ทำธุรกิจคาร์แคร์ ดีไหม?

ทำธุรกิจคาร์แคร์ ดีไหม?

ทำธุรกิจคาร์แคร์ ดีไหม?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายต่อหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ประเทศไทยนั้นเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในระดับ Top 5 เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบรรทุกประเภท 1 ton pick-up หรือที่คนไทยเรียกกันว่า รถปิคอัพ หรือรถกระบะนั้น ประเทศไทยสามารถผลิตได้หลายล้านคันต่อปี

ส่วนในแง่ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยนั้น ในปี 2555 เมื่อรวมรถกระบะ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคุลทั้งหมด จะมีสูงกว่า 1 ล้านคันต่อปี ซึ่งเติบโตมหาศาลในช่วง 1-2 ปี หลัง เนื่องจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ที่ช่วยส่งให้ยอดขายรถภายในประเทศเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล

เมื่อยอดขายรถยนต์เติบโตขึ้น ก็ทำให้อุตสาหกรรมที่เป็นต้นน้ำ หรือต้นทางของการผลิตรถยนต์ นั่นคือ พวกโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ก็โตขึ้นอย่างมหาศาล ถึงกับต้องวางแผนขยายกำลังการผลิต ด้วยการสร้างโรงงานใหม่ หรือซื้อโรงงานคู่แข่งกันเลยทีเดียว

นอกจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จะขยายตัวได้อย่างดีแล้ว ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่เป็น ปลายน้ำ หรือปลายทางของการผลิตรถยนต์ นั่นคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การบำรุงดูแลรักษารถยนต์ หรือ ธุรกิจคาร์แคร์นั่นเอง

ด้วยสภาพสังคมในปัจจุบัน ที่ประชากรในวัยทำงานมีเวลาส่วนตัวน้อยลง ไหนจะต้องเอาเวลาไปดูแลครอบครัว และดูแลสุขภาพตัวเอง ทำให้ธุรกิจคาร์แคร์ เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเมืองมากขึ้น ดังจะเห็นได้ว่า เจ้าของรถมีแนวโน้มที่จะล้างรถด้วยตัวเองน้อยลง และมักจะนำไปล้างตามศูนย์บริการต่างๆ

หลังจากเอารถไปฝากก็ ไปเดินเที่ยวห้าง หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัว แล้วค่อยมารับรถทีหลัง ทำให้ธุรกิจคาร์แคร์ ดูจะเข้ากับกับ Lifestyle ของคนเมืองได้เป็นอย่างดี

รูปแบบของธุรกิจคาร์แคร์
ธุรกิจคาร์แคร์สามารถแบ่งได้ 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1. ล้างทำความสะอาดรถอย่างง่าย

ธุรกิจในกลุ่มนี้ เป็นธุรกิจที่ง่ายที่สุดที่จะสร้างธุรกิจขึ้นมา เพราะใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ในแง่ของการให้บริการก็อาจจะทำไม่ได้เต็มที่ และไม่สามารถทำความสะอาดได้ครบวงจร รวมถึงค่าบริการต่อครั้ง ก็อาจจะไม่สามารถตั้งราคาสูงได้ โดยเราอาจจะพบเห็นทั้งแบบที่ให้แรงงานคนอย่างเดียวในการล้าง และแบบที่ใช้เครื่องไม้เครื่องมือด้วยก็ได้

2. ล้างทำความสะอาดรถแบบครบวงจร

นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ การล้างทำความสะอาดของธุรกิจนี้ จะครอบคลุมถึงการทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร อาจจะรวมถึงการเทขยะ และดูดฝุ่น เพื่อให้สภาพภายในห้องโดยสารมีความสะอาดไปด้วย ไม่ใช่สะอาดเงาวับ แต่เพียงตัวบอดี้ของรถ ค่าบริการต่อครั้งอาจจะอยู่ที่ 150-200 บาทขึ้นไป

3. ซ่อมบำรุงรถ

รูปแบบธุรกิจคาร์แคร์แบบซ่อมบำรุงรถ เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างไปจาก 2 รูปแบบแรก โดยในรูปแบบนี้ จะเน้นไปที่การซ่อมบำรุง มากกว่าที่จะทำความสะอาดทั่วไป ซึ่งค่าบริการก็จะสูงกว่าแบบแรก แต่ลูกค้าประจำจะไม่ได้มาที่ร้านบ่อยเท่า 2 แบบแรก เพราะจะมาเมื่อรถเสียเท่านั้น โดยธุรกิจนี้จะอาศัยความชำนาญของช่าง แทนที่จะเป็นพนักงานทั่วไป

4. ขายอุปกรณ์คาร์แคร์แบบ DIY

ลูกค้าบางกลุ่ม อาจจะไม่ชอบการนำรถไปล้างที่ร้าน เพราะมองว่าค่าบริการมีราคาค่อนข้างสูง ไม่คุ้มกับเงินในกระเป๋าที่จ่ายไป และบางกลุ่มก็คิดว่าตนเองมีเวลาดูแลรักษารถเอง ทำไมต้องไปล้างที่ร้านด้วย คนเหล่านี้ ก็จะเลือกการซื้ออุปกรณ์ประเภท DIY (Do It Yourself) หรือล้างรถด้วยตัวเองที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแชมพูล้างรถ ผ้าชามัวร์ หรือผลิตภัณฑ์เคลือบเงารถ ซึ่งก็อาจจะเป็น อีกกิจกรรมหนึ่งที่คนรักรถชื่นชอบ

จุดเด่นของธุรกิจคาร์แคร์
ธุรกิจคาร์แคร์มีจุดเด่น ดังนี้

1. เริ่มต้นง่าย

ธุรกิจคาร์แคร์มีตั้งแต่รูปแบบที่ลงทุนหลักหมื่นบาท เช่น ร้านล้างรถแบบง่ายๆ ไม่ใช้เครื่องมือไปจนถึง หลักล้าน เช่น ร้านล้างรถแบบครบวงจรในทำเลใจกลางเมือง หรือร้านที่ให้บริการซ่อมบำรุง เช่น BQUIK จึงทำให้นักธุรกิจมีทางเลือกที่หลากหลาย ในการลงทุน และสร้างธุรกิจได้

2. คนไทยเป็นพวกรักรถ

Jack Welsh อดีต CEO ของ General Electric หรือ GE เคยกล่าวตอนขยายธุรกิจลีสซิ่ง เข้ามาในประเทศไทย ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ไว้ว่า "คนไทยรักรถ ยิ่งกว่าบ้านของตัวเองซะอีก ถ้าให้พวกเค้าเลือกทิ้งบ้าน กับทิ้งรถ เค้าคงจะเลือกทิ้งบ้าน แล้วผ่อนรถต่ออย่างแน่นอน" คำกล่าวนี้คงบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า คนไทยรักรถมากแค่ไหน

3. ปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

หลังจากที่มาตรการรถคันแรกของรัฐบาลถูกบังคับใช้ในปี 2554-2555 ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล รถใหม่ๆ เหล่านี้เป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจคาร์แคร์ ทำให้ธุรกิจนี้ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูง และน่าลงทุน

4. ความต้องการมืออาชีพในการดูแลรถ

อาจจะเรียกได้ว่าหมดยุคของอู่ซ่อมรถแบบเดิมๆแล้วก็ได้ เพราะทุกวันนี้เจ้าของรถต่างแสวงหาบริการที่เหนือกว่าจากร้านซ่อมบำรุงประเภทเดียวกับร้าน BQUIK เพราะเค้ามองว่าส่วนใหญ่อู่ซ่อมรถ มักจะมีวัตถุประสงค์บางอย่างแอบแฝงกับการซ่อม เช่น ซ่อมอย่างนึง วางยาให้อีกอย่างนึงพัง หรือที่ไม่พังก็บอกให้เปลี่ยน จะได้เสียค่าบริการมากๆ ธุรกิจคาร์แคร์แบบมืออาชีพ จึงเข้ามามีบทบาท เพื่อเติมเต็มความต้องการตรงจุดนี้

5. สำหรับร้านล้างรถ ไม่ต้องการแรงงานที่มีทักษะมากนัก

เจ้าของร้านล้างรถ จะไม่ต้องปวดหัวกับเวลาที่พนักงานออกแล้วหาคนมาแทนไม่ได้ เพราะต้องมีการ Training พนักงานก่อน แต่สำหรับร้านล้างรถนั้นไม่จำเป็น เพราะพนักงานล้างรถไม่จำเป็นต้องมีทักษะมากนัก ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้

ปัจจัยสู่ความสำเร็จของ ธุรกิจคาร์แคร์
1. ทำเล

"ทำเล เป็นกุญแจสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ และโดยปรกติแล้ว ผู้ประกอบการมักจะสร้างชื่อ และความน่าเชื่อถือของเค้าจากจุดนั้น" เป็นคำพูดของ Phyllis Schlafly นักกฎหมายมหาชน และนักเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมกันของ ชาย หญิง

ทำเล มีความสำคัญกับธุรกิจทุกธุรกิจ เพราะมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า จะมีคนเข้าร้านของเรามากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่พบเจอกับลูกค้าโดยตรง หรือ Business to Customer (B 2 C)

สำหรับทำเลที่เหมาะสมกับธุรกิจคาร์แคร์ที่สุด คือ ใกล้ปั๊มน้ำมัน เพราะรถทุกคันต้องไปเติมน้ำมัน และปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่มักจะยังไม่มีร้านคาร์แคร์อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าปั๊มน้ำมันนั้นยังไม่มีร้านคาร์แคร์อยู่ การเปิดร้านคาร์แคร์ใกล้ๆปั๊มน้ำมัน จึงเป็นทำเลที่ดีมาก

2. การทำธุรกิจครบทุก line

"ทุกสิ่งทุกอย่างแฝงความงามเอาไว้อยู่ แต่น้อยคนนักที่จะมองเห็นมัน" เป็นคำพูดของ Confucius นักปราชญ์ ชาวจีน

มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าลูกค้าเข้ามาในร้านล้างรถของคุณแล้วถามว่าปะยางได้มั้ย แล้วคุณตอบว่าได้ ล้างแอร์ได้มั้ย แล้วคุณก็ตอบว่าได้ ตั้งศูนย์ถ่วงล้อได้มั้ย คุณก็ยังคงตอบว่าได้ เพราะร้านของคุณให้บริการได้แบบครบวงจร รายได้ของธุรกิจคุณก็จะทวีคูณ

เพราะใครจะรู้ว่า ระหว่างล้างรถอยู่คุณอาจจะพบว่ายางรถของลูกค้ารั่วอยู่ แอร์รถลูกค้าไม่เย็น หรือแม้แต่ล้อไม่ตรงก็ตาม มันคงจะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ และเป็นจุดแข็งของธุรกิจคุณอย่างแน่นอน

3. ที่พักผ่อนรอสำหรับลูกค้า

"แท้จริงแล้วชีวิตเป็นเรื่องง่าย แต่ตัวเราต่างหาก ที่ยืนยันว่าจะทำมันให้ยุ่งยากซับซ้อน" เป็นคำพูดของ Confucius นักปราชญ์ ชาวจีน

ที่พักผ่อนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญ และเราก็ควรจะให้ความสำคัญกับมันเช่นกัน ถ้ามีมุมสบายๆ เก้าอี้ดีๆ ให้ลูกค้านั่ง มีกาแฟหอมๆ มาเสิร์ฟให้กับลูกค้าระหว่างนั่งรอรับบริการ ลูกค้าก็คงจะมีความสุขไม่น้อย การมาใช้บริการ ธุรกิจคาร์แคร์ ของเราซ้ำก็คงจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก http://shoplri.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook