รมว.พณ.ปัดเจ๊งจำนำข้าว4.25แสนล.บอกคิดกันเอง
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทววงพาณิชย์ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยตัวเลขขาดทุน ในโครงการรับจำนำข้าว 425,000 ล้านบาท ว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ออกมาเปิดเผย แต่ได้เห็นจากสื่อมวลชนบ้างแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเอาตัวเลขขาดทุนดังกล่าวมาจากไหน เพราะขณะนี้รัฐบาลยังขายข้าวไม่หมด จึงยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่า ตัวเลขขาดทุนทั้งหมดอยู่ที่เท่าไร จึงมองว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวของกลุ่มบุคคลต่าง ๆ เป็นการประเมินข้อมูลกันเอง คิดเอาเอง ตัวเลขจึงมีความหลากหลาย ซึ่งตนขอยืนยันว่า ตัวเลขขาดทุนที่มีการเปิดเผยไม่เป็นตัวเลขจริง
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า ในปี 55-56 รัฐบาลใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าวอยู่ที่ 330,000 ล้านบาท และ 340,000 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี 57 รัฐบาลตั้งวงเงินไว้ที่ 270,000 ล้านบาท ส่วนการจ่ายเงินให้กับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ ก็จ่ายโดยตรง ผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ซึ่งไม่มีทางที่เงินจะรั่วไหล และขณะนี้ รัฐบาลก็ปิดช่องโหว่ของการทุจริตอย่างเต็มที่ โดยในเดือนพ.ย.นี้ ตนก็จะเดินทางไปที่ประเทศจีนเพื่อประชุมการขายข้าวกับกระทรวงพาณิชย์ของจีน ซึ่งขั้นตอนจากนี้ไปก็จะมีการคิดสูตรราคาขายข้าวอีกครั้ง เพราะการซื้อข้าวของจีนเป็นการซื้อแบบระยะยาว
'หม่อมอุ๋ย'เผยหวังดีแฉเจ๊งจำนำข้าว 4.25แสนล้าน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ให้มีการทบทวนโครงการรับจำนำข้าว หลังพบการขาดทุน 2 ปี อย่างต่ำอยู่ที่ 425,000 ล้านบาท ว่า การดำเนินการดังกล่าว ทำด้วยความหวังดี ในฐานะที่เป็นคนไทย ซึ่งหวังว่า นายกรัฐมนตรี จะรับฟังและนำข้อมูลดังกล่าวมาดู อย่าไปฟังบุคคลรอบข้างมากจนเกินไป
นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังได้กล่าวถึงสาเหตุของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปี 2556 ที่ซบเซาด้วยว่า เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า อาทิ สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น และยุโรป มีภาวะที่ซบเซา รวมถึงการบริโภคภายในประเทศเกิดการชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปี 2557 สถานการณ์การส่งออกของไทยจะดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของกลุ่มประเทศคู่ค้า แต่ทั้งนี้ภาครัฐจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 เข้าสู่ระบบ รวมถึง ต้องมีการปรับแผนการใช้งบประมาณถ้าหากร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน สะดุดด้วย
ส่วนการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าจะตกลงกันได้ก่อนเส้นตายวันที่ 17 ต.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทย รวมถึงการส่งออกไทยด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากไร้ข้อสรุป ก็จะต้องมาประเมินสถานการณ์กันใหม่อีกครั้ง