เก็บเงินเพื่อแม่!!
สำหรับลูกแม่นับเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ เพราะท่านคอยดูแลเลี้ยงดูเราตั้งแต่เกิดจนเติบโตมีหน้าที่การงานมั่นคง เมื่อลูกมีงานทำและมีรายได้ จึงคิดที่จะทดแทนพระคุณของท่าน ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะแบ่งเงินเดือนบางส่วนมาให้แม่ เพื่อให้ท่านเอาไว้ใช้สอยตามที่ต้องการ หรือบางคนอาจตั้งใจว่าจะปรับปรุงบ้านเพื่อให้ท่านมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายขึ้น แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำตามความฝันเหล่านี้สำเร็จ เพราะต้องอาศัยการวางแผนออมเงินที่ดี เราจึงมีข้อแนะนำและเทคนิคในการออมเงินเพื่อแม่มาฝากกันค่ะ
แบ่งเงินเดือนมาให้แม่
การแบ่งเงินเดือนมาให้แม่ใช้จ่ายฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถแบ่งเงินเดือนมาให้แม่ได้ทุกเดือน เพราะไม่สามารถบริหารรายรับและรายจ่ายให้สมดุลกันได้ การแบ่งเงินส่วนที่ตั้งใจจะให้แม่เอาไว้ตั้งแต่ต้นเดือน หรือกันเงินส่วนนี้เอาไว้ก่อนใช้จ่าย จะช่วยให้เราสามารถจัดสรรเงินส่วนนี้ให้กับท่านได้เป็นประจำทุกเดือน
ในการเก็บออมเงินส่วนนี้ แนะนำให้สอบถามกับแม่ก่อนว่าต้องการใช้เงินเป็นประจำทุกเดือนหรือไม่ หากเงินก้อนนี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้จ่ายทุกเดือน แนะนำให้ออมในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และทำบัตร ATM ให้ท่าน เพื่อสะดวกในการเบิกถอน ทั้งนี้ปัจจุบันธนาคารมีการออกบัตรเดบิต ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเบิกถอนเงินแล้ว ยังให้ความคุ้มครองทั้งการเสียชีวิต ทุพพลภาพ และค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุได้ จึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจซึ่งเราสามารถสมัครบริการนี้ให้กับแม่ได้
อย่างไรก็ตาม หากแม่ยังไม่มีจุดประสงค์ที่จะใช้เงินที่เราแบ่งมาให้ เมื่อสะสมได้เป็นเงินก้อน สามารถพาท่านไปเปิดบัญชีเงินฝากผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากประจำที่หากผู้ฝากเงินมีอายุ 55 ปีขึ้นไป ดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี กรณีดอกเบี้ยในแต่ละปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยเงินฝากรูปแบบนี้ ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุและกระดูกแตกหัก ซึ่งจะช่วยให้แม่ได้รับทั้งผลตอบแทนจากการฝากเงินและความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุอีกด้วยค่ะ
ปรับปรุงบ้านให้แม่
เมื่อแม่มีอายุมากขึ้น การขึ้นลงบันไดเป็นประจำอาจทำได้ยาก เพราะกระดูกและข้อต่อต่างๆ มีการเสื่อมสภาพลง การปรับปรุงบ้านเพื่อให้ท่านไม่ต้องขึ้นลงบันไดมากนัก จึงมีความจำเป็น ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านก็เป็นเงินไม่ใช่น้อย โดยอาจสูงถึงหลักแสน ดังนั้น เราควรมีการวางแผนในการเก็บออมเงินดังกล่าว ซึ่งรูปแบบการออมควรเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้มั่นใจว่า เงินต้นจะไม่สูญหาย โดยขอแนะนำให้ออมเงินในเงินฝากประจำแบบปลอดภาษี ซึ่งเราจะต้องออมเงินเป็นจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน เป็นเวลา 24-36 เดือน จุดเด่นของเงินฝากรูปแบบนี้ คือ ดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากประจำรูปแบบปกติ
การเก็บออมเงินให้แม่ไม่ใช่เรื่องยาก หากเรามีการวางแผนทางการเงินที่ดี นอกจากนี้ จากการที่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีพร้อมกับผลประโยชน์ด้านอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา การศึกษาหาข้อมูลด้านการเงินสม่ำเสมอจะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์การเงินเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ค่ะ
บทความโดย โดย : ปานตา ฉัตรมาศ
ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย