เช็กก่อนว่า′อ้วน′แบบไหน?! ดูแลสุขภาพอย่างไรให้ "ไร้พุง"
ดูแลสุขภาพอย่างไรให้ "ไร้พุง"
คอลัมน์ เครื่องแนม
เลิกเถอะ ความคิดที่ว่าไว้พุงนิดๆ ดูมีเสน่ห์
"หน้าท้องยื่น" หรือ "พุงโต" เกิดจากการเผาผลาญอาหารผิดปกติ ทำให้เกิดการสะสมของไขมันใน "ช่องท้อง" ไม่ใช่ "หน้าท้อง" ซึ่งไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ กระตุ้นให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ มากมาย
ภก.เศกสุข เกษมสุวรรณ แห่ง ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ บอกว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง เช่น อายุมากขึ้น เป็นคนอ้วนมาก่อน มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวานหรือความดันสูง ฯลฯ
จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด่วน เช่น ลดหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ การลดพุงให้ได้ผลชัดเจน ปัจจัยหนึ่งคือ ต้องวิเคราะห์ประเภทของ "พุง" ซึ่งแบ่งเป็น 3 แบบ
1.แบบ "สแปร์ ไทร์" (The Spare Tire)
เป็นที่นิยมในคนทำงานที่นั่งติดเก้าอี้ทั้งวัน ชอบของหวานๆ เป็นชีวิตจิตใจ พุงประเภทนี้ลดง่ายที่สุด แต่อาจจะทำใจยากที่สุดเช่นกัน
ต้องหักดิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะน้ำตาลบริสุทธิ์จากแอลกอฮอล์จะเข้าไปหยุดระบบการเผาผลาญไขมันทุกชนิด ทำให้ไขมันไปสะสมและกลายเป็นพุง
และอย่าลืมที่จะรับประทานอาหารที่มีไขมันดี อย่างเช่น โอเมก้า 3 หรือ ไขมันไม่อิ่มตัว ได้แก่ อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันตับปลา อาหารเหล่านี้จะช่วยเผาผลาญไขมันช่วงท้องทำให้หน้าท้องแบนราบได้ดั่งใจ
ควรออกกำลังด้วยการเดินเร็ว ท่าแยกแขนขา ท่าสควอช หรือท่ากระชับท้องแขนก็พิชิตพุงได้โดยไม่ต้องเข้าฟิตเนส
แบบที่ 2 "ลิตเติ้ลพุช" (The Little Pooch)
พุงชนิดนี้มักจะเกิดในผู้หญิงที่ทำงานยุ่งตลอดเวลา แม้ว่าจะออกกำลังกายก็ตาม แต่ติดอยู่กับการรับประทานอาหารเดิมๆ การออกกำลังกายแบบเดิมๆ แม้ว่าจะทำให้ผอมลงแต่ก็ยังทิ้งเจ้าพุงประเภทนี้เอาไว้ให้ดูต่างหน้า
ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายด้วยวิธีการซิตอัพ หรือการใช้เครื่องออกกำลังกายแบบ ab-rollers ซึ่งมันจะไปสร้างแรงดันที่บริเวณกล้ามเนื้อสะโพกและบริเวณหลังช่วงล่าง ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณยื่นออกมาเป็นพุงนั่นเอง
วิธีลดพุงประเภทนี้ต้องรีบจัดการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องอืด ท้องผูก ด้วยการทานอาหารที่มีโภชนาการที่ดีและไฟเบอร์ เน้นผักใบเขียวและธัญพืชเข้าไว้
การยกเวตจะช่วยเบิร์นไขมันให้เรามากขึ้นภายในเวลาสั้นๆ ดังนั้นระหว่างที่ออกกำลังกายด้วยท่าลันจ์หรือท่าสควอช ควรยกเวตควบคู่ไปด้วย
การดื่มน้ำเยอะๆ และการรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ผักสีเขียว โปรตีนที่ย่อยง่ายอย่างปลาหรือเนื้อไก่ ก็ช่วยลดพุงประเภทนี้ได้เช่นกัน
แบบที่ 3 "สเทรสทัมมี่" (The Stress Tummy)
พุงประเภทนี้มักมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เช่นภาวะลำไส้แปรปรวน เกิดอาการท้องอืดทำให้ท้องของคุณดูใหญ่ขึ้น
ใครที่มีพุงประเภทนี้ ภก.เศกสุข แนะว่า ต้องทานอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า กาแฟ ไม่ควรดื่มเกินกว่าวันละ 2 แก้ว รวมทั้งเลิกอาหารฟาสต์ฟู้ดจะดีที่สุด ควรเปลี่ยนนิสัยการนอน โดยนอนให้เร็วขึ้น เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุทำให้เกิดพุงชนิดนี้ได้
ลดความเครียดด้วยการฝึกหายใจลึกๆ การทำสมาธิ หรืออาบน้ำนานๆ ก่อนเข้านอน เพื่อทำให้คุณหลับสบายมากขึ้น
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอซึ่งจะทำให้ฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้นเปลี่ยนเป็นฝึกโยคะหรือเดินไกลจะดีกว่า
รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงซึ่งมีอยู่ในอาหารจำพวกผักสีเขียวเข้มและถั่วบราซิล