อัปเกรดเป็น new version ด้วย 10 ไอเดียปณิธานปีใหม่ 2023

อัปเกรดเป็น new version ด้วย 10 ไอเดียปณิธานปีใหม่ 2023

อัปเกรดเป็น new version ด้วย 10 ไอเดียปณิธานปีใหม่ 2023
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เทศกาลปีใหม่วนมาบรรจบอีกครั้ง เวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ใครหลายคนใช้เป็นโอกาสพิเศษในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะเป็นการเปลี่ยนผ่านจากปีเก่าเข้าศักราชใหม่ จึงรู้สึกว่าฤกษ์งามยามดีไม่น้อย หลายคนใช้เวลาช่วงปีใหม่นี้มาเริ่มต้นตั้งปณิธานในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา หรือที่เรียกว่า New Year’s Resolution ซึ่งถ้าทำได้ตลอดปี (และตลอดไป) ก็ถือว่าพิชิตเป้าหมายสำเร็จ หลังจากทบทวนตัวเองในรอบปี ก็จะได้เห็นตัวเองเวอร์ชันอัปเกรดสมใจ เปลี่ยนตัวเองได้ตามเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจ

อีกไม่กี่วันเราก็จะบอกลาปี 2022 และก้าวเข้าสู่ปี 2023 กันแล้ว มาเริ่มวางแผนอัปเกรดชีวิตตนเองเพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีเป้าหมายกันดีกว่า ด้วย New Year’s Resolution ชุดใหม่ ใครยังไม่มีไอเดีย สามารถนำตัวอย่างปณิธานทั้ง 10 ข้อนี้ไปปรับใช้กับตนเองได้เลย แล้วอีก 1 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะหมดปี 2023 ค่อยมาดูกันว่าคุณสามารถพิชิตเป้าหมายเหล่านี้ได้สำเร็จทุกข้อหรือไม่

1. สงบปากสงบคำจากการนินทา
เอาเข้าจริงก็เลิกยากเหมือนกันนะการนินทาเนี่ย เพราะมันดันกลายเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาที่สนุกปาก น่าตื่นเต้นเวลาที่ได้คอยจับผิดชีวิตของคนอื่นเพื่อที่จะได้ยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาลับหลังเจ้าของเรื่อง ตั้งวงสนทนากับคนขี้นินทาเหมือน ๆ กัน แต่ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอที่เอาเรื่องของคนอื่นมาพูดลับหลัง ส่วนเวลาอยู่ต่อหน้ากลับคนละเรื่อง ถ้าแน่จริงก็พูดต่อหน้าไปเลยดีกว่า ลองคิดว่าถ้าตัวเองเป็นฝ่ายโดนบ้างก็คงไม่สนุกเหมือนกัน สุดท้ายแล้วการนินทาก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย นำมาซึ่งความร้าวฉาน บั่นทอนความเชื่อใจในความสัมพันธ์เปล่า ๆ เลิกได้เลิก

2. พูดชมเชยให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง
ปีใหม่นี้ ลองเปลี่ยนจากการติฉินนินทาคนอื่นลับหลัง มาเป็นการรู้จักชื่นชมยินดีกับคนอื่นให้เป็นแทนจะดีกว่า เวลาที่มีใครทำอะไรดี ๆ เราเห็นแล้วรู้สึกชื่นชม รู้สึกประทับใจ ก็เอ่ยปากพูดชมเชยออกไปเลย แต่อาจต้องใช้วาทศิลป์ เพื่อที่จะได้ชมอย่างจริงใจ พอดี และมีความหมาย คำพูดดี ๆ ฟังแล้วมีกำลังใจ เสริมพลังบวกแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากได้ยิน แค่คำชมสั้น ๆ ที่เราเอ่ยออกไปอย่างจริงใจนี้ มันอาจจะทำให้คน ๆ นั้นรู้สึกดีขึ้นมาก ๆ ก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาอาจจะกำลังเจอเรื่องแย่ ๆ มา คำชมของเราจึงอาจช่วยเปลี่ยนสถานการณ์ของใครคนหนึ่งให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นก็ได้

3. ทำความดีแบบสุ่ม
บ่อยครั้งที่การทำความดีไม่จำเป็นจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเสมอไป โลกนี้มีเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ เยอะแยะมากมายพอแล้ว คนเราจึงไม่จำเป็นต้องมาใจร้ายใส่กันอีก โดยคุณสามารถใจดีและทำความดีกับใครก็ได้ที่เรารู้สึกอยากช่วยเหลือ เพราะการแสดงความเมตตาและความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมันทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น และการเป็นคนใจดีมีเมตตาเราก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แค่มีความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อว่าการมีน้ำใจต่อกันมันย่อมดีกว่าการรังแกกัน คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรยิ่งใหญ่เพื่อสร้างความแตกต่าง บางทีมันก็ง่ายมาก ๆ แค่ยิ้มให้กันก็พอแล้ว

4. อ่านหนังสืออย่างน้อยเดือนละ 1 เล่ม
จริง ๆ แล้วคนเราไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธการอ่านหนังสือเลยนะ เพราะการอ่านหนังสือเป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่งการเรียนรู้ ทำให้เราเป็นคนที่มีโลกทัศน์กว้างขวางขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ได้ออกไปสัมผัสโลกจริงก็ตาม แต่ก็ได้สัมผัสประสบการณ์บางอย่างจากการอ่าน ที่อาจกระตุ้นให้เราออกไปค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งรู้มาก และเราสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในสักวันได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือมีแต้มต่อทางความรู้มากกว่าคนที่ไม่อ่านด้วย ปีหน้าลองพยายามอ่านหนังสือให้จบอย่างน้อย 1 เล่ม/เดือน ผ่านไป 1 ปีก็ได้ตั้ง 12 เล่มเชียวนะ

5. ออกเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป
บอกเลยว่ามันไม่ใช่แค่ความรู้สึกตื่นเต้น แต่มันยังเป็นความท้าทายในการก้าวออกมาจากพื้นที่สะดวกสบายที่คุ้นเคยด้วย บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้จิตใจที่เข้มแข็งและกล้าหาญ ในก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ ของตนเอง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีต่อจิตวิญญาณของคุณเอง และยังเป็นการบังคับให้คุณเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน บางทีคุณอาจได้รู้จักวิธีเอาตัวรอดแบบที่คุณเองก็คาดไม่ถึงว่าตนเองจะทำได้ เปิดประสบการณ์ที่แตกต่างจากเดิมและพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด แล้วคุณจะพบว่าตนเองพาตัวเองออกไปพบสถานที่ใหม่ ๆ ในทุกปีนับตั้งแต่นี้ไป

6. ลดขยะด้วยการใช้ซ้ำ
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีจิตสำนึกต่อปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น และกำลังค่อย ๆ ทวีคำรุนแรงอยู่ทุกปี หลายคนก็อยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมในการบรรเทาปัญหาเท่าที่จะช่วยได้ อย่างที่เราทราบดี ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลกร้อนก็มาจากกิจกรรมในด้านต่าง ๆ ของมนุษย์นี่เอง ดังนั้น หากมนุษย์ช่วยกันแก้ไขที่ต้นเหตุ ซึ่งก็คือตนเอง เราก็ยังพอมีหวังที่จะได้โลกที่สวยงามกลับมา โดยปัญหาเรื่องขยะก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ เกิดจากการอุปโภคบริโภคแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเป็นขยะเลย สำหรับวัสดุที่ยังสามารถใช้ได้ก็ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อลดปริมาณขยะลง

7. เข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัคร
สังคมโลกจะน่าอยู่ขึ้นไม่น้อยเลยล่ะ หากมนุษย์รู้จักที่จะเสียสละความสุขส่วนตน มองเห็นผู้อื่นนอกเหนือจากตัวเอง และมีน้ำใจต่อกันให้มากขึ้น ลงมือทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน เพียงแต่มุ่งหวังที่จะเห็นสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ และสังคมโดยรวม นี่เป็นสิ่งที่ทุกสังคมต้องการ ไม่จะเป็นต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ แค่เสียสละความสุขหรือความสะดวกสบายส่วนตนเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยจิตอาสาเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครต่าง ๆ เพื่อทำประโยชน์ให้ผู้อื่นก็เพียงพอแล้ว นอกจากผู้อื่นจะได้ประโยชน์ การเป็นอาสาสมัครยังดีต่อสุขภาพจิตและร่างกายของคุณเองด้วย

8. เขียนรีวิวตัวเองทุกวัน
คุณคือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวเองมาทั้งชีวิต แต่เชื่อไหมว่าหลายคนกลับไม่รู้จักตัวเอง บางคนใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไร้แก่นสาร ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่รู้เป้าหมายชีวิตอยู่ตรงไหน บางคนไม่รู้กระทั่งว่าทุกวันนี้กำลังทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำไป เกิดความรู้สึกโหวง ๆ ในใจอยู่บ่อยครั้งว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ มันน่าหดหู่นะ เพราะฉะนั้น ปีใหม่นี้ลองตั้งปณิธานที่จะเรียนรู้ตัวเองขึ้นมา วันหนึ่ง ๆ ตัวเองทำอะไรไปบ้าง มีอารมณ์ มีความรู้สึกต่อตัวเองและผู้อื่นอย่างไร ลองเขียนรีวิวชีวิตของตัวเองสั้น ๆ ก่อนนอนทุกคืน แล้วทบทวนตัวเองดู อย่าลืมขอบคุณและขอโทษตัวเองด้วยถ้ารู้สึกเช่นนั้น

9. ลดการใช้โซเชียลมีเดีย
โลกเสมือนอย่างโซเชียลมีเดีย ทำให้เราอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นมากขึ้น พร้อม ๆ กับการอยากอวดชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองให้โลกรู้ นั่นเป็นเรื่องของคุณที่คุณมีสิทธิ์ทำได้ ไม่ผิด แต่ถ้าคุณเสพติดมันมากเกินไป คุณจะป่วยด้วยอาการโซเชียลมีเดียเป็นพิษ คุณจะไม่มีความสุข และสูญเสียความเป็นตัวเอง รู้สึกโดดเดี่ยว ขาดความมั่นใจในตัวเอง และโหยหาการยอมรับจากการกดไลก์ กดแชร์ คอมเมนต์ ส่งผลด้านลบต่อตัวคุณในระยะยาว ซึ่งคุณเองก็คงสัมผัสได้ เพราะฉะนั้น อย่าให้โซเชียลมีเดียกลืนกินความสุขบนโลกจริงของคุณ ต้องหาหนทางจำกัดการใช้งาน

10. ปล่อยวางใจให้ว่าง เพื่อเข้านอนอย่างมีความสุขทุกคืน
แม้ว่าในเวลาที่ตื่นอยู่ชีวิตจะยุ่งวุ่นวายประสาทกินขนาดไหน แต่เวลานอนหลับเราควรจะมีความสุขที่สุดสิ! พยายามอย่าเข้านอนด้วยความสับสนในตัวเอง จิตใจที่ว้าวุ่น หรือกำลังรู้สึกทุกข์ทรมาน ปล่อยวางมันลงให้หมด เรื่องของวันนี้มันผ่านไปแล้ว และเราจะข้ามพ้นมันไปได้หลังจากตื่นขึ้นในวันใหม่ ส่วนเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็ให้ตัวเองในวันพรุ่งนี้จัดการไป การนอนคือการชาร์จพลัง ถ้าเข้านอนอย่างไม่มีความสุขมันก็จะเหมือนกับว่าคุณชาร์จพลังงานชีวิตไม่เข้า ทั้งนอนไม่หลับ ทั้งใจกระสับกระส่าย วันรุ่งขึ้นก็พังไปเรื่อย ๆ แล้วผลลัพธ์ร้าย ๆ ก็ย้อนกลับมาหาคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook