เดอะมอลล์ ก้าวต่อไปต้องไม่ธรรมดา ทีมใหม่-เลือดใหม่ เขย่าปรากฏการณ์ค้าปลีก
การเคลื่อนทัพลุยสมรภูมิค้าปลีกของกลุ่ม "เดอะมอลล์" นับจากนี้ คือต้องเติบโตและเดินไปพร้อมกัน ทั้งการลงทุนศูนย์การค้าใหม่ที่ไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในกรุงเทพฯอีกต่อไป รวมไปถึงการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสาขาปัจจุบัน
ที่ผ่านมาภาพการ ลงทุนของกลุ่มเดอะมอลล์ อาจจะดูไม่แอ็กเกรสซีฟและร้อนแรงเมื่อเทียบกับคู่แข่งตลอดกาล "กลุ่มเซ็นทรัล" ที่สยายปีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แต่ความ เคลื่อนไหวของกลุ่มเดอะมอลล์กลับไม่ได้นิ่งและเงียบตามที่เห็น ด้วยสไตล์การลงทุนในรูปแบบ "ซุ่มเงียบ" เห็นได้จากการเก็บที่ดินไว้ในมือหลายทำเล สำหรับปั้นโครงการในอนาคต รวมถึงรอความพร้อมของทีมงานใหม่-เลือดใหม่ที่กำลังซุ่มฟูมฟักเพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแรงและเดินหน้าไปพร้อมกัน
ไม่เพียงโปรเจ็กต์ยักษ์ 2 หมื่น ล. อาณาจักรค้าปลีก 6.5 แสน ตร.ม. เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ที่เพิ่งประกาศตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วนั้น ยังมีที่ดินแปลงงามสำหรับโครงการใหม่ต่อจากนี้ อาทิ บางนา, ภูเก็ต และหัวหิน เป็นต้น
หัวเรือใหญ่กลุ่มเดอะมอลล์ "คุณแอ๊ว" ศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพว่า ทิศทางทำธุรกิจของกลุ่มเดอะมอลล์ต้องไปควบคู่กัน ทั้งสาขาเดิมที่ต้องทำให้แข็งแรงที่สุด ใครมาเปิดแข่งเราก็ไม่กลัว รวมถึงสาขาใหม่ แม้ว่าเราจะไม่ปูพรมไปในทุกพื้นที่ แต่ทุกที่ที่เราไปต้องเป็นที่ 1 โครงการที่ขยายต้องหา The Best ให้ได้ เลือกทำเฉพาะสิ่งที่ชัวร์ โดดเด่น และต้องคุ้มค่า ของธรรมดาไม่ทำ และภายในองค์กรกำลังมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เขย่ารอบใหม่ด้วยทีมงานใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเสริม
"ตอน นี้เรามีแผนงานมากพอของเดอะมอลล์ เพราะว่าคู่แข่งเราขยายเร็วมาก ไม่มีทางตามทัน ก็ต้องใช้อีกกลยุทธ์หนึ่ง ทำยังไงให้มันพิเศษและโดดเด่น ก้าวอย่าง Sustainable Growth มั่นคง
ไม่อยากเป็นหนี้เยอะ ทำให้แต่ละโครงการที่ลงทุนต้องเลี้ยงตัวเองได้ เพราะเราไม่มีลูกหลานมารับหนี้ (หัวเราะ) ต้องสร้างซักเซสเซอร์ ใกล้เคียงแล้ว ใกล้เสร็จหมด...เป็นอีกมิสชั่นหนึ่งที่สำคัญมาก"
"ศุภลักษณ์" ขยายความว่า โครงสร้างองค์กรใหม่ ทีมใหม่ ยังบลัดใหม่เหล่านี้ เป็นการเปลี่ยนเพื่อสู่ยุค The Next Decade
ตอนนี้เราผ่านมา 3 Decade แล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่ออีก 2 Decade รุ่นเรารับช่วง 30 ปี อีกรุ่นหนึ่งต้องมารับงานต่ออีก 20 ปี หรือ 15 ปี และส่งสู่รุ่นต่อ ๆ ไป จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ "เดอะมอลล์ กรุ๊ป"ต้องสร้างทีมผู้บริหารครั้งใหญ่
ตลอดช่วง 1-2 ปี จึงเห็นภาพการดึงมือดี-คนเก่งในหลากหลายวงการเข้ามาเสริมทีมอย่างต่อเนื่อง และเร่งปรับโครงสร้างใหม่ครั้งสุดท้ายเพื่อรองรับนิวโปรเจ็กต์ทั้งหมด รวมถึงการอัดหลักสูตรเร่งรัดทายาทรุ่นที่ 3 อย่าง วิภา อัมพุช ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส Corporate Image หรือฝั่ง "ภัทรประสิทธิ์" อย่าง วรามาศ ภัทรประสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส Food Development แม้ต้องใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกระยะหนึ่ง แต่มีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในเวลาอันใกล้
"ช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา เดอะมอลล์อาจไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ เพราะมีจุดอ่อนเรื่อง คน ผู้บริหารตามโครงสร้างเดิมล้วนเป็นคนรุ่นบุกเบิก อายุมากกว่า 50 ปี ขาดช่วงต่อของคนอายุ 40 ปี และนักบริหารรุ่นใหม่ และตอนนี้เราพร้อมแล้วทั้งทีมงานและบิ๊กโปรเจ็กต์ที่รออยู่"
หัวเรือใหญ่เดอะมอลล์ กรุ๊ปเล่าว่า การสร้างทีมใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคตนั้นแบ่งเป็น 3 ทีมหลัก คือ กองหน้าที่มีคุณกบ (เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ) และคุณแมทธิว (แมทธิว กิจโอธาน) เป็นหัวหอกหลักในการบุกและปั้นโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ขณะที่กองกลาง มีคุณแจ็คกี้ (จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล) มือดีจากโซนี่ไทย, คุณชัยโรจน์ (ชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล) จากแซมโซไนท์ และคุณวรลักษณ์ (วรลักษณ์ ตุลาภรณ์)จากซิตี้แบงก์ เข้ามาเสริมทัพ รวมถึงคนที่ออกไปแล้วก็กลับมาอีกรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เติบโตเต็มที่ช่วงวัย 30-40 ปี ที่พร้อมจะออกสนามรบได้เต็มที่ จากภาพลักษณ์เดิมของเดอะมอลล์ที่เป็นช่วงวัย 50 ปีเป็นผู้บริหาร แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
พร้อมกันนี้ได้ยกตัวอย่าง ซีเอฟโอ ขององค์กรในวัยเพียง 30 ปีกว่า ๆ ซึ่งจะได้เห็นคนรุ่นใหม่เหล่านี้ทยอยเข้ามาอย่าง
ต่อ เนื่องตลอดช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงทีมหลังบ้าน ที่สำคัญไม่แพ้กันทั้งส่วนออฟฟิศและการเงิน ซึ่งทีมการเงินจะมีบทบาทมาก โดยเฉพาะปีหน้าที่จะมีการลงทุนหลักหมื่นล้านอีกหลายโครงการ
อย่างไรก็ตามในการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่นี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ปได้โปรโมตตำแหน่งผู้บริหารเดิมยกแผง อาทิ นายพีระ อัศวาภิรมย์ ขึ้นเป็นรองประธานกรรมการบริหาร และนายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป เป็นต้น
"เรียกได้ว่าเป็นความครบทั้งทีมบู๊และทีมบุ๋น อย่างที่รับรู้กัน กลุ่มเดอะมอลล์ไม่ได้มีลูกหลานในครอบครัวเยอะ และโตพอที่จะเข้ามาช่วยงานได้ในตอนนี้ มืออาชีพและโปรเฟสชั่นนอลจากข้างนอกจึงเป็นคำตอบที่ลงตัว และทุกสายก็มีตัวหลักเข้ามาเสริมในทุกจุด ทำให้เราพร้อมสำหรับที่จะเดินลุยไปข้างหน้า"
ที่สำคัญทุกคนที่เข้ามาร่วมทีมยังบลัดนี้ "คุณแอ๊ว" เล่าว่า คัดเองกับมือ เป็นการคัดเอง ดูเอง เชิญเอง ชวนเองทั้งสิ้น หรือบางคนก็อยากมาทำงานกับเรา ก็มีออกปากขอมาทำงานด้วยกัน เพราะเราก็ขยายงานออกไปเยอะ มีอะไรที่ท้าทายให้ทำตลอด รวมถึงผลงานที่ออกมาในแต่ละศูนย์การค้าที่เปิดก็เป็นตัวกระตุ้นให้คนรุ่น ใหม่ ๆ ไฟแรง อยากที่จะมาร่วมงานด้วย
"คนรุ่นใหม่เหล่านี้ ต้องการชาแลนจ์และมีความภูมิใจกับเนื้องานที่ออกมา ซึ่งแตกต่างและโดดเด่น และบริษัทเราก็กำลังเติบโตและขยายตัวไปในทางที่ดี รวมถึงธุรกิจรีเทลเป็นสิ่งน่าสนใจ มีความหลากหลายทำให้ทีมที่เรามีในตอนนี้มีความแข็งแกร่งและหลากหลายในสายงาน มารวมกัน"
พร้อมเล่าย้อนให้ฟังถึงการจีบเขยช่อง 3"แมทธิว" เข้ามาร่วมทีมว่า อยากชวนมาทำงานตั้งแต่สมัยอยู่ไมเนอร์แล้ว รู้จักกันมานานแล้ว และคุณแมทธิวเป็นคนที่เก่งมาก เป็นคนเก่งรุ่นใหม่และไฟแรง เรียนรู้เร็วมาก แต่คุณแมทธิวก็มีภาระเยอะที่ต้องช่วยครอบครัว โดยจะมาดูงานในเชิงกลยุทธ์และดีลกับโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ ส่วนในงานรูทีนก็จะมีอีกทีมเข้ามาเสริมกัน เช่นเดียวกับตัวคุณแอ๊วเองที่ตอนนี้ไม่ได้ดูงานทั่วไปแล้ว จะดูในเชิงกลยุทธ์เป็นหลัก
เมื่อกองทัพกลุ่มเดอะมอลล์พร้อม ในส่วนของเงินทุนก็สำคัญไม่แพ้กันในการที่จะขับเคลื่อนทัพ หัวเรือใหญ่เดอะมอลล์ กรุ๊ปกล่าวว่า จากนี้ภาพเงินลงทุนจะชัดขึ้นว่าจะมาจากทางไหน เพราะตอนนี้เราวางแผนและดูภาพรวมอยู่ว่า แต่ละโครงการหลังจากนี้จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ อย่างไร ปี 2557 จะออกมาชัด
ที่ ผ่านมาอาจจะเว้นช่วงไม่ได้ลงทุนมาพักใหญ่ แต่จะโหมหนักจากนี้ในการขยายออกไป ซึ่งการขยายสาขายังคงยึดแนวทางเดิม คือไม่ไปแบบปูพรม แต่ทุกจุดที่ไปต้องเป็นทำเลหลักและจุดสำคัญเท่านั้น เป็นทำเลและโครงการที่เป็นยุทธศาสตร์หลัก
เรื่องไฟแนนซ์ไม่ใช่ปัญหา หลัก แต่จะดูความเหมาะสมว่าแต่ละโครงการจะใช้การลงทุนในรูปแบบไหน อย่างไร ซึ่งโครงการที่เราทำส่วนใหญ่ก็ลงทุนได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ปี 2557 ที่มีการลงทุนใหญ่หลายแห่งอาจคงต้องมาดูกันอีกทีว่าจะใช้กลไกการเงินแบบไหน รวมถึงดูสภาพเศรษฐกิจในประเทศรวม ๆ กัน การเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่เราก็ผ่านอะไร ๆ มาเยอะแล้ว นัก ลงทุนก็เข้าใจและมองว่าเมืองไทยเป็น หนึ่งในประเทศที่น่าเข้ามาลงทุนมากที่สุดในเอเชีย แม้ว่าจะมีคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย แต่ทำเลเมืองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
ที่ผ่านมาคนอาจจะมองและเห็น ภาพเดอะมอลล์ว่า โฟกัสที่กรุงเทพฯเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วมันอยู่ที่จังหวะและช่วงเวลา ที่ที่เราจะไปมันอาจไม่ใช่ไทมิ่งที่เร็วที่สุด แต่จะเป็นไทมิ่งที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับสไตล์การทำงาน ถ้าไม่พร้อมเราจะไม่เปิดตัว และทันทีที่เปิดปีใหม่ขึ้นมา กลุ่มเดอะมอลล์เตรียมแถลงครั้งสำคัญสำหรับยุทธศาสตร์การลงทุนทั้งโครงการใหม่ที่เตรียมปักธงหลังจากนี้ รวมถึงอัพเกรดโครงการเดิม ในช่วงกลางเดือนมกราคม
เมื่อการแข่งขันทำให้เกิดการขยาย และเป็นตัวเร่งให้เดอะมอลล์ต้องเร่งขยาย...ก้าวต่อไปของ "เดอะมอลล์ กรุ๊ป" ต้องไม่ธรรมดา