โบรกมอง หุ้นไทยวันนี้อาจรีบาวด์
บล.เมย์แบงก์ คาด ดัชนีหุ้นไทยวันนี้อาจรีบาวด์ ชี้ นักลงทุนรอดูเหตการณ์ชุมนุม โดยเฉพาะวันที่ 7 ส.ค.นี้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (5 ส.ค.) ว่า อาจเห็นการรีบาวด์ได้เล็กน้อย ในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังเหตุการณ์ชุมนุมในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ในความสงบ แต่การปรับตัวขึ้นของตลาดยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังเป็นเชิงลบ ส่งผลให้นักลงทุนยังมีความระมัดระวังการลงทุน และรอดูเหตุการณ์ทางการเมือง รวมทั้ง โอกาสของการเกิดการชุมนุมในลักษณะ "ดาวกระจาย" เมื่อเข้าใกล้วันพิจาณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวันที่ 7 ส.ค. จะกดดันภาวการณ์ลงทุนไปอีกระยะ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งยังยากที่จะประเมินว่าผลลัพธ์ได้
ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ โดยรวมยังคงเป็นบวก อัตราการว่างงานเดือน ก.ค. ลดลงเล็กน้อยเป็น 7.4% จากวันก่อนหน้า 7.5% แม้ว่าการจ้างงานนอกภาคเอกชน และการจ้างงานภาคเอกชน จะเพิ่มน้อยกว่าที่ตลาดคาด แต่ตัวเลขดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักมากเพียงพอต่อการดึงเม็ดเงินทุนกลับสู่ตลาดเกิดใหม่ (EM) ในช่วงสั้น ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนทยอยลดน้ำหนักการลงทุน และถือเงินสดมากขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังคงยืนยันภาพดังกล่าว เพราะสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศยากต่อการประเมินได้เช่นกัน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (5 ส.ค.) ว่า อาจเห็นการรีบาวด์ได้เล็กน้อย ในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังเหตุการณ์ชุมนุมในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ในความสงบ แต่การปรับตัวขึ้นของตลาดยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังเป็นเชิงลบ ส่งผลให้นักลงทุนยังมีความระมัดระวังการลงทุน และรอดูเหตุการณ์ทางการเมือง รวมทั้ง โอกาสของการเกิดการชุมนุมในลักษณะ "ดาวกระจาย" เมื่อเข้าใกล้วันพิจาณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวันที่ 7 ส.ค. จะกดดันภาวการณ์ลงทุนไปอีกระยะ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งยังยากที่จะประเมินว่าผลลัพธ์ได้
ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ โดยรวมยังคงเป็นบวก อัตราการว่างงานเดือน ก.ค. ลดลงเล็กน้อยเป็น 7.4% จากวันก่อนหน้า 7.5% แม้ว่าการจ้างงานนอกภาคเอกชน และการจ้างงานภาคเอกชน จะเพิ่มน้อยกว่าที่ตลาดคาด แต่ตัวเลขดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักมากเพียงพอต่อการดึงเม็ดเงินทุนกลับสู่ตลาดเกิดใหม่ (EM) ในช่วงสั้น ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนทยอยลดน้ำหนักการลงทุน และถือเงินสดมากขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังคงยืนยันภาพดังกล่าว เพราะสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศยากต่อการประเมินได้เช่นกัน