แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค ซื้อคอนโดฯ เพื่อ...ลงทุนระยะสั้น
โบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ค่ายเน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้ โดย "นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์" เอ็มดี จัดทำข้อมูลตลาดคอนโดมิเนียมในเขตมหานครกรุงเทพ ระบุช่วง 2 ปีที่ผ่านมาห้องชุดเติบโตไปตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่เป็นระบบขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งเส้นทางหลักและส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชานเมือง
ข้อมูล ณ ธันวาคม 2554 อุปทานคอนโดฯ ทั้งหมดในกรุงเทพฯ มี 223,371 ยูนิต ขณะที่ไตรมาส 3/56 เพิ่ม 45% เป็น 325,518 ยูนิต พื้นที่สูงสุดคือโซนพระโขนง-สวนหลวง-แบริ่งมีถึง 68,900 ยูนิต โซนพญาไท-รัชดาภิเษกมี 62,400 ยูนิต และโซนติวานนท์-รัตนาธิเบศร์มี 38,300 ยูนิต
พิจารณาโซนที่มีการขยายตัวคอนโดฯ สูงสุด 3 อันดับแรก (ไตรมาส 4/54-ไตรมาส 3/56) ย่านติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ เพิ่มสูงสุด 123% ตามด้วยธนบุรี-ราชพฤกษ์-เพชรเกษม 101% และพระโขนง 59% โดยมีราคาเฉลี่ยในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 89,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อมูลที่น่าสนใจยังรวมถึง "พฤติกรรมผู้บริโภค" พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะระหว่างปี 2549-2554 การลงทุนระยะสั้นในการซื้อคอนโดฯ ได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นการซื้อในช่วงพรีเซลและขายต่อในระหว่างก่อสร้าง บางโครงการสามารถสร้างกำไรได้ถึง 100% นำไปสู่บทสรุปที่ว่า พฤติกรรมผู้บริโภคดังกล่าวทำให้สร้างกลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมา นั่นคือผู้ที่ซื้อคอนโดฯ สำหรับการลงทุนและอาจอยู่เองในอนาคต
มีข้อแนะนำแถมพกถึงเทคนิคการลงทุนในตลาดคอนโดฯ ด้วยว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือจะได้ผลตอบแทน 5-6% ต่อปี...สำหรับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน เน็กซัสฯ คาดว่าจะได้รับผลตอบแทน 7-15% ภายใน 5 ปี ว้าว !