เคล็ดลับลดน้ำหนัก 6 กิโลในเวลา 1 เดือน ให้ได้ผลและปลอดภัย
การลดน้ำหนักใน 1 เดือน ลง 6 กิโลกรัม จะเป็นไปได้ไหม? นี่เป็นคำถามที่หนุ่ม ๆ หลายคนอาจสงสัย และแสวงหาคำตอบมาตลอด เมื่อลงมือทำจริงจะพบว่าคำตอบคือ ใช่! สามารถลดน้ำหนักได้ภายใน 1 เดือน โดยมีช่วงลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพอยู่ที่ 2-6 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ไม่น้อยเกินไป หรือมากเกินไป
เหมาะสำหรับการลดน้ำหนักในระยะยาว วันนี้เราก็จะมาแนะนำเทคนิคการลดน้ำหนักใน 1 เดือน อย่างมีสุขภาพดี ช่วยให้ลดไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย โดยสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1.อาหารเช้าให้เน้นไปที่โปรตีน
อาหารเช้าถือเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวัน แนะนำให้ลองเปลี่ยนจากอาหารเช้าที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ขนมปังหรือซีเรียล มาเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงแทน เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ป้องกันความอยากทานของขบเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ที่สำคัญกว่านั้น อาหารที่มีโปรตีนสูงยังสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ ด้วยการช่วยควบคุมฮอร์โมนความหิว และลดความอยากที่จะกินมากเกินไป
2.เพิ่มผักเข้าสู่มื้อเย็นเกินครึ่งหนึ่ง
สำหรับมื้อเย็น แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าว พาสต้า บะหมี่ หรือขนมปัง เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกาย และหากไม่ใช้น้ำตาลนี้เป็นพลังงาน ก็จะสะสมเป็นไขมันแทน ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สำหรับมื้อเย็น แนะนำให้กินผักเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมื้ออาหารทั้งหมด โดยเฉพาะพวกที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ เช่น เห็ด หรือมะเขือเทศ
3.เติมเต็มความอิ่มด้วยไขมันดี
หลายคนอาจสงสัยว่าการบริโภคไขมัน จะทำให้น้ำหนักขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การนำวิธีการลดน้ำหนัก ที่เน้นลดคาร์โบไฮเดรต และการนำไขมันที่ดีต่อสุขภาพมาใช้ในอาหาร สามารถช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว บางคนอาจเคยได้ยินวิธีการลดน้ำหนักนี้ เรียกว่าการคุมอาหารแบบคีโตเจนิก สามารถพบไขมันที่ดีต่อสุขภาพได้ในอาหาร เช่น ปลา ถั่ว และเมล็ดพืช เช่น วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ และเมล็ดเจีย สิ่งสำคัญคือต้องรวมไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ในปริมาณปานกลางของแต่ละมื้อ เพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผลดี
4.กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อต่อวัน แต่ปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง ที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ คือ การหลีกเลี่ยงการทานขนมและของว่างประเภทต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน เน้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ จะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นอยู่ที่การเว้นระยะห่างระหว่างมื้ออาหารให้ได้ 5 ชั่วโมง เช่น หากคุณรับประทานอาหารเช้า เวลา 9.00 น. คุณควรรับประทานอาหารกลางวัน เวลา 14.00 น. และอาหารเย็นเวลา 19.00 น. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเย็นสายเกินไป ทำให้มั่นใจว่ามีสารอาหารที่สมดุล และเผื่อเวลาสำหรับมื้อถัดไป โดยไม่ต้องทานของว่างอย่างอื่นในระหว่างนั้น ร่างกายจะมีโอกาสใช้ไขมันที่สะสมไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.ออกกำลังกายเข้มข้น 5 วันใน 1 สัปดาห์
นอกจากการควบคุมอาหารแล้ว การออกกำลังกายยังเป็นสิ่งสำคัญในการลดน้ำหนัก แนะนำให้ใช้การออกกำลังกายแบบ HIIT และเวทเทรนนิ่ง ทั้ง 2 รูปแบบควรทำควบคู่กันไป จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญของร่างกาย ยิ่งมีมวลกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ ร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าจะอยู่ในช่วงพักก็ตาม ดังนั้นจึงถือเป็นการออกกำลังกายอย่างเข้มข้น และควรทำ 5 วัน ใน 1 สัปดาห์อย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายนี้ การดูแลสุขภาพถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรับการดูแลตัวเองให้สอดคล้อง กับเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อพบกับความสำเร็จในควบคุมน้ำหนัก ถ้าสามารถอดทนจนบรรลุเป้าหมายได้ ก็แทบไม่ต้องกลับมาลดน้ำหนักอีกครั้ง นั่นคือวงจรชีวิตที่มีคุณภาพ