ถอดแนวคิดสุภาพบุรุษวิก 3 "ประวิทย์ มาลีนนท์"
แม้จะประกาศวางมือและลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อปีก่อน ด้วยปัญหาด้านสุขภาพ และส่งไม้ต่อให้ "ประสาร มาลีนนท์" ผู้พี่เข้ามาทำหน้าที่ต่อ แต่ "ประวิทย์ มาลีนนท์" อดีตบิ๊กบอสช่อง 3 ก็ยังแนบแน่นและผูกพันกับช่อง 3 จนแทบจะแยกไม่ออก วันนี้แม้จะลดบทบาทของตัวเองให้เหลือเพียงฐานะ "กรรมการ" เขายังคงทำหน้าที่ตอบทุกคำถาม ทุกข้อสงสัย
ล่าสุดงานเปิดกองละครครึ่งปีหลัง ภายใต้ชื่องาน "วิกบิ๊ก 3 PanoDrama" "ประวิทย์ มาลีนนท์" ก็มาปรากฏกายด้วย "ประชาชาติธุรกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ถึงความสำเร็จและทิศทางของช่อง 3 ในช่วงจากนี้ไป
"ประวิทย์" ย้ำอย่างหนักแน่นว่า วันนี้ถือเป็นขาขึ้นของช่อง 3 ที่มีคอนเทนต์ข่าว ละครที่แข็งแรง แต่สถานีคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ ยังต้องเดินหน้าพัฒนาคอนเทนต์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องทำจากนี้ไป คือการสร้างบุคลากรใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งผู้เขียนบท นักแสดง หรือการหาพันธมิตรด้วยบทประพันธ์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความเข้มแข็งให้แก่สถานี
แม้ว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ละครของช่อง 3 จะได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้ชม ทั้ง "แรงเงา" ซีรีส์ละครเรื่องยาว "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ที่สร้างคุณชายทั้ง 5 ให้กลายเป็นขวัญใจผู้ชม
แต่ "ประวิทย์" กลับมองว่า การสร้างละครกลับไม่มีอะไรที่เป็นสูตรสำเร็จ ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ว่า สามารถทายใจผู้ชมได้มากน้อยแค่ไหน และไม่สามารถให้คะแนนในภาพรวมได้ว่าช่อง 3 ทายใจผู้ชมได้ดีเท่าไร เพราะขึ้นอยู่กับละครแต่ละเรื่องว่าได้กระแสตอบรับมากน้อยแค่ไหน
ถ้ากระแสดี ก็เท่ากับว่าทายใจผู้ชมถูก แต่ถ้าไม่ดี แสดงว่าทายผิด
"ละครแต่ละเรื่องประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน กระแสตอบรับไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องไหนช่อง 3 เดาใจผู้ชมได้ดีแค่ไหน แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าละครทำให้ผู้ชมสนใจช่อง 3 มากขึ้น โดยส่วนตัวรู้สึกดีใจ แต่มองว่าเราต้องก้าวต่อไปเรื่อย ๆอยู่นิ่งกับที่ไม่ได้"
เมื่อละครกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่อง 3 วางหมากให้เป็นตัวขับเคลื่อนเข้าถึงผู้ชม นักแสดงจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ
เขาบอกว่าช่อง 3 อาจจะถูกมองว่ามีนักแสดงค่อนข้างมาก แต่ก็เปิดกว้างสำหรับนักแสดงใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะแต่ละปีมีคอนเทนต์ละครค่อนข้างมาก ถ้านักแสดงคนไหนพร้อมทำงานกับช่อง 3 และถ้างานที่สถานีมีและเขาทำได้ เราก็ยินดีเปิดรับ
"ผมฝากดาราไม่ได้สักคนหนึ่ง ผมไม่มีเส้น เป็นสิทธิ์ของนักแสดงทุกคน ถ้าผมเลือกนักแสดงมาแล้วสถานีไม่ใช้ ผมก็หน้าแตก ผมจึงไม่ฝากใครทั้งนั้น"
สำหรับทิศทางละครครึ่งปีหลังนี้ คีย์แมนของช่อง 3 ยังบอกด้วยว่า ตอนนี้เตรียมละครไว้ทั้งหมด 18 เรื่อง เช่น ทองเนื้อเก้า ดาวเกี้ยวเดือน สามี สาปพระเพ็ง สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 มาดามดัน เป็นต้น รวมถึงละครเฉลิมพระเกียรติโครงการในพระราชดำริของในหลวงอีก 5 เรื่อง ได้แก่ แสงดาวกลางใจ ใต้ร่มใบภักดิ์ ในม่านเมฆ ลูกหนี้ที่รัก หัวใจใกล้รุ่ง ซึ่งละครแต่ละเรื่องไม่ได้เจาะกลุ่มผู้ชมกลุ่มไหนเป็นพิเศษ
"ที่จริงแล้ว ตลาดผู้ชมของสถานีกว้างขึ้น แต่ตัวเลขการวัดผลจำนวน
ผู้ชมรายการหรือเรตติ้งไม่เอื้อแก่สถานี ความจริงแล้ว สถานีก็ไม่ได้แบ่งว่าต้องเจาะฐานผู้ชมกลุ่มคนเมืองหรือต่างจังหวัด แต่ผู้ชมทุกกลุ่มสามารถรับชมรายการของช่อง 3 ได้หมด โดยเฉพาะซีรีส์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ซึ่งได้รับผลการตอบรับดีมาก แต่สถานีก็ยังแปลกใจว่า ทำไมตัวเลขการวัดผลผู้ชมต่างจังหวัดไม่ได้"
แม้แต่ละครแรงเงา ที่มองว่าเป็นรสนิยมของผู้ชมต่างจังหวัดอยู่แล้ว ก็ยังไม่ได้เรตติ้งเท่าที่ควร สถานีจึงไม่เข้าใจ แต่ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้
เขายังเล่าต่อว่า จากประสบการณ์การสร้างซีรีส์ "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ด้วยทีมผู้จัดจากหลายบริษัท และต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร สำหรับการปรับแนวคิดของผู้จัดแต่ละค่ายให้ตรงกัน แต่ "ประวิทย์" บอกว่า ไม่มีแผนที่จะใช้ผู้จัดทีมเดียว เพื่อผลิตละครเรื่องยาวทั้งหมด เพราะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แบ่งปันความเชี่ยวชาญของผู้จัดแต่ละราย ก็สร้างให้ละครออกมาดีได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าถามเรื่องการต่อยอดคอนเทนต์ที่มีอยู่ไปยังต่างประเทศนั้น เขาบอกว่า สถานีก็ต้องการต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่คอนเทนต์ที่มีอยู่ แต่ยังติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ซึ่งต้องพิจารณาแต่ละเรื่องไป
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการพัฒนาคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ ส่วนการขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศ ถือเป็นผลพลอยได้ และเป็นเรื่องรอง ที่สถานีไม่ต้องรีบเร่ง