เอเซียพลัสเล็งหั่นกำไรบจ.ปี 57หากกม.ยืดเยื้อ
บล.เอเซียพลัส เล็งหั่นกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 57 หากการเมืองยืดเยื้อถึงไตรมาส 1 ปีหน้า
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ได้ออกบทวิเคราะห์กลยุทธ์ลงทุนรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค. 2556 โดยประเด็นที่ฝ่ายวิจัยมีความกังวล ก็คือ การชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส. โดยหากเหตุการณ์การเมืองยังดำเนินไม่มีข้อยุติ และยืดเยื้อไปในไตรมาส 1 ปี 2557 ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการที่จะต้องปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 2557 ซึ่งปัจจุบันคาดว่าจะเติบโต 13.26% ได้ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง เช่น ที่เกี่ยวข้องธุรกิจการบิน และการท่องเที่ยว โดยให้เลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศน้อยสุด หรืออิงเศรษฐกิจภายนอก ซึ่งยังได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท จึงเน้นหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ และอาหาร
สำหรับแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่าจะแผ่วลงไป หลังจากที่เทขายอย่างหนักกว่า 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนสถาบันกลับซื้อสุทธิราว 8 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า แรงซื้อของนักลงทุนในกลุ่มนี้ น่าจะมีต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์หน้า รวมทั้งปรากฏการณ์ Windows Dressing ที่มักเกิดขึ้นในช่วงใกล้ปิดไตรมาส 4 ของทุกปี ซึ่งจากสถิติย้อนหลัง 4 ปี ปรากฏว่า นักลงทุนสถาบันจะเป็นผู้ซื้อสุทธิในไตรมาส 4 มูลค่าเฉลี่ยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เฉพาะในเดือน ธ.ค. มีมูลค่าซื้อสุทธิเฉลี่ยเกินกว่า 6 พันล้านบาท โดยปัจจัยหนุนมาจากการซื้อหุ้นเข้ากองทุนประหยัดภาษีในช่วงปลาย
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ได้ออกบทวิเคราะห์กลยุทธ์ลงทุนรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค. 2556 โดยประเด็นที่ฝ่ายวิจัยมีความกังวล ก็คือ การชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส. โดยหากเหตุการณ์การเมืองยังดำเนินไม่มีข้อยุติ และยืดเยื้อไปในไตรมาส 1 ปี 2557 ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการที่จะต้องปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 2557 ซึ่งปัจจุบันคาดว่าจะเติบโต 13.26% ได้ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง เช่น ที่เกี่ยวข้องธุรกิจการบิน และการท่องเที่ยว โดยให้เลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศน้อยสุด หรืออิงเศรษฐกิจภายนอก ซึ่งยังได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท จึงเน้นหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ และอาหาร
สำหรับแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่าจะแผ่วลงไป หลังจากที่เทขายอย่างหนักกว่า 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนสถาบันกลับซื้อสุทธิราว 8 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า แรงซื้อของนักลงทุนในกลุ่มนี้ น่าจะมีต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์หน้า รวมทั้งปรากฏการณ์ Windows Dressing ที่มักเกิดขึ้นในช่วงใกล้ปิดไตรมาส 4 ของทุกปี ซึ่งจากสถิติย้อนหลัง 4 ปี ปรากฏว่า นักลงทุนสถาบันจะเป็นผู้ซื้อสุทธิในไตรมาส 4 มูลค่าเฉลี่ยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เฉพาะในเดือน ธ.ค. มีมูลค่าซื้อสุทธิเฉลี่ยเกินกว่า 6 พันล้านบาท โดยปัจจัยหนุนมาจากการซื้อหุ้นเข้ากองทุนประหยัดภาษีในช่วงปลาย