ความรุนแรงในความสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตกลายเป็นพิษ!

ความรุนแรงในความสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตกลายเป็นพิษ!

ความรุนแรงในความสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตกลายเป็นพิษ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Toxic Relationship เป็นศัพท์ที่เราได้ยินได้บ่อยขึ้นในสังคมยุคนี้ แปลตรงตัวได้ว่า “ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ” หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้ว่าตัวเองจะไม่มีทางได้สัมผัสกับความสุขอีกแล้วทั้งด้านร่างกายและจิตใจ มันอาจเป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นโรคประสาทที่ต้องกังวลเกี่ยวกับทุกอย่างในความสัมพันธ์มากจนเกินไป การถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ นั่นหมายความว่าความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ มักจะมีประเด็นเรื่องของความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ปกติแล้ว ความรุนแรงในความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก ไม่ว่าจะเป็นแค่แฟนที่อยู่ระหว่างคบหาทำความรู้จัก หรือคู่แต่งงานสามี-ภรรยา การที่จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่เป็นพิษได้นั้นมักจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนทิ้งบาดแผลไว้ให้กับฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ว่าจะแผลที่กายหรือแผลที่ใจ ซึ่งคนทุกคนสามารถตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายกันได้ทั้งนั้น (ในความสัมพันธ์รูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ความรักก็มีเช่นกัน) หากเจอเข้ากับคนที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง

ขอบข่ายความรุนแรงในความสัมพันธ์แบบคนรักที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่เป็นพิษได้นั้นสามารถปรากฏในรูปแบบใดได้บ้าง จริง ๆ มันครอบคลุมทุก ๆ พฤติกรรมที่ทำให้เหยื่อรู้สึกว่าได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน รู้สึกไม่ปลอดภัย รู้สึกตนเองเป็นฝ่ายถูกกดให้ต่ำลง และชีวิตลำบากขึ้นโดยไม่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางจิตใจ ล้วนเป็นความรุนแรงได้ทั้งสิ้น ทำให้เกิดเป็นบาดแผลในใจที่ไม่มีวันรักษาหาย ทำได้แค่เยียวยา หรือที่เรียกว่า “จำไปจนวันตาย” แต่การจะเดินออกมาจากจุดนั้นก็ไม่ง่ายอย่างที่ใคร ๆ พูด มันมีความซับซ้อนเกินกว่าที่คิด มันถึงได้มีข่าวฆ่าแฟนเก่าตายวันเว้นวัน เพราะอีกฝ่ายขอเลิกแต่อีกฝ่ายไม่ยอมจบด้วยยังไงเล่า!

การทำร้ายร่างกาย
เป็นความรุนแรงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากความรุนแรงจะค่อนข้างเป็นรูปธรรม ถูกตบ ตี เตะ ต่อย กระทืบ บีบคอ หรือต่อให้จงใจทำร้ายในส่วนที่เสื้อผ้าปกปิดได้ก็จะมีร่องรอยการทำร้ายหลงเหลืออยู่ดี หากเป็นการทำร้ายที่บาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ภายนอกก็แสดงอาการให้เห็นเช่นกัน ความรุนแรงลักษณะนี้มีคู่รักหลายคู่ทีเดียวที่มักจะมีการลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายเวลาที่รู้สึกไม่พอใจ ส่วนฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่อหลายคนก็ไม่กล้าบอกความจริงกับญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง รวมถึงไม่กล้าแจ้งความเอาผิด เนื่องจากหลาย ๆ เหตุผล มีข้ออ้างในการให้อภัยฝ่ายคนที่ลงไม้ลงมือ และคาดหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก ทั้งที่พฤติกรรมการทำร้ายร่างกายนั้นผิดกฎหมาย

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น การที่คนนอก (นอกเหนือจากคนสองคน) จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ก็มักจะสะดุดตรงที่ “เรื่องของผัวเมียอย่ามายุ่ง!” เสมอ และฝ่ายที่ยอมทนก็เพราะไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อยากให้คนรอบข้างเป็นห่วง หรือแม้แต่ยังคงเชื่อในความรัก ทั้งที่การประสบเหตุเช่นนี้มันเป็นเรื่องใหญ่และไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ถูกลงไม้ลงมือแล้ว คนที่ตกเป็นเหยื่อก็ได้แต่ต้องเจ็บตัวเจ็บใจต่อไป แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่จะไม่มีทางปล่อยไปอย่างเด็ดขาด ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว พ่อแม่เลี้ยงมายังไม่เคยทำรุนแรง แล้วนี่เป็นใครกันที่ต้องยอมให้ทำร้ายร่างกายขนาดนี้

ความรุนแรงทางเพศ
เป็นความรุนแรงที่เน้นประเด็นทางเพศเป็นหลัก อย่างการใช้กำลังบังคับหรือประทุษร้ายเพื่อให้อีกฝ่ายมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เต็มใจ เพราะอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ ลักษณะดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา แม้ว่าคนทั้งคู่จะอยู่ในสถานะคนรักกันก็ตาม แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นคนรักกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะสามารถบังคับขืนใจให้อีกฝ่ายมีเพศสัมพันธ์ด้วยทั้งที่ไม่เต็มใจได้ เป็นการล่วงละเมิด เพียงเพราะต้องการที่จะตอบสนองความต้องการทางเพศของตนเองเท่านั้น ขนาดคู่ที่มีสถานะสมรส แต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยา สามีหรือภรรยาก็ไม่สามารถบังคับขืนใจอีกฝ่ายได้เช่นกัน เพศสัมพันธ์ต้องเกิดจากการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้ยังอาจรวมถึงการกระทำทางเพศอื่น ๆ ต่ออีกฝ่ายโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจก็ได้เช่นกัน จะถือเป็นการล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศ ทั้งการสัมผัสร่างกายโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินดี กอดจูบลูบคลำ การพูดจาลามกสองแง่สองง่าม การลวนลามด้วยสายตา การวิพากษ์วิจารณ์ทางเพศให้อับอาย ประจานรูปโป๊เปลือย บังคับให้ดูสื่อลามก เป็นต้น เหล่านี้เป็นพฤติกรรมทางเพศที่ไม่พึงประสงค์ มีการใช้อำนาจข่มขู่ บังคับ ขู่เข็ญ ปฏิเสธสิทธิของบุคคลอื่นในการเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ ซึ่งการทำร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศมักจะมีเหตุการณ์ในรูปแบบของการใช้ความรุนแรงร่วมด้วยเสมอ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย ทั้งทางกายภาพ ทางอารมณ์ และทางจิตใจ

การพูดจาที่ทำร้ายจิตใจ
วาจา เป็นสิ่งที่คมยิ่งกว่าคมดาบ คำพูดของคนเรานั้นเป็นได้ทั้งอาวุธและของขวัญ ซึ่งถ้าเราใช้คำพูดเป็นอาวุธ มันจะมีแสนยานุภาพที่ทำร้าย ทำลาย ทิ่มแทงใจคนฟังได้ไปตลอดชีวิต คนพูดพูดออกมาแล้วก็ลืม แต่คนฟังจำไม่ลืม เพราะฉะนั้น กับคนที่เรารัก เราเลือกได้ว่าเราอยากจะมอบของขวัญหรือยื่นอาวุธใส่ ถึงแม้คำพูดจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับจิตใจลึก ๆ ข้างใน มันสามารถสร้างรอยร้าวและบาดแผลฝังลึกได้อย่างคาดไม่ถึง อีกทั้งคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจย่อมสร้างบาดแผลที่เจ็บปวดส่งผลได้มากกว่าบาดแผลทางกายเสียอีก

ในเมื่อคำพูดคืออาวุธที่ทำร้ายใจคนฟังได้ดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หากคิดจะตำหนิ หรืออยากจะตักเตือนคู่รักของตนเอง ขอให้เลือกใช้คำพูดที่ถนอมน้ำใจ คุยกันดี ๆ เพื่อที่จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บปวดจากคำพูดของเราเอง บางคนเวลาที่ทะเลาะกัน แล้วมีความโกรธ ความโมโหเข้ามาเป็นตัวแปรด้วย ก็มักจะควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ จนพลั้งปากหลุดพูดคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนฟังออกมาเสมอ ๆ หรือในอีกแง่หนึ่ง บางคนก็มีสติรู้ตัวเองดี แต่จงใจใช้คำพูดของตัวเองในการทิ่มแทงเสียดแทงคนฟังในเชิงประชดประชัน ด่าทอต่อว่าแรง ๆ จนทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หวาดกลัว หรือรู้สึกด้อยคุณค่าในตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจิตใจของคนฟังมันคือการทำร้ายจิตใจ ถือว่าเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง

การบังคับควบคุมบงการ
การที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพยายามที่จะควบคุมชีวิตในทุก ๆ ด้านของอีกฝ่ายจนทำให้ขาดอิสรภาพและสูญเสียตัวตน ก็นับเป็นความรุนแรงในความสัมพันธ์ของคู่รักอย่างหนึ่งเช่นกัน ไม่มีใครชอบหรอกนะการถูกออกคำสั่ง การถูกบังคับให้ทำนู่นไม่ทำนี่ ห้ามไม่ให้เจอเพื่อน ห้ามไม่ให้พูดคุยกับเพศตรงข้ามคนอื่น ขาดอิสระที่จะทำอะไร ๆ ตามที่ใจต้องการ เพื่อที่จะต้องทำทุกอย่างตามคำบัญชาของคนรัก ความรุนแรงในลักษณะนี้อาจไม่ได้ทิ้งบาดแผลทางร่างกาย แต่ในท้ายที่สุดมันก็ส่งผลเสียหายต่อจิตใจได้เช่นกัน แถมยังอันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการถูกทำร้ายร่างกายด้วยซ้ำไป

ความสัมพันธ์แบบที่ถูกบังคับควบคุมจากคนรักนั้น อาจไม่สามารถบ่งชี้ได้ด้วยการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นหลาย ๆ อย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นคำพูด พฤติกรรม คำข่มขู่ การทำให้อับอาย การทำให้โดดเดี่ยว และการควบคุมเหยื่อ โดยพยายามทำให้มันเป็นเหมือนสิ่งที่ปกติที่คนที่รักมากหวงมากก็เลยทำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนที่ตกเป็นเหยื่อจะไม่มีอิสรภาพและสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป รู้สึกว่าถูกข่มเหงทางจิตใจและอารมณ์ หวาดกลัวการทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับที่คนรักออกคำสั่ง กลัวว่าคนรักจะโกรธถ้าขัดขืน ทำให้เราหมดความมั่นใจในตัวเอง แล้วรู้สึกว่าเป็นคนผิดอยู่เสมอในความสัมพันธ์ มันจะทำลายชีวิตของเหยื่อในที่สุด และอาจนำมาซึ่งความรุนแรงทางกายด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook