ดัชนีดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น23.69จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 23.69 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 13,228.31 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. หลังจากที่ปิดพุ่ง 113.90 จุด หรือ 0.87% ในวันพฤหัสบดี ทำให้ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่ ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 3.38 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 1,403.36 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 18.59 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 3,069.20 จุด ซึ่งถือเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดสำหรับดัชนี Nasdaq นับตั้งแต่เดือนก.พ. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเหนือระดับ 1,400 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. หลังจากที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นแข็งแกร่ง เพราะได้แรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการภาคเอกชนที่สดใส ซึ่งช่วยชดเชยปัจจัยลบอันเนื่องมาจากการรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด โดยตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1.53% ดัชนี S&P 500 พุ่ง 1.80% และดัชนี Nasdaq พุ่ง 2.29% ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุน หลังจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนส่งแรงซื้อคึกคัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค จากความหวังผลการดำเนินงานของธุรกิจในสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ดีเกินคาด โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.9% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2553 เมื่อเทียบกับที่ขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 4 ซึ่งการใช้จ่ายผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้นนี้ช่วยพยุงภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง ขณะที่รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 76.4 จุด จากระดับ 76.2 จุดในเดือนมี.ค.เนื่องจากชาวอเมริกันมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจประเทศ ทั้งนี้ แรงบวกถูกจำกัดอยู่บ้าง เนื่องด้วยความวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัว หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 1/2555 ซึ่งขยายตัวที่ระดับ 2.2% ต่อปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 2.5% และน้อยกว่าไตรมาส 4/2554 ที่ขยายตัว 3.0% นอกจากนี้ การขยายตัวของจีดีพีไตรมาสแรกยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประเมินเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายในช่วง 2.4-2.9% ปีนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ข้อมูลดังกล่าวกลับช่วยกระตุ้นแรงซื้อจากนักลงทุนบางส่วนที่มองว่า เฟดอาจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ระบุว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจของประเทศอ่อนแอถึงระดับหนึ่ง ขณะที่ข่าวการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐมากนัก