ทอฝันดอทคอม CEO พันธุ์ใหม่แห่ง Social Media เมืองไทย
ขณะที่นิสิตปี 4 ในรั้วมหาวิทยาลัยหลายคนกำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือหรือทำวิทยานิพนธ์ เวลาเดียวกันนั้น เด็กหนุ่ม 4 คนที่ร่ำเรียนสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ก็กำลังปลุกปั้นซีเนียร์โปรเจ็กต์ของตัวเอง
ซึ่งต่อมาโปรเจ็กต์นั้นได้กลายมาเป็นธุรกิจทำเงินให้แก่พวกเขา จนกลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Social Media แห่งแรกของไทย ด้วยวัยเพียง 20 ต้นๆ และนับเป็น Social Media รายเดียวของโลกที่แบ่งรายได้ให้แก่ผู้ใช้งานจริงๆ นามว่า "ทอฝันดอทคอม"
อายุไม่ใช่อุปสรรคหรือปัญหาในการทำธุรกิจ สำหรับเพื่อนรักอย่าง มาวิน จิรไพศาลกุล, ปัญจมพงศ์ เสริมสวัสดิ์ศรี และวุฒิไกร เสรีวัฒนวุฒิ 3 ใน 4 ผู้ก่อตั้งโซเชียลเว็บไซต์ชื่อดังในขณะนี้
จากประสบการณ์ด้านไอทีที่พวกเขาเดินสายคว้ารางวัลตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ช่วยฝึกปรือแนวคิดและลับมุมมองทางธุรกิจให้แก่พวกเขาไม่น้อย ซึ่งมาวินและปัญจมพงศ์บอกว่า
ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังจะเรียนจบนั้น เริ่มมีเทรนด์ของการทำธุรกิจไอทีจากต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ Ensogo และอีกหลายๆ Case Study ที่ประสบความสำเร็จ อย่างเช่น Instagram ที่เริ่มต้นจากทีมงานเพียงแค่ 4 คน แต่สามารถสร้างโปรดักต์ที่มีผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคนทั่วโลก สร้างมูลค่าจนมี Exist บริษัทใหญ่เข้ามาซื้อผลงาน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาเริ่มต้นทำเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
"เราอยากจะทำเป็น Social Media ของคนไทยที่ยกระดับการแชร์ Blog ไปสู่อีกระดับหนึ่ง เน้นเรื่องประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่สามารถใช้งานง่ายขึ้น ดูแล้วสบายตา ทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกสนุกสนานในการใช้งาน เช่น ระบบ level และระบบ Award ที่สำคัญคือ ระบบการแบ่งรายได้อย่างเป็นธรรม ที่เราจะแบ่งรายได้จากการขายโฆษณาและแคมเปญการตลาดในเว็บไซต์ให้กับผู้ใช้ เพราะถ้าหากผู้ใช้สร้างผลงานที่ดี เขาก็ควรจะได้ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินด้วย ไอเดียนี้เกิดมาจากการที่เห็น Facebook ซึ่งมีรายได้เยอะและรากฐานมาจากผู้ใช้ เราจึงอยากจะสร้าง Social Platform ที่แบ่งรายได้คืนให้กับผู้ใช้"
จากจุดเริ่มต้นที่มีแค่ 4 คน ปัจจุบันบริษัท ทอฝัน จำกัดของพวกเขาค่อยๆ ขยายทีมงานเพิ่มขึ้น โดยพนักงานทั้งหมดของบริษัทล้วนแต่เป็นคนรุ่นใหม่อายุเฉลี่ยแค่ 22-23 ปีเท่านั้น ซึ่งก็นับเป็นข้อดีที่มาวินบอกว่า อายุน้อยและไฟแรงทำให้พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แม้จะมีประสบการณ์ไม่มากในการทำธุรกิจก็ตาม
"ในช่วงแรกเราเจ็บจากการลองผิดลองถูกหลายครั้ง เรียกว่าเป็น Rookie Mistake แต่ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดี เพราะจะเห็นชัดว่าจากตอนที่เริ่มต้นบริษัทมาจนถึงตอนนี้ ทุกคนมีพัฒนาการมากในเรื่องระบบการทำงาน นับว่าสโคปงานของเราใหญ่ แต่ใช้คนน้อยในการทำไอเดียให้ออกมาเป็นโปรดักต์ จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่มีออฟฟิศเป็นของตัวเอง เพราะผมมองว่าในแง่ธุรกิจมันเป็นรายจ่ายที่ค่อนข้างเยอะ เราจึงพยายามลดต้นทุนโดยการหาสถานที่ทำงานข้างนอกลักษณะแบบ Co-Working Space ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า"
มาวินอธิบายให้เห็นภาพในการทำงานของซีอีโอยุคใหม่ ที่มีแค่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสักเครื่องก็สามารถทำงานได้ทุกที่ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีวินัยที่ดีด้วย เหมือนที่พวกเขาตั้งเวลาการทำงานให้ตัวเองวันละ 9 ชั่วโมง ตั้งแต่บ่ายโมงไปจนถึงสี่ทุ่มทุกวัน เพื่อพัฒนาระบบเว็บไซต์ให้สมบูรณ์ที่สุด
"จากการที่เรามองเห็นจุดอ่อนในเว็บไซต์ของเราในปัจจุบัน เราจึงพัฒนาระบบใหม่เป็นทอฝัน 2.0 กลยุทธ์ของเราขั้นที่หนึ่ง คือ โปรดักต์ต้องดี ใช้แล้วสนุกและใช้แล้วติด สิ่งที่เราคิดก็คือว่า ถ้าโปรดักต์เราดี หาก User ได้มาลองใช้ครั้งหนึ่งแล้วเขาจะกลับมาอีก ขั้นที่สองจึงเป็นเรื่องมาร์เก็ตติ้งว่าจะทำยังไงให้เขารู้จัก และขั้นสุดท้ายคือ การรักษาฐานผู้ใช้งานที่พอรู้จักแล้วทำยังไงให้เขากลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง"
ปัญจมพงศ์เสริมว่า หากโจทย์แรกที่สำคัญอย่างโปรดักต์ไม่สามารถทำให้ผู้ใช้ชอบ หรือไม่แตกต่างจากโปรดักต์เดิมอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด ธุรกิจก็ไม่สามารถเติบโตได้ ฉะนั้น กุญแจความสำเร็จจึงอยู่ที่การสร้างโปรดักต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานนั่นเอง
ด้านผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ทอฝันดอทคอมอย่างวุฒิไกร ซึ่งคอยดูแลระบบทั้งหมดของเว็บไซต์บอกว่า ยุคนี้ธุรกิจไอทีค่อนข้างเติบโตมาก และไม่จำเป็นต้องเรียนจบไอทีมาก็สามารถทำได้ แค่สนใจเรียนรู้ด้วยตัวเองก็ทำได้แล้ว อีกอย่างหนึ่งคือธุรกิจไอทีลงทุนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ จึงมีเด็กรุ่นใหม่หลายคนอยากทำธุรกิจไอทีเป็นของตัวเอง ซึ่งสายงานไอทีเป็นสายงานที่กว้าง ถ้าอยากจะเข้ามาทำงานสายนี้ สิ่งจำเป็นก็คือ หาสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอเสียก่อน เพราะเมื่อเป็นสิ่งที่ชอบแล้วเรามักจะทำสิ่งนั้นได้ดี ถ้าหากอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ต้องชัดเจนกับตัวเองก่อนว่า เป้าหมายของเราคืออะไร เมื่อรู้แล้วก็ต้องยึดและเดินไปตามเป้าหมาย
นั้น
ขณะที่มาวินให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ที่อยากทำธุรกิจว่า อันดับแรกต้องหาคนเก่งเฉพาะด้านมาร่วมสร้างธุรกิจ
"ผมคิดว่าส่วนหนึ่งที่ทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จคือเรื่องคนว่าในบริษัทมีคนเก่งเฉพาะด้านแค่ไหน ถ้าในบริษัทมีคนที่สร้างโปรดักต์เก่งๆ หนึ่งคน มีคนที่ทำมาร์เก็ตติ้งเก่งๆ หนึ่งคน และมีคนที่ดูแลด้านการเงินเก่งๆ อีกหนึ่งคน ยังไงธุรกิจก็ประสบความสำเร็จ เพราะผมไม่เชื่อว่าทั้งสามอย่างจะรวมอยู่ในคนเพียงคนเดียว ฉะนั้น ต้องรู้จักตัวเองว่าเราเก่งทางด้านไหน และอย่าทำเพียงคนเดียว เพราะในเชิงธุรกิจคุณเก่งคนเดียวและทำทุกอย่างหมดไม่ได้ ต้องสร้างทีมและทำงานไปด้วยกัน
"ผมมองว่าสุดท้ายแล้วการทำธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยคนทำงาน ทัศนคติของคนยุคใหม่ที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะเป็นซีอีโอที่ดีได้ คือจะต้องเป็นคนที่มีมุมมองทางธุรกิจที่ดี หรือเรียกว่ามีสัญชาตญานเถ้าแก่ คนลักษณะนี้จะเป็นคนที่ลงมือทำเร็ว จะไม่เสียเวลาคิดมากแต่ลงมือทำเลย ถ้าลองสังเกตหลายคนที่ประสบความสำเร็จจะมีสัญชาตญาณแบบนี้ เขามักจะเคยล้มมาก่อน เพราะว่าสัญชาตญาณเถ้าแก่จะเป็นแบบ Take action before thinking บางทียังคิดไม่ละเอียดแล้วลงมือทำ ทำให้เขาเจ็บตัวได้ไวกว่า แต่ผมคิดว่าสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากทำธุรกิจแค่คิดอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องสร้างสัญชาตญาณในการลงมือทำด้วย"
นี่คือคำแนะนำจากเด็กหนุ่ม 3 คนที่บอกว่าพวกเขาเป็น Rookie ที่อายุน้อยที่สุดกลุ่มหนึ่ง
Key Success...ทอฝันดอทคอม
1. สินค้าต้องดี มีคุณภาพ โดนใจผู้ใช้งาน
2. พนักงานต้องเก่ง มีความสามารถเฉพาะด้าน และทำงานเป็นทีม
3. ต้องมีสัญชาตญาณเถ้าแก่ คิดแล้วลงมือทำ