ก.พลังงาน จี้เปิดสัมปทานแหล่งปิโตรเลียม
นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการผลิตปริมาณสำรองปิโตรเลียม
ได้สูงสุดกว่า 3.6 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยจะสามารถรักษาระดับการผลิตก๊าซธรรมชาติได้อีกประมาณ
5-10 ปี และรักษาระดับการผลิตน้ำมันได้ 1.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ได้อีกประมาณ 4-5 ปี ส่วนก๊าซธรรมชาติเหลว
จะลดตามปริมาณ ซึ่งปริมาณสำรองทั้งหมดจะลดลงภายใน 10 ปี จึงจำเป็นต้องหาแหล่งสัมปทานปิโตรเลียม
รอบใหม่เพิ่มเข้าสู่ระบบ เพื่อป้องกันการขาดแคลนพลังงานในอนาคต
ขณะที่ ปริมาณการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีแทนก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า มีประมาณ 740 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และกำลังจะสร้างคลังแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านตัน เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตอีก 740 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทั้งนี้ ราคาก๊าซแอลเอ็นจีสูงกว่าก๊าซธรรมชาติถึง 2 เท่า ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น และผลกระทบจะตกสู่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม การเปิดสัมปทานรอบใหม่ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะต้องแก้ไขกฎหมายสัมปทานเพิ่มผลประโยชน์ให้รัฐมากขึ้นหรือไม่ โดยกฎหมายสัมปทานของไทย จะต้องให้ผลประโยชน์กับผู้ขอรับสัมปทานให้สมเหตุสมผลกับแหล่งปิโตรเลียมที่มีอยู่ และในขณะนี้ รัฐบาลพม่า กำลังเปิดประมูลสัมปทานแหล่งปิโตรเลียม ทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งทาง ปตท.สผ. ก็ให้ความสนใจเข้าไปร่วมประมูล และหากประเทศไทยได้เข้าไปเป็นเจ้าของแหล่งสัมปทาน ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศชาติได้