สยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม นักบริหารความบันเทิงช่อง M Channel

สยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม นักบริหารความบันเทิงช่อง M Channel

สยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม นักบริหารความบันเทิงช่อง M Channel
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คลุกคลีอยู่ในวงการภาพยนตร์มานานร่วม 10 ปี สำหรับผู้ชายคนนี้ "สยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม" Managing Director Major Kantana Broadcasting Co.,Ltd. บทบาทการทำงานที่ท้าทายในฐานะผู้บริหาร นักคิดนักสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในธุรกิจภาพยนตร์บนโลกเคเบิลทีวี

รู้จัก Major Kantana Broadcasting Co.,Ltd.
Major Kantana Broadcasting Co.,Ltd. บริษัทผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง M Channel ที่นำเสนอภาพยนตร์และความบันเทิงตลอด 24 ชั่วโมง แบ่งสัดส่วนเป็นภาพยนตร์ 70% รายการสาระและบันเทิง 30% โดยชูนโยบายของช่องในการสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย และสร้างให้ช่องเป็นเสมือนห้องสมุดที่ให้ความรู้และความบันเทิงครบสูตร
ล่าสุด M Channel สร้างสตูดิโอแห่งใหม่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 5 สยามพารากอน นอกจากจะเป็นสตูดิโอสำหรับการเปิดรายการใหม่และจัดรายการสดแล้ว ยังเปิดบริการให้เช่าโดยมีอุปกรณ์ถ่ายทอดสดที่ครบครันและทันสมัย เหมาะสำหรับการสัมภาษณ์แขกรับเชิญที่ไม่สะดวกในการเดินทางไปสตูดิโอย่านชานเมือง


คุณสยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม Managing Director Major Kantana Broadcasting Co.,Ltd. เล่าถึงขอบข่ายการทำงานในปัจจุบันว่า งานหลักคือ ดูแลช่องภาพยนตร์สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม M Channel 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเมเจอร์กับกันตนา และด้วยความที่เป็นสถานีโทรทัศน์ 24 ชั่วโมงจึงมีดีเทลของงานค่อนข้างมาก ซึ่งต้องดูแลทั้งการผลิต คอนเซปต์ช่อง ด้านมาร์เก็ตติ้งและงานขายทั้งหมดของช่อง
ปัจจุบันช่อง M Channel มีรายการทั้งหมดประมาณ 10 รายการ ถึงแม้ตอนนี้จะมีอยู่ช่องเดียวแต่ช่องเราไปหลาย platform ไม่ว่าจะเป็น C-band จานดำ จานเหลือง จานส้ม เรียกว่า platform ที่เป็นจานดาวเทียมเราครอบคลุมทั้งหมด รวมถึงสายเคเบิลในกรุงเทพฯ 80-90% ของเคเบิลทีวีที่มีช่องเราอยู่


มาปีนี้พูดถึง Multimedia Channel วันนี้ช่อง M Channel เริ่มบุกไปที่ IPTV (Internet Protocol television) บน Mobile iPhon iPad ระบบ Android สามารถดูช่องของเราได้หมด ตอนนี้สามารถพูดได้เลยว่า เราเป็น Multimedia Channel เป็น TV Everywhere
ขณะเดียวกัน เรามีสตูดิโอกลางสยามพารากอน ที่สามารถถ่ายทอดสดแล้วเชื่อมต่อไปยังช่องทีวีของเรา และตามโรงหนังต่าง ๆ ซึ่งเซ็ทไว้ 6 โรงในต่างจังหวัดตามเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ


M Channel ครบอรรถรสความบันเทิงในโลกภาพยนตร์
M Channel เป็นการร่วมทุนระหว่างเมเจอร์กับกันตนา ซึ่ง Majorcineplex เป็นเบอร์ 1 ของกลุ่มภาพยนตร์ ในขณะที่กันตนาเป็นเบอร์หนึ่งด้านการผลิตรายการทีวี เมื่อสองธุรกิจมาจับมือกันทำช่องภาพยนตร์บนทีวี ถือเป็นจุดเด่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องของ Content และ Connection เกี่ยวกับค่ายภาพยนตร์ทั้งหมด
ความโดดเด่นอีกเรื่องของ M Channel น่าจะเป็นผู้ที่รู้จริงที่สุดในเรื่องภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพยนตร์ หรือนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศ ทั้งยังมีบริษัทในเครือผลิตแผ่น DVD และมีโรงภาพยนตร์มากถึง 50 สาขาทั่วประเทศ
ที่สำคัญช่อง M Channel เปิดขึ้นมาด้วยเจตนาคือ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ มิได้เปิดขึ้นมาเพื่อหากำไร โดยมีบริษัทแม่ 2 บริษัทคอยให้การสนับสนุน ทำให้เรามี Direction ที่จะก้าวไปเป็น The Bast ได้ แน่นอนว่าการทำธุรกิจต้องมีหวังผลกำไร แต่ผลกำไรไม่ได้เป็นตัวหลัก เพราะเราต้องการช่วยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ช่วยหนังใหม่ๆ เข้ามา ช่วยโปรโมทดาราใหม่ ๆ ช่วยทำรายการต่างๆ เพื่อให้คนดูเข้าใจบางเรื่องของภาพยนตร์
วันนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าช่อง M Channel เมนหลักคือ ภาพยนตร์ บนช่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ประมาณ 70% อีก 30% เป็นรายการวาไรตี้ แต่วาไรตี้ทั้งหมดจะอยู่บนแกนของภาพยนตร์ เช่น รายการ Movie Trip หรือรายการครอบครัวตัว M ฯลฯ
รายการ Movie Trip เป็นรายการที่นำเสนอสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ อาทิ ไปลอนดอนไปดูสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง เจมส์ บอนด์ หรือเจมส์ บอนด์ตัดเสื้อร้านไหน ใช้รถอะไร พาไปดูพิพิธภัณฑ์เจมส์ บอนด์ หรือรายการครอบครัวตัว M เป็นรายการที่ตามรอยอาหารในภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ เป็นต้น
ส่วนภาพยนตร์ที่บริษัทในเครือของกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์สร้างที่ผ่านมาจะมีเรื่อง 32 ธันวา สุดเขตสเลดเป็ด ส.ค.ส.สวิทตี้ วาเลนไทน์สวิทตี้ ซึ่งภายในหนึ่งปีเราจะสร้างหนังให้ได้ประมาณ 6-8 เรื่อง และนำเข้าภาพยนตร์ประมาณ 100 เรื่อง ฉะนั้นช่อง M Channel จะมีหนังครบทุกค่าย ครบทุกอรรถรส เพราะเรารู้ว่าคนดูอยากดูอะไร รู้ว่าคนดูชอบอะไร เป็นช่องที่ค่อนข้างตอบสนองครบทุกด้าน

 

ร่วม 10 ปีบนโลกแผ่นฟิล์มกับหลักการทำงาน "Work Hart Play Hart"
ผมทำงานในวงการภาพยนตร์มาเกือบ 10 ปี สิ่งที่ยึดถือมาโดยตลอดคือ work hart play hart เพราะปัญหาในการทำงานที่พบเจอจะเยอะมาก เนื่องจากงานที่ทำเป็นงานศิลปะ ไม่สามารถบอกได้ว่าถูกหรือผิด ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจของคนดู
สมัยก่อนพอ work hart เสร็จก็ play hart เลย พอทำงานหนัก ๆ เสร็จผมจะปิดสวิทแล้วลืมทุกอย่าง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ แต่ตอนนี้หันมาเป็นนั่งสมาธิแทนแล้ว เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขยะอยู่เต็มไปหมด ไปเที่ยวอีกคงไม่ไหว ต้องนั่งสมาธิเพื่อล้างสิ่งไม่ดีออกไป ซึ่งผมเริ่มนั่งสมาธิมาได้ 2-3 ปีแล้ว
การนั่งสมาธิช่วยทำให้ผ่อนคลาย ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนน้ำที่นิ่ง พอนิ่งความคิดก็เริ่มเกิด สิ่งที่เป็นขยะก็จะออกไป แต่สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาคือ ต้องมีจุดยืน ถ้ามั่นใจว่าทำดีที่สุดแล้ว ถึงจะมีเสียงติ เสียงต่อว่า เราคงต้องยอมรับ แล้วพยายามแก้ไข พร้อมกับเรียนรู้ว่าคนดูอยากได้อะไร
โชคดีที่เรามีพี่เลี้ยงดี อย่างเรื่องระบบการขายก็มีเมเจอร์คอยเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษา ส่วนงานโปรดักชั่นก็มีกันตนาเป็นแบ็คให้ในเรื่องของเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะใช้ และเป็นที่ปรึกษาในการผลิต


กระตุ้นบุคลากรให้รักองค์กรเพื่อเป้าหมายแห่งความสำเร็จ
ปัจจุบันบริษัทมีบุคลากรประมาณ 50 คน วันนี้ให้นโยบายไปว่า เราพยายามจะทำให้องค์กรแข็งแรง ไม่ต้องการความใหญ่โตแต่ทุกคนมีความรับผิดชอบ และมีรายได้ที่ดี โดยมีเป้าหมายตั้งแต่วันแรกว่า บนช่องภาพยนตร์เราต้องเป็นเบอร์หนึ่ง
การตั้งเป้าเพื่อเป็นเบอร์หนึ่งถือเป็นความท้าทาย เป็นแรงจูงใจในการทำงานอย่างหนึ่ง เนื่องจากเราถอยหรือหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เพราะมีคนวิ่งตาม มีคนมาหายใจลดต้นคออยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น สิ่งนี้จะเป็นตัวหนึ่งที่ไดร์คนของเรา
ธุรกิจเอนเตอร์เทนเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับคน ชนะหรือแพ้อยู่ที่คน เพราะคนเป็นผู้สร้างหนัง เป็นอาชีพเฉพาะ เป็นคนพิเศษที่จะทำได้ ฉะนั้น ต้องคัดคนให้ถูกและลงไปดูแล แล้วพยายามทำให้คนรักองค์กร
วิธีที่จะทำให้พนักงานรักองค์กรคือ 1.ทำให้เห็นว่าเรารักองค์กร และ 2.จะทำให้พนักงานรักองค์กรเราต้องรักเขาก่อน ทำให้เห็นว่าองค์กรรักเขา เรารักเขา พยายามเข้าไปดูแลทุกเรื่องแม้แต่เรื่องส่วนตัว คอยดูแลและช่วยแก้ไขปัญหา
ผมมักจะบอกกับลูกน้องทุกคนเสมอว่า ผมนั่งอยู่ตรงนี้มีหน้าที่เดียวคือ แก้ปัญหา เพราะถ้าไม่มีปัญหาแปลว่า ผมไม่ได้ทำงาน



ค้นคว้าหาความรู้เพื่อการทำงานตลอดเวลา
วันนี้โชคดีที่ผมมีเจ้านายเก่งคือ กลุ่มเมเจอร์และกลุ่มกันตนามีการขยายงานอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ผมได้ information จากเจ้านายเยอะมาก ท่านสอนอยู่ตลอดเวลาว่าให้มี Vision
นอกจากนี้ผมยังได้เรียนรู้จากการมี Marketing Forum ที่บริษัทจัดอยู่เป็นประจำคือ การเอาทุกหน่วยงานในบริษัทมานั่งคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ที่แต่ละคนพบเจอมา รวมถึงแชร์ไอเดียในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม ถือเป็นอะไรที่สุดยอดซึ่งไม่มีสอนในห้องเรียน

เสน่ห์และความยากง่ายในการทำงานด้านนี้
การทำงานในวงการภาพยนตร์นั้นมีเสน่ห์มาก เป็นเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ ภาพยนตร์ก็เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่ง แต่หนังสือบอกเล่าเรื่องราวด้วยตัวหนังสือ แต่ภาพยนตร์เล่าเรื่องด้วยภาพ บางคนเก่งและฉลาดจากการอ่านหนังสือ ในขณะที่บางคนชอบดูหนังมากก็จะได้อะไรจากการดูหนังมากมายเช่นกัน
ทว่าการทำงานด้านนี้เป็นการทำงานที่ยาก เปรียบถ้าเป็นช่อง M Channel ก็คงต้องบอกว่า ยากตรงที่เราจะต้องเป็นเบอร์หนึ่ง ถ้าเป็นช่องภาพยนตร์เราอยู่เบอร์หนึ่งอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับช่องอื่นๆ ทั้งหมด แต่ยากตรงที่จะคงตำแหน่งไว้ คือขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งก็ยากแล้ว แต่จะคงไว้ให้อยู่ตลอดไปยิ่งยากกว่า


ข้อแนะนำคนรุ่นใหม่สำหรับการทำงานในวงการนี้
อันดับแรกคือ ต้องมีใจรักจริง ๆ วันนี้โอกาสไม่เหมือนเมื่อก่อน ๆ มีค่ายหนังไม่กี่ค่าย พอค่ายหนังไม่เอาคุณๆ ก็ไม่มีโอกาส แต่วันนี้ทุกอย่างเริ่มเปิดกว้าง วันนี้ค่ายหนังต้องการคนเก่ง ค่ายกำลังวิ่งตามหาคน โอกาสมาแล้ว ฉะนั้นคุณต้องเก่งจริง
เด็กรุ่นใหม่ทุกวันนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องการทำงานผมมองว่า 1.ไม่อดทน 2.ขาดประสบการณ์ 3.มีความมั่นใจในตัวเองสูงเกินไป พอมั่นใจก็ไม่เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ จากนั้นก็จะถูกอุปสรรคขวางไว้หมด ดังนั้นวันนี้คุณอยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องพร้อมที่จะผ่านอุปสรรค ต้องรู้ว่าวันข้างหน้าจะเจออะไร


ทำงานอย่างไรให้มีความสุข
สิ่งแรกคือ ต้องรักในงานที่ทำ และต้องกลับไปจัดสรรเวลาให้ดี พร้อมกับยึดหลัก "work hart play hart" เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว เรียกว่าเวลาทำงานให้เต็มที่ เวลาหยุดก็หยุดจริง ๆ บางคนเวลาทำงานก็ไม่ทำเต็มที่ ในขณะที่เวลาพักกลับคุยเรื่องงาน แบบนี้เรียกว่าแบ่งเวลาไม่เป็น ชีวิตก็จะเหนื่อย พอเหนื่อยก็ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง
ดังนั้น ต้องแบ่งเวลาให้เป็น พยายามแยกให้ออกว่าเวลาไหนเป็นเวลางาน เวลาไหนเป็นเวลาพัก ถ้าทำได้ชีวิตก็จะมีความสุขทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

 

ผู้เขียน : ณัฐกานต์
ช่างภาพ : กันสกล

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook