ดัชนีดาวโจนส์ปิดขขยับขึ้น65.69จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) ปรับตัวขึ้น 65.69 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 13,279.32 จุด พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.91 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1,405.82 และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 4.08 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 3,050.44 จุด เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐและสามารถขยายตัวได้ดีเดือนเม.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นหลังจากสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนเม.ย. ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือนมี.ค. และมากกว่าเดือนเม.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 52.9 จุด ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว และดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 53.4 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53 จุด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% แตะที่ 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งลดลงจากเดือนมี.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 3.1% ด้าน นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ วันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนเม.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนมี.ค. วันพฤหัสบดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 1/2555, กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.