ไขความสงสัย ป้าย Levi's แต่ละสี มีความหมายอย่างไร

ไขความสงสัย ป้าย Levi's แต่ละสี มีความหมายอย่างไร

ไขความสงสัย ป้าย Levi's แต่ละสี มีความหมายอย่างไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าแฟนๆ Levi's หลายคนคงเคยสงสัยว่า ป้าย หรือ ริบบิ้น เล็กๆ ที่ยื่นออกมา แต่ละสี มีความหมายอย่างไร วันนี้ Sanook ขอพาทุกคนมาไขข้อข้องใจกัน

ย้อนกลับไป ในปี 1950 และ 1960 Levi’s เริ่มใส่ป้ายสีต่างๆ ให้กับกางเกงยีนส์และเสื้อผ้า เพื่อสร้างความแตกต่างและภาพจำที่ต่างจากแบรนด์อื่นๆ โดยสัญลักษณ์แบบนี้ใครเห็นเป็นอันทราบกันว่ามันคือสินค้าภายใต้แบรนด์ Levi’s ต่อมาเศษผ้าชิ้นเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่กลายเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของแบรนด์ สร้างการจดจำ และสร้างมูลค่าตัวให้สินค้าเหล่านั้นอย่างมาก ส่วนใครกำลังสงสัยอยู่ว่าสีไหนฮิตสุด ตอบเลยครับว่า “สีแดง”

ส่วนป้าย แต่ละสี มีความหมายยังไงบ้าง มาดูกันเลย

Red Tab (Original) 

เริ่มกันที่ป้ายสีแดงออริจินัลกันก่อน จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือบริเวณคำว่า Levi’s ตัว E จะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ หรือที่แฟนๆ หลายคนเรียกว่า ลีวายส์บิ๊กอี ป้ายแบบนี้จะมีให้เห็นในรุ่น 501 Original แต่ปัจจุบันอาจจะเห็นได้ยากแล้ว เพราะเลิกใช้ตั้งแต่ปี 1971

Orange Tab 

สีส้มก็เป็นสีที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยแล้วเพราะ ป้ายสีนี้เขาใช้กันในสินค้าอาทิ เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ หมวก และเครื่องประดับต่างๆ ที่ออกวางขายในปี 60’s – 70’s งานนี้อาจจะต้องไปตามหาตามตู้เสื้อผ้าคุณพ่อคุณตากันแล้ว

White Tab 

ป้ายสีขาวหมายถึงสินค้าถูกผลิตขึ้นมาเป็นไอเท็มที่ไม่ตามกระแส เน้นใส่แบบสบาย ที่ส่วนมากเรียกกันว่าแคลิฟอร์เนียนสไตล์ นอกจากนี้ยังพบเห็นได้บ่อยบนกางเกงและแจ็กเก็ตผ้าลูกฟูก

Blue Tab 

ป้ายสีฟ้าหรือสีน้ำเงินบ่งบอกว่าสินค้าเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ Levi’s made and Crafted ซึ่งหมายถึงตัวสินค้าเหล่านี้จะตัดเย็บอย่างประณีตผสานวัสดุคุณภาพสูง เรียกว่าเป็นเกรดพรีเมี่ยม เลยก็ว่าได้ รับรองใส่สบายแน่นอน

Red Tab 

แม้ว่าป้ายสีแดงมีให้พบเห็นบนสินค้า Levi’s ตั้งแต่แรกๆ แต่ตัวอักษรของป้ายก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันแบบที่เรานำมาเป็นป้ายที่พบเห็นได้ทั่วไป ลองหยิบกางเกงตัวโปรดของคุณมาพลิกดูอาจจะเห็นป้ายแบบนี้

Red Tab (R) 

เหมือน Red Tab แต่จะมีเพียง 1 อันในยีนส์ทุกๆ 100 ตัวที่ถูกผลิตออกมา ใครมีไว้ในครอบครอง เก็บไว้ให้ดีเพราะเป็นของหายากมากๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook