"อิเกีย"เขย่าค้าปลีกทุ่มเปิด"เมการังสิต"

"อิเกีย"เขย่าค้าปลีกทุ่มเปิด"เมการังสิต"

"อิเกีย"เขย่าค้าปลีกทุ่มเปิด"เมการังสิต"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อิเกีย-สยามฟิวเจอร์" เคลื่อนทัพลงทุนรอบใหม่เขย่าค้าปลีกกรุงเทพฯตอนเหนือ คว้า 250 ไร่ จากแลนด์ลอร์ด "ตระกูลสนิทวงศ์"ปักธงต่างระดับธัญบุรี-วงแหวนรอบนอก ขึ้นบิ๊กโปรเจ็กต์ค้าปลีกแนวราบ เผยปีหน้าเร่งถมที่ พร้อมอวดโฉมก่อนปี 2560 รับเศรษฐกิจ-กำลังซื้อในอนาคต

เพียง 2 ปีที่เปิดศูนย์การค้าแนวราบขนาดใหญ่แห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน บนที่ดินแปลงใหญ่กว่า 254 ไร่ เรียบถนนบางนา-ตราด ด้วยวงเงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท การร่วมทุนของกลุ่มสยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ หรือเอสเอฟ และอิคาโน่จากสวีเดน ด้วยสัดส่วน 49% เท่ากันในครั้งนั้น ได้สร้างความคึกคักให้วงการค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ในย่านดังกล่าวอย่างเกินความคาดหมาย และความเคลื่อนไหวล่าสุด 2 ทุนยักษ์ใหญ่สยามฟิวเจอร์ฯและอิคาโน่ได้แท็กทีมลงทุนครั้งสำคัญรอบใหม่ ด้วยการเคลื่อนทัพยึดค้าปลีกกรุงเทพฯตอนเหนือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมนึก พจน์เกษมสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการได้มาของที่ดินบริเวณถนนรังสิต-นครนายก จังหวัดปทุมธานี ขนาด 250 ไร่ มูลค่า 700 ล้านบาท ของบริษัทร่วมทุนใหม่ชื่อ "บริษัท นอร์ธ บางกอก ดีเวลอปเมนท์ จำกัด" โดยบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนนี้ 49% ทั้งนี้ การได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าวเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่ต่อไปและขยายโอกาสทางธุรกิจให้มากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท นอร์ธ บางกอก ดีเวลอปเมนท์ ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าแห่งใหม่ และนำเงินทุนดังกล่าวมาซื้อที่ดิน บริษัทร่วมทุนมีผู้ถือหุ้นประกอบด้วย

บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ 49% บริษัท อิคาโน่ จำกัด 49% และบริษัท ไทย วนาสิริ จำกัด 2%

สอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทสยามฟิวเจอร์ฯ ที่ขยายความถึงการเคลื่อนทัพลงทุนครั้งสำคัญว่า เบื้องต้นจะเรียกกันคร่าว ๆ ว่า "เมกา รังสิต" จะลงมือก่อสร้างทันที โดยปีหน้าทั้งปีจะเป็นขั้นตอนของการถมที่ดิน ซึ่ง 250 ไร่เป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลาพอสมควร หลังจากนั้นก็สามารถขึ้นโครงการได้

และตามแผนงานจะพร้อมเปิดให้บริการอีก 3 ปีจากนี้ รูปแบบโครงการจะเป็นโมเดลในลักษณะค้าปลีกแนวราบบนพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เป็นจุดขายสำคัญเช่นเดียวกับโครงการเมกา บางนา

"ยังไม่อยากจะพูดอะไรเยอะ เพราะพอพูด ราคาที่ดินก็ขยับขึ้นทันที ทำให้เราทำงานลำบาก ซึ่งตามมาสเตอร์แพลนเรามีที่ดินแล้ว 250 ไร่ ตามที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้ว แต่ยังต้องมีที่ดินเพิ่มสำหรับการขยายในเฟสต่อ ๆ ไป เพื่อรองรับดีมานด์ของตลาดในอนาคตซึ่งจะมีอีกมหาศาล"

ทั้งนี้ ภาพการลงทุนและเริ่มก่อสร้างของสาขารังสิตจะทยอยลงทุนไปพร้อม ๆ กันกับสาขาบางใหญ่ที่มีที่ดินอยู่แล้ว ซึ่งแหล่งข่าวจากบริษัทสยามฟิวเจอร์ฯ รายนี้ให้เหตุผลว่า จากการตอบรับที่ดีของเมกาบางนา ไม่เพียงเป็นตัวเร่งและสร้างความมั่นใจให้การลงทุนโครงการใหม่ ๆ เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องมีพื้นที่สำหรับรองรับขยายการลงทุนเพิ่มในเฟสต่อ ๆ ไป

ที่ผ่านมาทั้งในแง่กำลังซื้อและทราฟฟิกของเมกา บางนา เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ 3.5 ล้านคน/ปี หรือเฉลี่ยวันละ 1 แสนคน และพื้นที่เช่าภายในโครงการที่เต็มแล้ว ขณะเดียวกันร้านค้าใหม่ ๆ ก็ต้องการจะเข้ามาเปิดบริการเพิ่ม

ก่อนหน้านี้ นางสาวลาเซีย เชอร์ล็อค ผู้จัดการสโตร์ อิเกีย บางนา บริษัท อิคาโน่ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามแผนการลงทุนอิเกียเตรียมเปิด 2 สาขาใหม่ ขนาด 5 หมื่น ตร.ม. ซึ่งบริษัทมั่นใจเศรษฐกิจและกำลังซื้อในตลาดเมืองไทยว่ามีแนวโน้มที่ดีและมีความแข็งแกร่ง

ด้านแหล่งข่าวในวงการพัฒนาที่ดินกล่าวว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวซื้อมาจากตระกูลสนิทวงศ์ ซึ่งมีที่ดินละแวกรังสิต-นครนายก จำนวนมาก ก่อนหน้านี้ได้รับความสนใจจากผู้พัฒนาที่ดินรายใหญ่หลายรายให้ความสนใจ แต่เพิ่งมามีบทสรุปกับบริษัท นอร์ธ บางกอก ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด โดยทำเลจะคล้าย ๆ กับเมกา บางนา คือเป็นจุดตัดระหว่างถนนสายสำคัญ 2 เส้น และการเข้ามาของเมกา รังสิต ดังกล่าวจะทำให้การแข่งขันธุรกิจค้าปลีกในย่านนี้มีมากขึ้น โดยเฉพาะฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ที่ถูกล้อมกรอบจากคู่แข่ง ทั้งเมกา รังสิต และกลุ่มเซ็นทรัลที่มีแผนจะสร้างศูนย์การค้าครบวงจรบนที่ดินของไทยเมล่อน ริมถนนพหลโยธินอยู่ก่อนแล้ว

"กำลังซื้อย่านนี้มีสูง เพราะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่นและเชื่อมต่อกับจังหวัดใกล้เคียง แต่ที่ผ่านมาติดปัญหาถนนรังสิต-นครนายก การจราจรติดขัด ทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะไปใช้บริการเมกา รังสิต ซึ่งเดินทางสะดวกกว่าแทน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาหลังการขึ้นบิ๊กโปรเจ็กต์เมกา บางนา พร้อมจุดขายด้วยการดึง 5 แม่เหล็กยักษ์ใหญ่ อาทิ "อิเกีย" ร้านเฟอร์นิเจอร์สัญชาติสวีเดน โดยเป็นสาขาที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค, "โฮมโปร" ที่พลิกโฉมกับสาขาใหม่ทันสมัยมากขึ้น "บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า" พรีเมี่ยมไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับบน "เมกา ซีนีเพล็กซ์" แบรนด์โรงภาพยนตร์ที่ 6 ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดตัวด้วย 15 โรงหนังระบบดิจิทัล เทียบเท่าพารากอน ซีนีเพล็กซ์

รวมถึง "โรบินสัน" ลุกใหม่โมเดิร์นลอฟต์ มีสินค้าทั้งจากในและต่างประเทศถึง 800 ร้านค้าแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ค้าปลีกย่านกรุงเทพฯ ตะวันออกคึกคักขึ้นโดยทันที เห็นได้จากความเคลื่อนไหวของศูนย์การค้าระนาบตลอดย่านกรุงเทพฯ ตะวันออกทั้งในฝั่งเส้นถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ ต่างปรับทัพเพื่อรับมือการแข่งขัน และกลายเป็นโซนค้าปลีกที่แข่งขันกันด้วยศูนย์การค้าโมเดลระดับบิ๊กไซซ์ทั้งสิ้น อาทิ ซีคอนสแควร์ พื้นที่ 5 แสน ตร.ม., พาราไดซ์ พาร์ค 3 แสน ตร.ม., เซ็นทรัล บางนา 1.25 แสน ตร.ม. และเมกา บางนา 4 แสน ตร.ม. และยังไม่นับรวมการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นหลายโครงการตลอดทั้งเส้นถนน ซึ่งคาดว่าภาพดังกล่าวจะเกิดขึ้นในลักษณะเช่นเดียวกันหลังการเปิดตัว "เมกา รังสิต" ด้วยแบรนด์แม่เหล็กที่จะเข้าไปขับเคลื่อนและกระตุ้นดีมานด์ตลาดร่วมกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook