ชี้เป้า 9 นาฬิกาคู่ใส่ฉลองเดือนแห่งความรัก 2023
ต้องบอกว่า “นาฬิกาคู่รัก” นอกจากจะใส่เป็นเครื่องบอกเวลาแล้ว ในทุกครั้งเมื่อพลิกข้อมือดูนาฬิกาก็ชวนนึกถึงผู้ที่มอบให้เคล้าคลอกับภาพความทรงจำและความรู้สึกดีๆ ย้อนกลับมาชวนให้อมยิ้มคิดถึงกันเสมอ
วันนี้ Sanook ขอแนะนำ 9 แบรนด์นาฬิกาคู่รักที่มาพร้อมกับดีไซน์และความโดดเด่นเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน เพื่อให้คู่รักทุกคู่ได้เลือกสรรนาฬิกาเรือนพิเศษ และมอบเป็นของขวัญในเดือนแห่งความรักเติมความหวานให้แก่กัน แต่จะมีตัวเลือกไหนน่าสนใจบ้างตามมาครับ
Mido
Multifort Skeleton Vertigo (ราคา 39,700 บาท) นาฬิกาที่มาพร้อมเอกลักษณ์อันโดดเด่นของกลไกที่เผยให้เห็นความชัดเจนบนหน้าปัด คอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ โดยมีแถบลายเส้นเจนีวาประดับอยู่บนใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ตัวเครื่อง Calibre 80 ที่ทนทานเป็นพิเศษ เข้ากันอย่างดีเยี่ยมกับบาลานซ์สปริง Nivachron™ เพิ่มความทนทาน และความเป็นอิสระอันยอดเยี่ยม สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง ส่วน Rainflower Blossom (ราคา 43,900 บาท) ถูกออกแบบโครงสร้างมาเพื่อผู้หญิง โดยเผยให้เห็นเส้นสายที่ละเอียดอ่อนซึ่งได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากรูปดอกบัวของ Art Science Museum ร่วมสมัยของสิงคโปร์ กลีบดอกไม้ สะท้อนความอ่อนช้อย ประดับด้วยดอกไม้ฉลุลาย
Longines
Longines Master (ราคา 97,300 บาท ) คือนาฬิกาตัวเลือกแรกแห่งรักหวาน ที่มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีล หน้าปัดโดดเด่นด้วยลายบาร์ลีย์คอร์นสีเงิน ฝาหลังใสเผยให้เห็นการทำงานของเครื่องจักกลแบบขึ้นลานอัตโนมัติ L899 สำรองพลังงาน 80 ชั่วโมง กันน้ำลึก 300 เมตร พร้อมสายหนังสีน้ำตาล ขณะที่สาวๆ ก็ยังคงแนะนำคอลเลคชั่น Master (ราคา 111,200 บาท) เช่นกัน โดยเฉพาะสายหนังอัลลิเกเตอร์มันวาวสีแดงเข้ากับช่วงวันวาเลนไทน์พอดิบพอดี ตัวเรือนสตีลขนาด 34 มม. ทำงานด้วย Calibre L899 แถมมีฟังก์ชั่นมูนเฟสติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมวงหน้าปัดย่อยวันที่ซึ่งแสดงด้วยเข็มและตัวเลขอารบิก เหมาะเป็นของขวัญให้คนพิเศษเป็นอย่างยิ่ง
Maurice Lacroix
มอริส ลาครัวซ์ สร้างสรรค์ Aikon Automatic มาอย่างต่อเนื่องกว่า 25 ปี ทำให้นาฬิกาเรือนนี้โดดเด่นด้วยตัวยึด 6 ตัวที่ขอบเรือน สำหรับผู้ชาย ตัวเรือนขนาด 39 มม. (ราคา 71,900.00 บาท) เน้นความกระชับเข้ากับข้อมือหนุ่มเอเชีย มาพร้อมหน้าปัดเรียบหรู มีช่องบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ตัวเรือนสเตนเลสสร้างความเข็มแข็งเข้ากันสุดๆ ขณะที่เรือนผู้หญิง Maurice Lacroix Aikon Automatic Diamonds (ราคา 81,900.00 บาท) ดูอ่อนช้อยด้วยขนาดเรือน 35 มม. หน้าปัดประดับเพชรเสริมความหรูหรา สง่างาม พร้อมตัวเลขบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา มาพร้อมสายสเตนเลสสตีลอย่างดี
G-SHOCK
ชวนย้อนวัยไปยุค 90 สนุกไปยุคที่แฟชั่นเต็มไปด้วยสีสันแสบซ่าสุดซี๊ด กับคอลเลกชั่น G-SHOCK 90’s Heritage Color Collection (ราคา 4,000-5,900 บาท) มาพร้อม 3 โมเดลยอดฮิต ที่โดดเด่นด้วยสีเหลืองมัสตาร์ดตัดกับสีเทาเข้ม เพิ่มความสปอร์ตให้กับนาฬิกา เอาใจวัยรุ่นสายแฟชั่นที่อยากวนกลับไปชิคๆ แบบยุค 90 ที่สำคัญคอลเลคชั่นนี้มีทั้งตัวเรือนขนาดปกติสำหรับผู้ชาย และขนาดเล็กสำหรับผู้หญิง ส่วนความทนทาน กันน้ำ ตกกระแทกต่างๆ ก็ไม่ต้องกังวลเพราะแบรนด์นี้การันตีใช้ยาวๆ ทนถึกมากๆ
Tissot
หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการนำคอลเลกชั่น PRX ที่ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1978 กลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้งในขนาด 40 มม. เมื่อปี 2021 ล่าสุดปีนี้ Tissot เปิดตัวนาฬิกาคอลเลกชั่นใหม่ที่ชื่อว่า PRX 35MM (ราคา 16,600 บาท) กับการปรับขนาดนาฬิกาให้เล็กลงด้วยขนาด 35 มม. เพื่อตอบโจทย์ให้นาฬิกาสามารถสวมใส่ได้ทุกเพศ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเท่และกลิ่นอายของยุค 70s ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ โดยมีไฮไลท์เป็นเรือนเคลือบสีทองทั้งตัวเรือนด้วยเทคนิค PVD ซึ่งสามารถนำเสนอความเป็นเรโทรออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ งานนี้ถูกใจหนุ่มสาวสายแฟฯ แน่นอน
Rado
เป็นอีกหนึ่งแบรนด์นาฬิกาที่ไม่ควรพลาดกับคอลเลคชั่น Rado True Square Open Heart (สีขาว ราคา 105,100 บาท, สีดำ ราคา 86,300 บาท) นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ที่มีรูปทรงแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสชูความนุ่มนวลน่าดึงดูดใจเมื่อสวมใส่บนข้อมือ ในแบบฉบับของ Rado โดยตัวเรือนเป็นไฮเทคเซรามิกรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีการฉีดขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว จึงทำให้น้ำหนักเบา และทนทานต่อรอยขีดข่วนแถมสวมใส่สบาย เรือนนี้ทางแบรนด์เน้นความโดดเด่นและมุ่งเน้นด้านการออกแบบ เป็นรูปทรงของเทรนด์ใหม่ในอนาคต ตัวเรือนสีดำเป็นของผู้ชาย ส่วนสีขาวขนาดเล็กลงมาเป็นของคุณผู้หญิง
เหมาะซื้อใส่คู่กันมากๆ Oris Aquis Date Upcycle ที่มีให้เลือกทั้งตัวเรือนขนาด 41.5 มม. (ราคา 86,900 บาท) หรือ 36.5 มม. (ราคา 85,900 บาท) ตัวหน้าปัดมีความพิเศษเฉพาะตัว ด้วยกระบวนการรีไซเคิลพลาสติก PET ทำให้เกิดรูปแบบแบบสุ่ม ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีหน้าปัดที่เหมือนกัน ดังนั้นแต่ละเรือนจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะ นอกเหนือจากหน้าปัดแล้ว นาฬิกายังออกแบบขึ้นจากฐานตัวเรือนรุ่นยอดนิยม ทั้งสองขนาดมาในตัวเรือนสเตนเลสสตีล และขอบหน้าปัดสำหรับนักประดาน้ำแบบหมุนได้ทิศทางเดียวเคลือบด้วยเซรามิกสีเทา นอกจากนี้นาฬิการุ่นนี้ยังประกอบเข้ากับสายสเตนเลสสตีลที่มีระบบเฟืองล็อคแบบปรับขยายความยาวสายได้ บ่าป้องกันเม็ดมะยม เม็ดมะยมแบบขันเกลียว และกลไกจักรกลสวิสระบบออโตเมติก
PICTO
รู้หรือไม่? ตั้งแต่นาฬิกาจักรกลชิ้นแรกๆ ได้กำเนิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1200 นับแต่นั้นมา นาฬิกาทั่วๆ ไป ต่างก็มีเข็มบอกเวลาสองอัน จนกระทั่งในปี ค.ศ.1984 สองหนุ่มชาวเดนมาร์ก ท้าทายรูปแบบเดิมๆ ของนาฬิกา ด้วยการเปิดตัวน PICTO ที่หน้าปัดนาฬิกาประกอบด้วย a dot (หนึ่งจุด) และ a line (หนึ่งลายเส้น) จนกลายเป็นนาฬิกาดีไซน์มินิมอลที่หลายคนชื่นชอบในปัจจุบัน ทั้งยังได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นในวงการศิลปะและการออกแบบ จนได้รับการนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะชั้นนำทั่วโลก ซึ่งรวมถึง MoMa NYC (The Museum of Modern Art, New York) โดยรุ่นที่หยิบมาแนะนำในวันนี้คือ Ocean Ghost (ราคา 3,900 บาท) นาฬิการุ่นรักษ์โลก ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลจากขยะใต้ทะเล ใครสายมินิมอลไม่ควรพลาด
Frederique Constant
ปิดท้ายด้วย Frederique Constant รุ่น Highlife Heart Beat Automatic (ราคา 94,500 บาท) จับคู่กับ Highlife Ladies Automatic Heart Beat (ราคา 94,500 บาท) ถือเป็นนาฬิกา DNA ของแบรนด์อีกหนึ่งรุ่นหนึ่ง ซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยการผสมผสานความทันสมัย ความหรูหรา ความโดดเด่น และคลาสสิก เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว มีการฉลุให้เห็นถึงกลไกการทำงานของนาฬิกาซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของนาฬิกา (Frederique Constant เป็นแบรนด์แรกซึ่งได้มีการทำ “Heart Beat” บนหน้าปัดนาฬิกา) และ “Highlife” ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Collection ที่ประสบความสำเร็จในปี 1999 และได้ถูกนำมาเป็น Collection หลักในปี 2023
นาฬิกาข้อมือที่หยิบมาแนะนำในปีนี้ มีตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักแสน เพื่อนๆ คนไหนยังไม่รู้จะหาของขวัญอะไรให้กัน ลองซื้อนาฬิกาตามงบประมาณเป็นของขวัญให้แฟนดูนะครับ "จะได้มีเวลาให้กัน" ตลอดไง