"ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นคนอ้วน" แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง

"ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นคนอ้วน" แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง

"ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นคนอ้วน" แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ Sanook! Men มีตัวอย่างของคนที่ลดน้ำหนักสำเร็จมาฝากอีกแล้ว โดยหนุ่มคนนี้เคยอ้วนมาก เคยลดน้ำหนักแบบผิดวิธี จนในที่สุดก็พบเคล็ดลับที่ทำให้ลดน้ำหนักได้แบบถูกต้อง วันนี้มาอ่านเรื่องราวของหนุ่มคนนี้กัน

"ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นคนอ้วน,คนผอม และคนหุ่นดี" แชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนักแบบผิดวิธีสู่การลดน้ำหนักที่ถูกต้อง‏

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี่เป็นกระทู้พันธิพกระทู้แรกของผมและรหัสนี้ก็เป็นของพี่ชายของผมที่ผมยืมมา
ถ้าอ่านแล้วตะกุกตะกักไปซักหน่อยก็ขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

สวัสดีครับผมชื่อก้อง วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนักและการเปลี่ยนแปลงตัวเองของตัวผมเอง
เดิมทีแต่ก่อนผมเป็นเด็กมัธยมอ้วนๆดำๆคนหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติที่สมควรจะอ้วนหลายประการมากๆ กินจุกจิก,นอนดึก,ไม่ชอบออกกำลังกาย,ติดเกมส์ติดคอมไม่ค่อยออกไปไหน,เลือกกินสารพัด, ฯลฯ
สภาพผมแต่ก่อนก็เป็นแบบนี้...

ช่วงนั้นผมหนักประมาน 99 กิโล (แหม่ เกือบร้อยพอดี)
เรียกได้ว่าทั้งอ้วนและอ่อนแอครับ ความสามารถด้านกีฬาเป็นศูนย์
สอบ รด. ไม่ผ่านซักกะอย่าง ซิทอัพสิบทียังไม่ได้ วิดพื้นห้าทียังลำบาก ส่วนวิ่งก็เป็นลมล้มคาสนามสอบ...

แต่แล้วจุดเปลี่ยนแรกในชีวิตผมก็เริ่มขึ้น ช่วงมัธยมปลายเป็นธรรมดาที่จะมีพวกป๊อปปี้เลิฟ แอบรักกุ๊กกิ๊ก อะไรทำนองนี้
แต่ในกรณีเด็กอ้วนดำหน้าตาเอียงไปทางขี้เหร่อย่างผม ก็ได้แต่แอบชอบแอบรักสลับกับผิดหวังเป็นว่าเล่น
จนวันนึงมีแรงฮึดขึ้นมา อยากให้คนที่เรารักคนที่เราชอบสนใจ จึงคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นครั้งแรก ผลก็ออกมาเป็นดังนี้

จาก 99 กิโล กลายมาเป็น 73 กิโล ภายในระยะเวลา 3 เดือน
เหมือนจะดูดีใช่มั้ยครับ... แต่นี่คือจุดผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตผมข้อนึง
วิธีลดน้ำหนักที่ผมทำต่อไปนี้ห้ามเอาเป็นตัวอย่างเด็ดขาดนะครับ อันตรายมาก!

ถ้าพูดถึงการลดน้ำหนัก แน่นอนวิธีสิ้นคิดสำหรับคนไม่มีความรู้ทางด้านนี้ที่จะนึกได้เป็นอย่างแรกก็คือ "อดอาหาร"
ผมลดน้ำหนักด้วยการกินแค่มื้อเช้ามื้อเดียว จำได้แม่นเลยคือข้าวกล่องเซเว่นอันเท่ามดกับไส้กรอกใส่ผักเยอะๆเพราะได้ยินเค้าพูดกันว่าลดน้ำหนักต้องกินผัก... แต่คือกินกับมายองเนส เลวร้ายตั้งแต่มื้อเช้าแล้ว เกินเยียวยามากๆ 5555555555555555
เที่ยงกินฝรั่งกับนมจืด ตอนเย็นไม่กินอะไรเลยอย่างมากก็แอปเปิ้ล...
ตอนนั้นคือหักดิบเลเวลสุดท้าย ฮาร์ตคอร์มากๆ ถึงหิวก็อดทนกินน้ำเอา ตอนนั้นจำได้ว่ากินน้ำนี่ไม่ต่ำกว่า 4-5 ขวดใหญ่ครับ
อดทนทำคู่กับการวิ่งรอบสวนแถวๆยิมกรมราชนาวีบางนา 10 รอบ ตอนแรกๆนี่คือได้แค่ 3 รอบ หอบกินลมจะจับ แต่ก็พยายามจนได้สิบรอบทุกวัน
พอวิ่งเสร็จก็มายกเวทงูๆปลาๆทำท่าตามรุ่นพี่ ตามคนที่เล่นในยิมแถวๆนี้เอา เล่นเสร็จกลับบ้านไปก็ไม่กินอะไรเลย -*-

ที่พูดมาทั้งหมดล้วนเป็นวิธีที่ผิดทั้งสิ้น 555555555
ทั้งเรื่องโภชนาการ ทั้งเรื่องการออกกำลังกาย แต่ตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงที่พลังใจเยอะมากที่สุดครับ พยายามและอดทนจริงๆ จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่สองในชีวิต

ถึงจะได้ร่างกายที่ผอมสมใจอยาก แต่วันนึงก็เกิดเหตุการณ์นึงขึ้น
ผมล้มเป็นลมพับคาห้องน้ำในยิมที่เล่นประจำ ภาพสุดท้ายที่จำได้ตอนนั้นคือมึนหัว ทุกอย่างมืดๆม่วงๆไปหมด ดีที่มีป้ามาเห็นเค้าเลยช่วยไว้
พอหายดีกลับบ้านก็มานั่งคิดได้ว่า นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ถึงจะผอมลงได้แต่ร่างกายกลับอ่อนแอและที่เลวร้ายคือผิวหนังที่ย้วยเหมือนไม่มีกล้ามเนื้อเลย

จึงคิดว่าวิธีแก้ไขใน Internet ค้นอากู๋เอา บลา บลา บลา... จนได้วิธีแก้นั่นก็คือ "การเล่นกล้าม"
ตอนนั้นประจวบกับช่วงสอบตรงพอดี ซึ่งผมสอบติดแล้วเลยมีเวลามากที่จะทุ่มเทให้กับมัน
ผมค้นหาข้อมูลใน Internet,Youtube,เว็ปบอร์ดต่างๆ ทั้งเรื่องโภชนาการต่างๆ,เรื่อง BMI,วิธีการกินอาหารและสร้างกล้ามแบบนักเพาะกาย,การ Weight trainning กับการ Cardio ที่ถูกวิธี,การ Bulk การ Lean,อาหารคลีน

โดยผมเริ่มปรับจากการกินอาหาร จากเคยอดมื้อกินมื้อก็ค่อยเพิ่มเป็น 3 มื้อปกติ กลายเป็น 4 มื้อ หรือ 5 มื้อ
แบ่งสัดส่วนของสารอาหารที่ได้รับ โปรตีน,คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้ถูกต้อง
การออกกำลังกายจากที่เคยวิ่งเป็นบ้าเป็นหลังแล้วค่อยมายกเวทมั่วๆซั่วๆ ก็ยกเวทก่อนค่อยมาทำ Cardio
ทำตารางการออกกำลังกายใหม่ แบ่งวันสำหรับกล้ามเนื้อแต่ละส่วนๆ

คือจริงจังมากกกกกกก ทำอาหารจากที่บ้านใส่กล่องไปกินเองที่โรงเรียน กำหนดโปรตีน,คาร์โบไฮเดรตและไขมันที่ต้องการต่อวัน ช่างเอามื้อต่อมื้อ
คนที่ไม่รู้ก็จะมองว่าเราแปลก เอ๊ะ พกไก่มากินด้วยหรอ เอ๊ะ กลิ่นอะไรแปลกๆ อ๋อ... กลิ่นอกไก่ย่างของไอ้ก้องมัน
ผมไม่อายเลยที่จะมานั่งกินไก่กินไข่ แต่บางทีผมก็เกรงใจเพื่อนก็ต้องเอาไปกินในห้องน้ำ?! 555555555555555
หลังเลิกเรียนก็จะนั่งรถเมล์ไปยกเวทที่ยิมประจำ เป็นอย่างนี้เรื่อยๆจนเข้ามหาลัยก็ยังคงทำอยู่เป็นประจำ
ช่วงแรกๆจะหลุดเที่ยวบ้าง ดื่มบ้าง หลุดกินแหลกอะไรไปบ้าง แถมยังอยู่หอ จะทำอะไรก็ลำบาก
แต่ด้วยความที่เรารักในการออกกำลังกายไปแล้วและยังมีความรู้ต่างๆอยู่ ถึงจะเป๋ๆไปบ้างแต่ก็ยังมีเวลาเข้าฟิตเนสอยู่ ทำอาหารเองอยู่ อะไรอยู่
จนตอนนี้มีสภาพแบบในรูปครับ

ตอนนี้ผ่านไป 4 ปี ปัจจุบันน้ำหนักราวๆ 72 Body fat น่าจะ 13-14% ผิวหนังที่ย้วยก็ดีขึ้นแต่รอยแตกก็มีอยู่บ้างประปราย
ถึงจะยังไม่ถึงเป้าหมายที่ฝันไว้อย่างร่างกายแบบ Fitness model ก็เถอะ
แต่ที่เห็นได้ชัดคือผมแข็งแรงขึ้นมาก สุขภาพแข็งแรง ป่วยยาก สามารถออกกำลังกายและกีฬาได้โดยไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อน
เลือกเสื้อผ้าก็ง่ายขึ้น ใส่เสื้อผ้าก็สวยขึ้น โอกาสชีวิตในเรื่องต่างๆก็มีมากขึ้น

จบแล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านประสบการณ์เปลี่ยนแปลงตัวเองของผม
สิ่งที่อยากจะฝากไว้คืออยากให้ทุกคนที่ความคิดที่จะลดน้ำหนัก,คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ลองศึกษาให้ดี ใช้วิธีที่ถูกต้องและไม่ลำบากจนเกินไป
จะได้ไม่ใช้วิธีที่ผิดๆแบบผมแล้วต้องมาแก้ไขทีหลัง ฟังร่างกายของคุณให้เยอะๆครับ

หวังว่าผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครได้บ้างไม่มากก็น้อย
ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรที่ผมพอจะให้คำปรึกษาได้บ้าง แนะนำได้บ้างก็ลองมาคุยกันได้ครับ www.facebook.com/suppiez

การออกกำลังกายก็เหมือนกับการลงทุน
และการลงทุนกับร่างกายเป็นการลงทุนที่ไม่มีวันสูญเปล่า
มาเริ่มดูแลตัวเองกันดีกว่าครับ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ "ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นคนอ้วน" แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook