รู้หรือไม่ หนุ่มสาวยุค ร.3 ก็ ′ซุ่มเล่นเซ็กซ์′ วันสงกรานต์
สงกรานต์ สมัย ร.3 ชาวบ้านนอกจากไปวัดเพื่อทำบุญ กับสรงน้ำพระแล้ว ยังมีพวกนักเลงเล่นต่างๆ โดยเฉพาะเล่นพนันทั้งบ้านทั้งเมือง เป็นที่รับรู้ทั่วกัน
เสมียนมี กวียุคนั้นจึงเขียนนิราศเดือน พรรณนาว่า
" บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วจนมัวมืด ใครขี้ตืดถากถางวางกันเหลิง
บ้างฉุดมือยื้อผ้าด่ากันเปิง ที่รู้เชิงทำแปดเก้าเป็นเจ้ามือ
เขาตัดไพ่ตายแพ้เหลือแต่ผ้า สิ้นปัญญาบ่นพลางครางหือๆ
นั่งเสียใจเต็มทีต้องหนีมือ ไม่สัตย์ซื่อทำไพ่ตายเขาเอง
ดูเขาเล่นเป็นฤดูไม่รู้ขาด นุชนาฏพึ่งกะเตาะขึ้นเหมาะเหม็ง
บ้างก็หลงเลยเล่นเป็นนักเลง ฉันนี้เกรงกลัวนักไม่รักเลย
ทั้งหนุ่มสาวฉาวฉานด้วยการเล่น บ้างซุ่มเป็นผัวเมียกันเสียเฉย "
----- -----
เรื่องสำมะเลเทเมามั่วสุมเล่นพนันขันต่อย่อมมีในคนกลุ่มหนึ่งเป็นปกติวิสัยสังคมโลกทุกยุคทุกสมัย
ดังนั้น จึงมีสืบเนื่องมาถึงยุค ร.5 ดังมีในโคลงพระราชพิธีทวาทศมาส พระนิพนธ์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ พรรณนาว่า
๏ สงกรานต์ชาวบ้านเที่ยว ตามสบาย
หญิงปะปนฝูงชาย แซ่ซ้อง
บางคนที่เมาหมาย เย้าหยอก ยั่วนา
พบพวกที่เกี่ยวข้อง ขัดแค้นต่อยตี
๏ บางคนนัดบ่อนเหล้น การพนัน
โปถั่วทุกสิ่งสรรพ์ ดวดไผ้
ได้เสียทุ่งเถียงกัน เอะอะ ถึงเอย
เกิดวิวาทจับได้ เฆี่ยนซ้ำเสียเงิน
ขอให้สังเกตกลอนของเสมียนมีที่ยกมา 2 วรรคสุดท้าย ว่า "ทั้งหนุ่มสาวฉาวฉานด้วยการเล่น บ้างซุ่มเป็นผัวเมียกันเสียเฉย" เป็นพยานว่าหนุ่มสาวยุค ร.3 นิยมแอบเล่นเป็นผัวเมีย ก็คือซุ่มเล่นเซ็กซ์นั่นแหละ
พวกที่ชอบอ้างว่าหนุ่มสาวสมัยก่อนไม่ชิงสุกก่อนห่าม ก็ขอให้รู้ด้วยว่าไม่จริงทั้งหมด ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนต้องมีหนุ่มสาว "ซุ่มเล่นเซ็กซ์" เป็นปกติวิสัยกันทั้งนั้นเมื่อมีโอกาสจึงควรแนะนำวัยรุ่นปัจจุบันให้ป้องกันมีท้องหรือมีโรค ดีกว่าประณาม
ใครที่ชอบดุด่าวัยรุ่นยุคนี้ ชะรอยจะเป็นพวกผิดปกติ?
...........................................................................................................................
พร้อมด้วยหลากหลายบทความเกี่ยวกับ สุขภาพ สาวสวย และที่เที่ยวกลางคืนได้ที่นี่