การเมืองร้อน!ต่างชาติเทขายหุ้นไทยต่อ
บล.เอเซียพลัส มองการเมืองไทยร้อน ทำต่างชาติ ยังเทขายต่อเนื่อง โดย พ.ย. รวมยอดสะสมกว่า 4.5 หมื่นล.
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) เปิดถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าว่า สถานการณ์การเมืองยังทำให้เกิดแรงกดดันต่อ SET Index ต่อไป อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ถือว่าอยู่ภาวะที่ยังหาทางออกไม่เจอ ทั้งนี้แนวทางที่เป็นไปได้ในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ พอสรุปได้ดังนี้คือ 1).ยุบสภาฯ และจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดความตึงเครียดและการเผชิญหน้าลงได้ชั่วคราว 2).นายกรัฐมนตรี ลาออก ซึ่งจะทำให้ ครม.ทั้งชุดต้องพ้นจากตำแหน่ง หลังจากนั้น เข้าสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ รัฐธรรมนูญกำหนดว่า นายกรัฐมนตรี ต้องคัดเลือกมาจากผู้ที่เป็น ส.ส. แนวทางนี้เชื่อว่า ยังมีความวุ่นวายอีกหลายเรื่องตามมา 3).การเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากการวินิจฉัยขององค์กรอิสระ ซึ่งในที่นี้น่าจะหมายถึง ป.ป.ช.เป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันมีหลายคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่า จะมีการวินิจฉัยแต่ละเรื่องออกมาเมื่อใด 4). การหันหน้าเข้าเจรจากัน ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แต่จากการประเมินสถานการณ์เห็นว่า มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก สถานการณ์การเมืองดังกล่าว คาดว่าจะทำให้เกิดแรงกดดันต่อ SET Index ต่อไป โดยหากไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น SET Index น่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบบริเวณ 1,300 - 1,340 จุด
นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 - 28 พ.ย.2556) ต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างหนัก รวมแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. 2556 สูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท หากนับตั้งแต่ต้นปี 2552 นักลงทุนกลุ่มนี้ ยังคงมียอดซื้อสุทธิสะสมสูงถึงราว 4 หมื่นล้านบาท ทำให้เชื่อว่าต่างชาติจะยังคงขายสุทธิหุ้นไทยต่อไป จนกว่าปัจจัยกดดันจากการเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้ น่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา ในช่วงเดือน ธ.ค. จากแรงซื้อของกองทุนต่างๆ เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) เปิดถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าว่า สถานการณ์การเมืองยังทำให้เกิดแรงกดดันต่อ SET Index ต่อไป อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ถือว่าอยู่ภาวะที่ยังหาทางออกไม่เจอ ทั้งนี้แนวทางที่เป็นไปได้ในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ พอสรุปได้ดังนี้คือ 1).ยุบสภาฯ และจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดความตึงเครียดและการเผชิญหน้าลงได้ชั่วคราว 2).นายกรัฐมนตรี ลาออก ซึ่งจะทำให้ ครม.ทั้งชุดต้องพ้นจากตำแหน่ง หลังจากนั้น เข้าสู่กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ รัฐธรรมนูญกำหนดว่า นายกรัฐมนตรี ต้องคัดเลือกมาจากผู้ที่เป็น ส.ส. แนวทางนี้เชื่อว่า ยังมีความวุ่นวายอีกหลายเรื่องตามมา 3).การเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากการวินิจฉัยขององค์กรอิสระ ซึ่งในที่นี้น่าจะหมายถึง ป.ป.ช.เป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันมีหลายคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่า จะมีการวินิจฉัยแต่ละเรื่องออกมาเมื่อใด 4). การหันหน้าเข้าเจรจากัน ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แต่จากการประเมินสถานการณ์เห็นว่า มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก สถานการณ์การเมืองดังกล่าว คาดว่าจะทำให้เกิดแรงกดดันต่อ SET Index ต่อไป โดยหากไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น SET Index น่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบบริเวณ 1,300 - 1,340 จุด
นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 - 28 พ.ย.2556) ต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างหนัก รวมแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. 2556 สูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท หากนับตั้งแต่ต้นปี 2552 นักลงทุนกลุ่มนี้ ยังคงมียอดซื้อสุทธิสะสมสูงถึงราว 4 หมื่นล้านบาท ทำให้เชื่อว่าต่างชาติจะยังคงขายสุทธิหุ้นไทยต่อไป จนกว่าปัจจัยกดดันจากการเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้ น่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา ในช่วงเดือน ธ.ค. จากแรงซื้อของกองทุนต่างๆ เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี