ยอดนิยมตลอดกาลของ “มิโด” (MIDO) ที่ได้การยอมรับจากเหล่าคนรักนาฬิกามาอย่างยาวนาน ซึ่งสำหรับ คอมมานเดอร์ กราเดียนท์ เดนิม บลู (Commander Gradient Denim Blue) เป็นนาฬิกาที่ผสมผสานระหว่างความหรูหรา คลาสสิก และความสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลทรงกลม พร้อมแต่งพื้นผิวแบบขัดด้านสลับขัดมันที่บริเวณขอบเรือนเวลา ครอบด้วยแผ่นหน้าปัดอะคริลิกโปร่งแสงที่เผยให้เห็นถึงสีสันสโมคกี้บริเวณหน้าปัดในโทนสีน้ำเงินไล่เฉด และการทำงานของชุดจักรกลที่อยู่ภายใน ส่วนเข็มและหลักชั่วโมงถูกนำเสนอมาในสีเงินเพื่อให้รับกับเฉดสีของหน้าปัด พร้อมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาว โดยตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง และสามารถดำน้ำลึกได้ในระดับ 50 เมตร ด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นเรือนเวลาสำหรับหนุ่มที่ชื่นชอบในความหรูหราที่แฝงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ถัดมาที่ คอมมานเดอร์ โครโนกราฟ สเปเชียล เอดิชั่น (Commander Chronograph Special Edition) เรือนเวลาสำหรับหนุ่มๆ ที่ชอบสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจการดีไซน์ตัวเรือนมาจากหอไอเฟล ด้วยขอบตัวเรือนที่มีความบางเป็นพิเศษ พร้อมหน้าปัดทรงกลมที่สะท้อนส่วนโค้งของสถาปัตยกรรมชิ้นเอกได้เป็นอย่างดี บนตัวเรือนสแตนเลสสตีลสีโรสโกลด์ โดดเด่นด้วยสีของหน้าปัดที่เป็นการไล่สีจากสีเทาแบบแอนทราไซต์ (Anthracite) อันโฉบเฉี่ยว ครอบด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่เจียระไนให้เป็นสันเหลี่ยมเพื่อเพิ่มมิติให้กับตัวเรือนจับคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลหรือสายผ้าสีเทาที่
สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 60 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 60 ชั่วโมง โดยสามารถดำน้ำลึกได้ในระดับ 50 เมตรพร้อมเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาว ไว้บริเวณหลักชั่วโมงและเข็มนาฬิกา เพื่อช่วยในการอ่านค่าเวลาได้ง่ายขึ้นในที่แสงน้อย
ต่อมาที่นาฬิกาจากคอลเลกชั่นทเวนตี้ เยียร์ส อินสไปร์ บาย อาคิเทคเจอร์ (20 Years Inspired by Architecture) กับเรือนเวลาดีไซน์สปอร์ต โอเชี่ยน สตาร์ อินสไปร์ บาย อาคิเทคเจอร์ (Ocean Star Inspired By Architecture) ที่ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากความงดงามของประภาคารยูโรปาพ้อยท์ (Europa Point) โดยทีมดีไซน์ได้หยิบยกนำคุณสมบัติด้านความทนทานและความปลอดภัยของประภาคารที่เปรียบเสมือนแสงนำทางของผู้คนในท้องทะเลมาถ่ายทอดบนเรือนเวลาที่มีดีไซน์อันโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บนตัวเรือนทรงกลมที่เพิ่มความโดดเด่นให้หน้าปัดสีฟ้าด้วยขอบเบเซิล (Bezel) ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อน โดยตำแหน่ง 12 นาฬิกา ถูกออกแบบให้เป็นรูปทรงประภาคารสีขาวสลับสีแดง ซึ่งทีมดีไซน์ยังได้สลักรูปประภาคารยูโรปาพ้อยท์ (Europa Point) ไว้บริเวณฝาหลังอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาวบนเข็มนาฬิกากับหลักเวลาบนหน้าปัด และสีส้มในส่วนปลายของเข็มวินาที ซึ่งเป็นสีที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ส่วนกลไกตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยระบบคาลิเบอร์ 80 ซึ่งเป็นกลไกสมัยใหม่ที่ถูกพัฒนาให้มีพลังงานสำรองสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง
เรือนต่อมา โอเชี่ยน สตาร์ 200ซี ไทเทเนียม (Ocean Star 200c Titanium) นาฬิกาจากตระกูลโอเชี่ยน สตาร์ (Ocean Star) เรือนเวลาที่สะท้อนให้เห็นถึงดีไซน์อันแข็งแกร่งของ “มิโด” (MIDO) ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากโลกแห่งการดำน้ำ โดยหยิบยกลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์อย่างลายเส้นรูปทรงคลื่นมาดัดแปลงผสมผสานให้เข้ากับหน้าปัดสีดำบนตัวเรือนไทเทเนียมที่ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเลและเหงื่อได้ดี โดยมาพร้อมฟังก์ชั่นของนาฬิกาดำน้ำประสิทธิภาพสูงพิเศษด้านความแม่นยำและเที่ยงตรง ที่สามารถดำน้ำลึกได้ในระดับ 200 เมตร พร้อมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาว ที่ช่วยให้อ่านค่าเวลาได้ง่ายในที่แสงน้อย ส่วนกระจกหน้าปัดทำจากคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารตัดแสงสะท้อนทั้งสองด้าน และฝาหลังถูกสลักเป็นรูปปลาดาว พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง ซึ่งทนทานในทุกสภาพแวดล้อม
ปิดท้ายที่ มัลติฟอร์ต สเกเลตัน เวอร์ติโก้ (Multifort Skeleton Vertigo) เรือนเวลาจากตระกูลมัลติฟอร์ต (Multifort) โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตที่ชวนให้หลงใหลด้วยหน้าปัดและฝาหลังแบบเปลือย สามารถมองเห็นการทำงานของกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 ที่อยู่ด้านใน ด้วยรายละเอียดการดีไซน์สุดประณีตบรรจง พร้อมลวดลายแนวตั้งบนหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากเส้นสายเคเบิ้ลอันแข็งแกร่งของสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) ผสมผสานเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้วยลวดลายเจนีวา สไตรป์ (Geneva Stripes) พร้อมเทคนิคการทำสีแบบแอนทราไซต์ (Anthracite) เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่ทันสมัย โดยตัวเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาว พร้อมกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ช่วยป้องกันแสงสะท้อนบนหน้าปัดทั้งสองด้าน โดยฝาหลังได้สลักโลโก้ ‘MIDO’ ไว้อย่างชัดเจน
เรียบโก้ด้วยสายรัดสแตนเลสสตีล และตัวล็อคแบบบานพับที่ทำจากเหล็กเคลือบซาติน อีกทั้งยังสามารถสำรองพลังงานยาวนานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมดีไซน์ที่คลาสสิกเหนือกาลเวลา สามารถสวมใส่ได้ทุกยุคสมัย และฟังก์ชั่นการใช้งานก็ต้องตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน
นอกจากนี้ “มิโด” (MIDO) ยังได้แนะนำเคล็ดลับการเลือกนาฬิกาให้เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ของแต่ละบุคคลอีกด้วย เริ่มจาก หนุ่มนักธุรกิจ หรือหนุ่มออฟฟิศที่ชื่นชอบความคล่องตัวและมีไลฟ์สไตล์อันโฉบเฉี่ยว นาฬิกาดีไซน์โมเดิร์นที่สะท้อนความคลาสสิกและความทันสมัยได้ในเรือนเดียวกัน นับเป็นไอเทมที่สามารถเติมเต็มความสมบูรณ์แบบได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเลือกเป็นนาฬิกาทรงกลมสายสแตนเลสสตีลที่มีความบาง โดดเด่นด้วยหน้าปัดแบบเปลือย (Skeleton) ที่โชว์ให้เห็นถึงวงจรการทำงานด้วยใน หรือเรือนที่มีการเล่นเฉดสีบริเวณหน้าปัด ซึ่งงานดีไซน์เหล่านี้จะสามารถนำเสนอให้เห็นถึงความโมเดิร์นได้เป็นอย่างดี
ต่อมาที่ หนุ่มนักกิจกรรม แน่นอนว่าฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นจึงควรเลือกนาฬิกาที่วัสดุมีความแข็งแรงและทนทานได้ในทุกสภาพแวดล้อม สามารถสำรองพลังงานได้อย่างน้อย 80 ชั่วโมง และสามารถอ่านค่าเวลาได้แม้ในที่แสงน้อย สำหรับงานดีไซน์หากเป็นคนที่ชื่นชอบความคลาสสิกอาจจะเลือกเป็นนาฬิกาสแตนเลสสตีล หรือถ้าเป็นหนุ่มรักดีไซน์ชอบความชิลล์ นาฬิกาสายผ้าถักก็สามารถตอบโจทย์ได้เช่นกัน ปิดท้ายที่หนุ่มคลาสสิก ผู้ชื่นชอบในความภูมิฐาน นาฬิกาตัวเรือนทรงกลมสีโรสโกลด์ นับเป็นไอเทมที่ช่วยเสริมความสง่างามให้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าสายหนังสีน้ำตาลคืออีกหนึ่งแมททีเรียลที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิก แน่นอนว่าสำหรับหนุ่มที่สวมใส่เรือนเวลานี้จะต้องเป็นคนที่หลงใหลในความเหนือกาลเวลาเป็นอย่างมาก
พบกับเรือนเวลาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์แบรนด์ “มิโด” (MIDO) นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.midowatches.com, LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0299