ยักษ์อสังหาฯซื้ออาบอบนวดขึ้นคอนโดฯ "ศุภาลัย" ควักพันล้านซื้อที่ชวาลาขึ้นคอนโดฯไฮเอนด์
ที่ดินในเมืองหายาก ยักษ์อสังหาฯซื้ออาบอบนวดขึ้นคอนโดฯ "ศุภาลัย" ยอมควักกว่า 1.2 พันล้าน คว้าที่แปลงเด็ด "ชวาลา" เนื้อที่กว่า 5 ไร่ ติดถนนศรีอยุธยา ห่างบีทีเอส-แอร์พอร์ตลิงก์พญาไท 600 เมตร เตรียมขึ้นคอนโดฯไฮเอนด์ 30 ชั้น ราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 1.1-1.2 แสนบาท เปิดตัวไตรมาส 3 นี้
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจความเคลื่อนไหวการซื้อขายที่ดินของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ระดับบิ๊กแบรนด์ พบประเด็นที่น่าสนใจว่า จากปัญหาที่ดินย่านใจกลางเมืองเกาะแนวรถไฟฟ้าที่มีจำกัด และราคาซื้อขายอยู่ในระดับที่สูง จากเดิมที่ผู้ประกอบการใช้วิธีเคาะประตูซื้อบ้านพักอาศัย ประมูลซื้อสถานทูต หรือซื้อปั๊มน้ำมันเพื่อทุบทิ้งทำคอนโดมิเนียม ล่าสุดมีปรากฏการณ์การซื้อที่ดินซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอาบอบนวด แล้วรื้ออาคารเก่าทิ้งเพื่อสร้างเป็นคอนโดฯ
แหล่งข่าวจากวงการพัฒนาที่ดินเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เกิดดีลซื้อขายที่ดินแปลงใหญ่ติดถนนศรีอยุธยากว่า 5 ไร่ ด้านข้างติดกับอาคารสร้างค้างเดอะ วิคตอรี่ ไฮท์ ซึ่งน่าจะเป็นที่แปลงใหญ่ผืนสุดท้ายบนถนนสายนี้ โดยบริษัทที่ซื้อไปคือ บมจ.ศุภาลัย ซึ่งทุ่มเงินก้อนใหญ่ในราคาเฉลี่ยตารางวาละกว่า 6 แสนบาท ที่น่าสนใจคือที่ดินแปลงดังกล่าวเดิมเคยเป็นที่ตั้ง "ชวาลา" สถานบริการอาบอบนวดชื่อดัง ถือเป็นเทรนด์ใหม่ของวงการอสังหาฯ คาดว่า บมจ.ศุภาลัยจะนำมาพัฒนาเป็นโครงการคอนโดฯระดับไฮเอนด์
ศุภาลัยชี้ทำเลมีศักยภาพ
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปลายปีที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวเข้ามาจริง หลังจากใช้เวลาพูดคุยมาประมาณ 2-3 เดือน ขนาดเนื้อที่ของที่ดินมีทั้งหมดกว่า 5 ไร่ ราคาซื้อขายเฉลี่ยตารางวาละกว่า 6 แสนบาท เบ็ดเสร็จใช้เงินทั้งหมดกว่า 1.2 พันล้านบาท โดยราคาที่ดินถือว่าสมเหตุสมผลกับศักยภาพ คือ 1)อยู่ในทำเลใจกลางเมือง ใกล้โรงพยาบาล 2)อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า 2 สาย คือบีทีเอส และแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีพญาไท ประมาณ 600 เมตร 3)มีคู่แข่งน้อยเนื่องจากที่ดินมีจำกัด
"พอทราบมาบ้างว่าที่ดินแปลงนี้ แต่เดิมเป็นอาบอบนวดชวาลามาก่อน แต่ภายหลังถูกซื้อขายเปลี่ยนมือมาแล้วรอบหนึ่ง ก่อนที่บริษัทจะเข้าซื้ออีกทอดหนึ่ง"
คอนโดฯหรู ตร.ม.ละแสนต้น ๆ
หลังจากนี้บริษัทวางแผนพัฒนาเป็นคอนโดฯระดับไฮเอนด์ 1 อาคาร สูงประมาณ 30 ชั้น เนื่องจากผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (กทม.) ฉบับปัจจุบัน กำหนดเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อเนื้อที่ดิน หรือเอฟเออาร์ (FAR : Floor Area Ratio) 6-7 : 1 คือสามารถพัฒนาพื้นที่อาคารเท่ากับ 6-7 เท่าของเนื้อที่ดิน เน้นยูนิตขนาดค่อนข้างใหญ่ เริ่มต้นแบบ 1 ห้องนอน ราคาขายน่าจะเริ่มต้นตารางเมตรละ 1.1-1.2 แสนบาท สูงกว่าโครงการศุภาลัย เอลีท สาทร-สวนพลู ซึ่งอยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 1 แสนบาท คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาส 3 นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอาบอบนวดชวาลามีผู้ถือหุ้นหลักประกอบด้วย นายชวาลา สุวรรณชีพ นายทรงกลด พยัคฆาภรณ์ นางเยาวมาลย์ ศุภวัฒน์ นางสมบูรณ์ สุวรรณชีพ นายโอฬาร พยัคฆาภรณ์ และนายโอฬาริก พยัคฆาภรณ์ โดยนายชวาลา สุวรรณชีพ หุ้นส่วนหลัก เคยลงสมัครวุฒิสมาชิกเมื่อปี 2549 อย่างไรก็ตาม อาบอบนวดชวาลา ถนนศรีอยุธยา ได้ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2553 และย้ายไปสถานที่แห่งใหม่ที่ซอยสุขุมวิท 71 รวมถึง "ชวาลา 2" ที่ซอยสุขุมวิท 34 ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่
ย้อนรอยซื้อขายที่ ถ.ศรอยุธยา
ทั้งนี้ช่วงหลายปีที่ผ่านมา การซื้อขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์แปลงใหญ่บนถนนศรีอยุธยาสร้างความฮือฮาเป็นระยะ ๆ เพราะนอกจากจะเป็นที่ดินย่านใจกลางเมืองและมีศักยภาพสูงแล้ว การซื้อขายยังเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง ประกอบกับการเป็นทำเลที่มีความเจริญในแง่ของการพัฒนาสูงหลังมีรถไฟฟ้าพาดผ่าน โดยปี 2548 นายอนุสรณ์ ศิวะกุล เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาเคมี อ.อุ๊ ได้สร้างความฮือฮา ทุ่มงบฯ 200 ล้านบาท ประมูลซื้อที่ดิน 2-1-37 ไร่ หัวมุมถนนพญาไท ตัดถนนศรีอยุธยา จากกรมบังคับคดี เฉลี่ยตารางวาละกว่า 2.1 แสนบาท ว่ากันว่า อ.อุ๊ซื้อที่ดินแปลงนี้ด้วยเงินสด ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาคารสูง 18 ชั้น ภายใต้ชื่อ "วรรณสรณ์" พัฒนาเป็นแหล่งรวมโรงเรียนกวดวิชาในรูปแบบเอดูเคชั่นคอมเพล็กซ์ เปิดการเรียนการสอนมาได้ 6-7 ปี
ต่อมาเมื่อปลายปี 2551 นายจำเริญ จิตตรัตน์เสนีย์ ประธานโรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ ได้ซื้ออาคารก่อสร้างค้างขนาดใหญ่ตั้งแต่วิกฤตฟองสบู่ ตั้งอยู่ติดถนนศรีอยุธยา ระหว่างโรงเรียนศรีอยุธยา และที่ดินเป็นที่ตั้งของสถานอาบอบนวดชวาลาอยู่ติดกันด้วย
โดยอาคารเก่าสร้างค้างดังกล่าว นายจำเริญจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยคอนโดฯเดอะ วิคตอรี่ และโรงแรมโฟร์พอยท์ บาย เชอราตัน ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แม้มีกระแสข่าวว่ามีบริษัทพัฒนาที่ดินหลายรายขอเจรจาซื้อโครงการต่อ เนื่องจากอาคารดังกล่าวได้ใบอนุญาตก่อสร้างตามกฎหมายผังเมืองเดิม ซึ่งกำหนดเอฟเออาร์เกิน 10 เท่าต่อ 1 แต่ยังไม่มีการซื้อขายแต่อย่างใด กระทั่งล่าสุดได้เกิดการซื้อที่ดินอาบอบนวดชวาลาเดิมโดย บมจ.ศุภาลัย เท่ากับเป็นการปิดตำนานสถานอาบอบนวดเก่าแก่ไปโดยปริยาย