จับสัญญาณ "เล่นทอง" ปีม้า ฝ่าวิกฤตยุคมืด-ทิศทางราคาดิ่งต่อ

จับสัญญาณ "เล่นทอง" ปีม้า ฝ่าวิกฤตยุคมืด-ทิศทางราคาดิ่งต่อ

จับสัญญาณ "เล่นทอง" ปีม้า ฝ่าวิกฤตยุคมืด-ทิศทางราคาดิ่งต่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในรอบปี 2556 นี้ ถือเป็นช่วงแห่งการปิดฉากยุคเฟื่องฟูของทองคำอย่างแน่นอนแล้ว เพราะตลอดทั้งปีราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

จากเมื่อ 2 มกราคม 2556 ซึ่งอยู่ที่ 1,695 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 24,350 บาท ก็ร่วงลงมาอยู่จุดต่ำสุดที่ระดับ 1,180 เหรียญ (บาทละ 17,850 บาท) ในวันที่ 28 มิ.ย.

ดังนั้น การปรับตัวลดลงดังกล่าวจึงถือเป็นการ "เบรกจังหวะทองคำขาขึ้น" ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 12 ปีก่อนหน้า จนทำให้มีการเก็งกำไรอย่างคึกคัก ดันราคาพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1,921 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (บาทละ 27,100 บาท) ในวันที่ 6 ก.ย.2554

อย่าง ไรก็ตาม แม้ทองคำปี 2557จะไม่ใช่ขาขึ้นแต่ผู้เชี่ยวชาญและผู้ค้าทองรายใหญ่มีความเห็นว่า นักลงทุนยังสามารถสร้างกำไรจากการลงทุนทองคำได้อยู่ เพียงแต่จะต้องจับจังหวะการลงทุน วางกลยุทธ์ และเข้าใจปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น

ศูนย์วิจัยทองแนะจับตา QE-ค่าบาท

นายกมล ธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า การลงทุนทองคำในปี 2557 มีปัจจัยเสี่ยงหลัก 2 ประการที่นักลงทุนควรจับตา ได้แก่ การลดอัดฉีดเม็ดเงินตามมาตรการทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงผลการประชุมเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า จะมีการลดขนาดมาตรการในเดือนมกราคม 2557 ลงอย่างแน่นอน

ดังนั้น สภาพคล่องที่เคยลงทุนในทองคำก็มีแนวโน้มจะถูกถอนออกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองปรับตัวลดลง

ส่วน ปัจจัยรองลงมา คือ "ค่าเงินบาท" ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปีหน้า เนื่องจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัว เพราะทั้งภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคที่ไม่ดีนักในไตรมาสที่ 4/56 และสะท้อนไปยังไตรมาส 1-2/57 จนส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าลดลง และทำให้ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณอาจมีต้นทุนที่สูง ขึ้น

"ประเด็น ที่จะมีผลต่อราคาทองคำมากยังคงหนีเรื่องของการลด QE ไม่พ้น เพราะการประชุมตลอดทั้งปีหน้าของเฟดน่าจะมีการปรับลดขนาด QE อย่างต่อเนื่อง เพราะคณะกรรมการชุดนี้เป็นสายเหยี่ยว ไม่เหมือนกับปีนี้แน่" นายกมลธัญกล่าว

กองทุน-รายย่อยรอช้อนทองดิ่ง 100 เหรียญ

นาย ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวว่า สำหรับในปี 2557 ประเมินว่า ปริมาณสินค้าทองคำจากเหมืองทั่วโลกที่จะออกสู่ตลาดน่าจะยังอยู่ในระดับสูง เพราะในช่วงที่ผ่านมาราคาทองเป็นขาขึ้นโดยตลอด จึงทำให้เหมืองต่าง ๆ ที่วางแผนการขุดระยะยาว 3-5 ปี ยังคงต้องนำทองคำออกมาขายทอดตลาด

อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณการขุดทองจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องแต่เชื่อว่าในด้านความต้องการ (ดีมานด์) ของนักลงทุน ทั้งกองทุนขนาดใหญ่อย่าง SPDR และนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการซื้อทองคำแท่งเพื่อการลงทุนในระยะยาว รวมถึงทองรูปพรรณเพื่อการสวมใส่ จะยังสนใจเข้ามาซื้อแน่นอน โดยเฉพาะหากราคาร่วงลงไปหนัก ๆ เป็น 100 เหรียญสหรัฐ

"ในปีหน้าเชื่อ ว่านักลงทุนจะเข้ามาซื้อ Physical Gold แน่นอน หากราคาปรับตัวลดลงแรง โดยประเทศที่เป็นผู้นำเข้าหลักอย่างเช่นประเทศจีน กลุ่มประเทศในยุโรป รวมถึงประเทศไทย จะยังคงมีการนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้นในปีหน้า ซึ่งพบว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาประเทศไทยมียอดนำเข้าทองคำสูงถึง 35.6 ตัน เรียกว่าเป็นผู้นำเข้าอันดับ 4 ของโลก ซึ่งน่าจะเป็นเพราะหลายคนยังเห็นโอกาส และต้องการสะสมในระยะยาว" นายทรงวุฒิกล่าวและว่า

สำหรับกรอบการลงทุนทองคำในปี 2557 ประเมินว่าน่าจะมีกรอบแนวรับล่างสุดที่ระดับ 1,050 เหรียญ (บาทละ 16,300 บาท) และกรอบบนสุดไม่เกิน 1,450 เหรียญ (บาทละ 22,500 บาท) ซึ่งสำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังเป็นโอกาสให้สามารถเข้ามาซื้อสะสมได้

กลยุทธ์ลงทุนทองรับราคาแตะหน้าเหมือง

นาง พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า สำหรับในปี 2557 ประเมินว่าราคาทองจะมีทิศทางเป็นขาลง ประเมินแนวรับแรกที่ 1,100 เหรียญ (บาทละประมาณ 17,000 บาท) แต่กรณีเลวร้ายที่สุดมีโอกาสจะลดลงไปต่ำกว่าราคาหน้าเหมืองที่ 980 เหรียญ (บาทละ 16,000 บาท) ได้ ส่วนแนวต้านแรกประเมินว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,420 เหรียญ (บาทละกว่า 22,000 บาท) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังสามารถลงทุนได้แม้ราคาจะอยู่ในช่วงขาลง แต่ต้องหาจังหวะซื้อ เพราะราคาอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ

"ในช่วง 3-5 ปีหลังจากนี้ ทองคำจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ตามแนวโน้มทองคำขาลง ซึ่งความจริง2 ปีที่ผ่านมาเราก็เข้าสู่วัฏจักรนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ราคามันยังเป็น Side Way ดังนั้นจากนี้ไปเราจะเห็นราคาต่ำลงได้อีก ซึ่งนักลงทุนต้องวางกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมตามกรอบที่ประเมินไว้" นางพวรรณ์กล่าว

ขณะที่ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ประเมินราคาทองคำปี 2557 ว่าน่าจะมีแนวรับที่ระดับ 1,050 เหรียญ (บาทละ16,800-17,000 บาท) และแนวต้านที่ 1,450 เหรียญ (บาทละกว่า 2 หมื่นบาท) เนื่องจากยังมีปัจจัยลบกดดันราคาอยู่

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนทองคำใน ปีหน้า แนะนำว่า นักลงทุนระยะสั้นควรเลือกลงทุนทองคำแท่งที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป เนื่องจากนักลงทุนจะไม่ต้องเสียค่ากำเหน็จ ช่วยให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่ม ขณะเดียวกันนักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากการลงทุนสัญญาการซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในช่วงตลาดขาลงได้ ตามกรอบการลงทุนที่แนะนำในแต่ละช่วง อย่างไรก็ตาม ควรลงทุนทองคำในสัดส่วนประมาณ 10-15% ของพอร์ตลงทุนเท่านั้น

ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ถือเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อเพื่อถือครอง เพราะราคาในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำจนใกล้เคียงกับราคาหน้าเหมืองแล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงเพื่อสะสมความ มั่งคั่ง

"การลงทุนทองในปีหน้า นักลงทุนระยะกลาง-ยาวที่มีเงินเย็น ควรใช้วิธีทยอยซื้อช่วงที่ราคาร่วงลงมาต่ำจนน่าพอใจ แล้วถือครองเก็บไว้ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องซื้อขายทุกวันเพื่อเก็งกำไร เพราะตลาดในช่วงขาลง นักลงทุนควรจะซื้อเมื่อมั่นใจว่ามีโอกาส ไม่ควรไปกับพนันราคา" นายกมลธัญกล่าว

แม้ตลาดทองปีม้าจะเข้าสู่ "ยุคมืด" แต่ก็มีโอกาสลงทุน ดังนั้นหากวางแผนให้เหมาะสม ก็ยังสามารถทำกำไรต่อเนื่องได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook