สภาอุตฯท่องเที่ยวมองต้องกำหนดเวลาปฏิรูป
สภาอุตฯท่องเที่ยว มองปฏิรูปต้องกำหนดเวลาที่ชัดเจน ขจัดปัญหาคอร์รัปชั่นถาวร สร้างรอยยิ้มระยะยาว แนะประชาชนมีส่วนร่วม จริงใจ
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยว มองว่า การปฏิรูปการเมืองเพื่อให้การปกครองในระบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้วยการตั้งองค์กร
ขึ้นมาทำหน้าที่ในการปฏิรูปโดยกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน นับว่าเป็นกลไกที่มีความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้
จากนั้นต้องมีกลไกป้องกันการคอร์รัปชั่นให้ชัดเจน และความเห็นยังคงเน้นว่า ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ส่วนจะมีการ
ปฏิรูปการเมืองก่อนหรือหลัง เป็นหนึ่งที่จะต้องระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนต่อไป และที่สำคัญ ภาคธุรกิจท่องเที่ยว อยากเห็นรอยยิ้มถาวร โดยขอเชิญชวนทุกภาคส่วน และประชาชน 60 ล้านคน สร้างรอยยิ้ม ด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจ และต้องจริงใจจริงจังที่จะไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ต้องการเห็นการทำสัญญาประชาคมเพื่อนำไปสู่ปฏิรูปประเทศให้ชัดเจน โดยต้องกำหนดการลดความขัดแย้งของคู่กรณี หลังจากนั้นจึงทำให้เกิดการเลือกตั้งขึ้น โดยสามารถปฏิรูปส่วนหนึ่งก่อนแล้วทำสัญญาประชาคมไว้ เมื่อเลือกตั้งเสร็จก็มาทำต่อ
ขณะที่ นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า จำเป็นที่ไทยจะต้องปฏิรูปการเมือง เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ส่วนจะปฏิรูปอย่างไรนั้น ก็ต้องมาหาข้อสรุปกัน เพราะหากปล่อยไว้นานความเชื่อมั่นของประเทศจะหายไป ประเทศจะเสียโอกาส ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาคนกลางและคนฟังที่สามารถสรุปเหตุผลได้ โดยมีเป้าหมายลดความข้ดแย้งของคนในประเทศ
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยว มองว่า การปฏิรูปการเมืองเพื่อให้การปกครองในระบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้วยการตั้งองค์กร
ขึ้นมาทำหน้าที่ในการปฏิรูปโดยกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน นับว่าเป็นกลไกที่มีความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้
จากนั้นต้องมีกลไกป้องกันการคอร์รัปชั่นให้ชัดเจน และความเห็นยังคงเน้นว่า ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ส่วนจะมีการ
ปฏิรูปการเมืองก่อนหรือหลัง เป็นหนึ่งที่จะต้องระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนต่อไป และที่สำคัญ ภาคธุรกิจท่องเที่ยว อยากเห็นรอยยิ้มถาวร โดยขอเชิญชวนทุกภาคส่วน และประชาชน 60 ล้านคน สร้างรอยยิ้ม ด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจ และต้องจริงใจจริงจังที่จะไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ต้องการเห็นการทำสัญญาประชาคมเพื่อนำไปสู่ปฏิรูปประเทศให้ชัดเจน โดยต้องกำหนดการลดความขัดแย้งของคู่กรณี หลังจากนั้นจึงทำให้เกิดการเลือกตั้งขึ้น โดยสามารถปฏิรูปส่วนหนึ่งก่อนแล้วทำสัญญาประชาคมไว้ เมื่อเลือกตั้งเสร็จก็มาทำต่อ
ขณะที่ นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า จำเป็นที่ไทยจะต้องปฏิรูปการเมือง เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ส่วนจะปฏิรูปอย่างไรนั้น ก็ต้องมาหาข้อสรุปกัน เพราะหากปล่อยไว้นานความเชื่อมั่นของประเทศจะหายไป ประเทศจะเสียโอกาส ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาคนกลางและคนฟังที่สามารถสรุปเหตุผลได้ โดยมีเป้าหมายลดความข้ดแย้งของคนในประเทศ