เหตุผลที่ทำไมคนเราถึงเชื่อข้อมูลจากเพื่อนในโซเชียลมีเดีย
ทุกวันนี้คุณใช้โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มไหนอยู่บ้าง ถ้าคุณใช้เฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม คุณต้องรู้ก่อนว่าผู้บริหารระดั บสูงของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมไม่ยอมให้ลูกของตนเองมีแอ็กเคานต์ในแพลตฟอร์มที่พวกเขาคิดขึ้นมา
เจ้าของติ๊กต็อก เคยตอบคำถามสื่อต่างชาติแบบตะกุ กตะกัก เมื่อถูกถามว่าเขาให้ลูกมีแอ็กเคานต์ในติ๊กต็อกหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่ เพราะพวกเขายังเด็กเกินไป” เมื่อพิธีกรแย้งว่ามีเด็กเป็ นเจ้าของแอ็กเคานต์ในติ๊กต็อกเป็นจำนวนมาก เจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ มาแรงของยุคแก้ตัวแบบเก้อเขิน ว่ าแพลตฟอร์มของตนเองนั้นสามารถตั้งค่าได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าไปตั้งค่ าให้เด็กไม่เข้ามายุ่งได้ (ดูจะเป็นคำตอบที่ไม่รับผิ ดชอบแม้แต่น้อย)
ขณะที่เจ้าของทวิตเตอร์ แพลตฟอร์มที่ได้ชื่อว่าเต็มไปด้ วยข้อมูลเท็จและข่าวลือเป็นจำนวนมาก เจ้าของอย่างแจ็ค ดอร์ซีย์ ก็ได้ขายหุ้นทั้งหมดให้ อีลอน มักส์ เป็นที่เรียบร้อย
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ในปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่ งในชีวิตของคนยุคนี้ กำลังเป็นศูนย์รวมอาชญากร เป็นจุดเริ่มต้นอาชญากรรมหลายรูปแบบ สามารถดึงเงินจากกระเป๋าคนได้ง่ าย และมีมูลค่ามหาศาลเกินกว่าที่ ใครจะคิดถึง นั่นเป็นเพราะโซเชียลมีเดีย คือเครื่องมือที่สร้างความเชื่ อใจให้เกิดขึ้นระหว่างบุคคล และความเชื่อใจก็กลายเป็นเครื่ องมือชั้นดีในการหลอกลวงผู้คน และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำไมคุณถึงเผลอไผลเชื่ อใจคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอตั วจริง เป็นจิตวิทยาแบบเดียวกับที่ เราเคยไว้ใจคนใกล้ชิดและคนใกล้ชิดนั่นแหละ ที่หลอกคุณได้ อย่างแนบเนียนที่สุด
1. เพราะการไม่เชื่อใครง่าย ๆ นั้ น ทำให้คุณต้องใช้เซลล์สมองมากกว่ าปกติ
ลองจินตนาการดูว่าถ้าคุณตื่ นมาในตอนเช้า แล้วมีคำถามกับทุกสิ่งที่คุณได้ เห็นรอบ ๆ ตัว ตั้งข้อสงสัยได้กับทุก ๆ คนที่คุ ณเจอ มันจะสร้างความปวดหัวให้กับคุ ณได้มากแค่ไหน อาทิเช่น คุณกำลังจะขึ้ นรถโดยสารประจำทาง แล้วคุณเห็นหน้าคนขับรถเหมือนไม่ได้นอน ถ้ าคุณเป็นคนไม่ได้เชื่อใครง่าย ๆ คุณจะคิดไปแล้วว่าคนขับรถนั้นดื่ มเหล้าก่อนมาขับรถหรือเปล่า หรือเมื่อคุณไปสั่งกาแฟร้ านประจำ หากสมองของคุณตั้งคำถามและสงสั ยตลอดเวลา คุณจะคิดไปต่อว่าน้องที่กำลั งชงกาแฟอยู่ได้ล้างมือก่อนที่จะมาชงกาแฟให้ คุณหรือเปล่า นี่แค่เบื้องต้น ถ้ามากกว่านี้คิ ดดูแล้วกันว่า การไม่เชื่อใครง่าย ๆ นั้นจะสร้ างความเหน็ดเหนื่อยให้คุ ณขนาดไหน
และด้วยวิธีคิดแบบไม่เชื่อใครง่ าย ๆ จะทำให้คุณกลายเป็ นคนมองโลกในแง่ลบไปทุกด้าน ดังนั้น เมื่อเพื่อนของคุ ณในโซเชียลมีเดีย คุณอาจจะมองเห็นผ่าน ๆ แล้วไม่ได้ทักท้วง หรือบางครั้งก็ลืมตรรกะทุกอย่างแล้ วเชื่อในสิ่งที่เพื่อนในโซเชี ยลมีเดียของคุณพูดถึง ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่ องแปลกอะไรถ้าคุณจะเชื่อข้ อความที่เพื่อนส่งมา หรือแชร์มาในโลกโซเชียลมีเดีย
2. เพราะถ้าคุณเลือกที่จะไม่เชื่ อโดยง่าย คุณอาจกลายเป็นแกะดำ
ในโลกทุกวันนี้ ดูเหมือนสิ่งที่ เคยเชื่อถือกันมาตั้งแต่อดี ตจะกลายเป็นของแปลก ตรรกะเพี้ยน ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้พวกเราต้องใช้ชีวิตเพื่ อเอาตัวเองให้รอด และหนึ่งในนั้นคือยอมไหลตามน้ำ ตามข้อมูลที่คุณอาจไม่เห็นด้ วยแต่คุณก็ไม่ได้โต้แย้ง ดังเช่นในโลกโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ ที่ข้อมูลผิด ๆ ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก เพราะคนกลุ่มใหญ่เห็นด้วย แม้จะมีบางคนรู้สึกถึงความผิ ดปกติ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าโต้แย้ง เพราะอาจกลัว “ทัวร์” มาลงบ้าง หรืออาจกลัวที่จะกลายเป็ นคนแปลกแยกในหมู่เพื่อนฝูง
ยกตัวอย่างในกลุ่มไลน์เพื่อนนั กเรียน มักจะมีเพื่อนหนึ่งหรือสองคนที่ ชอบเอาข้อมูลผิด ๆ มาแชร์ต่อ โดยไม่ได้ตรวจสอบและอ้างว่ามี คนแชร์มาให้ ซึ่งคุณเองก็รู้ว่าที่เพื่ อนแชร์มาเป็นเฟกนิวส์ แต่คุณก็เลือกที่จะนิ่งเฉย เพราะไม่อยากจะขัดคอใคร แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณกำลั งปล่อยให้ข้อมูลผิด ๆ ถูกส่งต่อ และทำให้คนที่ไม่รู้เข้าใจผิดจนส่ งผลกระทบต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
3. เป็นคนขี้สงสัยมากไป อาจถูกเตะออกจากกลุ่ม
คนที่ตั้งข้อสงสัยมากไปในโลกปั จจุบันกำลังกลายเป็นคนที่ถูกมองว่าน่ารำคาญและมองโลกในแง่ร้าย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้ นจากข้อมูลที่ได้รับการบอกต่ อมาอย่างผิดเพี้ยน ดังเช่นเหตุการณ์ในปัจจุบันกับประโยคสั้น ๆ ในการทำธุรกิ จแบบแชร์ลูกโซ่ หรือธุรกิจที่อ้างว่าลงทุนน้อยกำไรงาม ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าไม่มีอยู่จริง และไม่มีคนที่ประสบความสำเร็ จทางธุรกิจคนไหนที่จะยอมแชร์เคล็ ดลับความสำเร็จของตนเองออกมา จะมีแต่ข้อความที่ใช้ ในการทำการตลาด หรือข้อความชวนเชื่ออันเต็มไปด้ วยคำโกหก แต่ก็ยังมีคนหลงเชื่อ เพราะเห็ นว่ามีการยกตัวอย่างคนที่ลงทุ นแล้วได้เงินจริง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วภาพที่ ออกมานั้นไม่มีความน่าเชื่อถือแม้แต่น้ อย
เมื่อมีคนตั้งข้อสังเกตในความผิ ดปกติขึ้นมา คนคนนั้นจะถูกมองว่าอิ จฉาความสำเร็จของคนอื่นและไม่ต้ องการเห็นคนอื่นได้ดี ทั้งที่การตั้งข้อสังเกตดังกล่ าวนั้นมีเหตุและผลที่ควรแก่ การเชื่อ คนกลุ่มนี้มักจะถู กเตะออกจากกลุ่ม และสุดท้าย ความเชื่อมั่นในการลงทุนที่ผิ ดปกตินั้นก็จะกลายเป็นอุปทานหมู่ ที่ทุกคนที่เชื่อนั้นคิดว่ามี อยู่จริง (ทั้งที่มันไม่มีทางเป็นจริงได้ )
4. เพราะคนเรามักจะเชื่อใจคนที่ ใกล้ชิด
เอาเข้าจริงแล้วมนุษย์เราเชื่อใจคนได้โดยง่ายและไม่ตั้ งคำถาม เพราะความเชื่อใจทำให้สมองผ่ อนคลาย และโซเชียลมีเดีย คือเครื่องมือที่เชื่อกันว่าทำให้เกิดมิตรภาพได้โดยง่าย และเมื่อมีสัมพันธ์กันใกล้ชิด จากการพูดคุยในแพลตฟอร์ม ทำให้หลายคนมีเพื่อนในโซเชียลมี เดียมากกว่าในโลกของความเป็นจริง และเชื่อใจคนแปลกหน้าที่ไม่ เคยเจอหน้ากันมาก่อน หรือไม่เคยรู้ประวัติที่แท้จริงแม้ แต่น้อย หากแต่เห็นภาพการใช้ชีวิต และข้อความของเพื่อนในโซเชียลมีเดี ย ผ่านหน้าฟีดของแพลตฟอร์ม แต่การสร้างสัมพั นธภาพโดยตรงระหว่างคุณกั บคนแปลกหน้าก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อได้พูดคุยบ่อยเข้า ได้เห็นภาพและข้อความย้ำ ๆ ทุกวัน ความเชื่อใจในตัวเพื่อนแปลกหน้ าทางโซเชียลมีเดียก็เพิ่มมากขึ้ น และไม่ต้องแปลกใจถ้าจะมี คนเอาเงินไปลงทุนกับเพื่อนแปลกหน้าในโซเชียลมีเดีย หรือซื้อของออนไลน์ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นของจริง ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความรู้สึ กเชื่อใจ และถึงแม้จะถูกโกงไป คุณก็ยังจะเชื่อใจเขาอยู่ดี เพราะคิดว่าเขาเป็นเพื่อน ดังเช่นผลการศึกษาทางจิตวิทยา ที่รายงานว่าคนเราเมื่อถูกโกงหรือถูกหักหลังจากคนแปลกหน้า หรือคนที่รู้จักเพียงผิวเผิน พวกเขาจะสร้างกลไกป้องกั นตนเองขึ้นมาทันที แต่ถ้าคนที่โกงหรือหักหลังเป็นเพื่อนสนิท เป็นคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว พวกเขาจะยังคงปล่อยให้คนเหล่านั้ นกลับมาโกงกลับมาหักหลังได้อีกครั้ง เหมือนเจ็บและไม่จำ เพียงเพราะคนเหล่านั้นเป็นเพื่อนสนิท เป็นคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวที่พวกเขาเชื่อใจ
5. เพราะเราชอบเรื่องราวสุดเจ๋งของหนุ่มสาว มากกว่าจะสนใจข่าวสารบ้านเมือง
ในโซเชียลมีเดียนั้นจะเต็มไปด้วยภาพและข้อความความสำเร็จของผู้ คนมากมาย ยิ่งคุณมีเพื่อนมากเท่าไร ภาพเหล่านั้นจะปรากฏบ่อยครั้ งในหน้าฟีด ทั้งจากเพื่อนนักเรียน เพื่อนร่วมคณะที่มหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมงาน หรือญาติสนิทมิตรสหาย บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทุกคนชอบที่อวดให้เห็ นความสำเร็จของตนเอง โดยไม่มีใครสนใจว่าความเป็นจริ งนั้นเป็นเช่นใด เพราะเรื่องราวสุดเจ๋งของคนใกล้ ตัวนั้นทำให้หลายคนฝันกลางวันได้ และจะมีคำพูดในสมองว่า “ถ้าคนนี้ทำได้ ฉันก็ทำได้ ไม่เห็นจะยาก”
แน่นอนว่าคุณต้องร่วมแสดงความยิ นดีกับเพื่อนในโลกโซเชียลด้วยถ้อยคำแสนดีและให้กำลังใจ หากแต่ลึก ๆ แล้วคุณอยากได้อยากมี เช่นเดียวกันเขา ถึงตรงนั้นคุณได้เดินเข้าสู่กั บดักของ “ความอยาก” เป็นที่เรียบร้อย อาทิเช่น หญิงสาวที่อยากหุ่นดี เธอได้เห็นเพื่อนโพสต์ภาพในชุ ดว่ายน้ำที่มาพร้อมกับอาหารเสริ มที่ระบุว่าลดความอ้วน ภาพที่เห็นเพื่อนหุ่นดีขึ้นชนิ ดทันตาเห็นโดยไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่ต้องลดอาหาร ทำให้หญิงสาวหลายคนอยากมีหุ่ นเช่นนั้นบ้าง และแน่นอนว่าพวกเธอลงทุนซื้ออาหารเสริมดังกล่าว โดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนที่โพสต์ภาพหุ่นดีในชุดว่ ายน้ำนั้นมีเบื้องหลังในการลดหุ่นอย่ างไรบ้างกับคลินิกเสริมความงาม
ทั้งหมดนี้คือ 5 เหตุผลเบื้องต้ นที่ทำให้คนเราเชื่อในสิ่งที่ ได้เห็นและอ่านในโซเชียลมีเดีย มากกว่าจะเชื่อตรรกะและเหตุผล และกว่าที่พวกเขาจะตาสว่างก็ต้องพิสูจน์ด้วยตนเองจนบาดเจ็ บกันไปแล้วมากมาย ทั้งร่ างกายและทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้น ก่อนที่จะเชื่ ออะไรบนโซเชียลมีเดีย ลองตั้งคำถามกับตนเองให้มาก ๆ มิเช่นนั้นแล้วคุณอาจตกเป็นเหยื่ออีกราย และเจ้าของแพลตฟอร์มทั้งหลายก็ไม่ เคยแสดงความรับผิดชอบอย่างจริ งจัง