สำรวจตลาดนัดม็อบธงชาติไทย ชมวิถีการชุมนุมของชนชั้นกลาง
แม้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยหลังการประกาศ "ชัตดาวน์กรุงเทพฯ" ของกลุ่มผู้ชุมนุม "กปปส." จะเพิ่มระดับความตึงเครียดมากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศภาพรวมภายในบริเวณพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มกปปส.กลับตรงกันข้ามกับบรรยากาศการเมืองขณะนี้แบบคนละขั้ว
โดยเฉพาะพื้นที่เวทีการชุมนุมเส้นสุขุมวิทจากแยกอโศกถึงแยกปทุมวันอันเป็นจุดศูนย์รวมย่านธุรกิจการค้าและแฟชั่นของกรุงเทพฯซึ่งให้ความรู้สึกค่อนข้างผ่อนคลายคล้ายกำลังเดินเล่นอยู่ในงานเทศกาลคานิวัลที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและสีสันสุดเทรนดี้จากการแต่งกายของผู้ร่วมชุมนุม
ด้วยปัจจัยเสริมองค์ประกอบการชุมนุมดังกล่าวนี้เองได้ทำให้ผู้คนจำนวนมองแบบแบ่งแยกว่านี่คือ"ม็อบชนชั้นกลาง"หรือ"ม็อบคนกรุง"
ในกรณีนี้"เหมี่ยว-เป้-ตั๊กแตน"กลุ่มเพื่อนที่นัดแนะกันมาเข้าร่วมการชุมนุมบริเวณเวทีแยกอโศกในช่วงพักกลางวัน กล่าวถึงมุมมองที่มักถูกเข้าใจผิดคิดว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นของคนกรุงเทพฯและชนชั้นกลางถึงสูงว่า การชุมนุมที่นี่ไม่มีใครแบ่งแยกชนชั้นหรือแบ่งเขาแบ่งเราแต่อย่างใด
"เพียงแต่การมีเวทีชุมนุมอยู่กลางเมืองแบบนี้ทำให้คนกรุงเทพฯที่อยู่ใกล้ๆเข้าร่วมเยอะแล้ววิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯที่มักเป็นพนักงานออฟฟิศแต่ละคนก็ต่างกันบางคนติดหรูแต่บางคนติดดินก็มีอย่างพวกเราถ้าเป็นช่วงเย็นก็คงไม่เวทีแถวนี้คงไปแถวๆบ้านเพราะหลังเลิกชุมนุมแล้วจะได้กลับบ้านนอนง่ายๆ"
เช่นเดียวกับ"ภัสสร คณโฑเงิน" กับ "เอกศิษฐ์ ชูชัยพาณิชย์กุล" พนักงานออฟฟิศย่านราชประสงค์ บอกว่าพอเลิกงานก็ชวนกันมาเดินเล่นดูบรรยากาศเพลินๆ ก่อนที่จะแวะไปฟังแกนนำพูดบนเวทีสักพักจากนั้นค่อยแยกกันกลับบ้าน
"ตรงนี้(ย่านสยาม)เป็นศูนย์การธุรกิจมีบริษัทอยู่เยอะคนที่มาร่วมชุมนุมส่วนใหญ่จึงเป็นพนักงานออฟฟิศในย่านนี้ที่เคยเห็นหน้าเห็นตากันบ้างคนรู้จักบางคนก็ไม่ได้มาร่วมชุมนุมนะแต่เขามาเดินเล่นดูบรรยากาศก่อนกลับบ้านเพราะที่นี่มันคึกคักมีกิจกรรมนู่นนี่นั่นให้ทำเยอะมาก"
"ศศิอรขุนพานเพิง"และ "อัจฉราภรณ์ หนูเกาะทวด" สองพี่น้องที่ชวนกันมาเข้าร่วมชุมนุมเป็นครั้งแรกในวันที่สองของการชัตดาวน์ฯมองว่า ข้อดีของการจัดเวทีชุมนุมในย่านนี้อยู่ตรงเครื่องอำนายความสะดวกพร้อม หากต้องการพักเหนื่อยหรืออยากเข้าห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าได้
"ก่อนมานี่ที่เราก็มีคุยกันเล่นๆระหว่างทางเหมือนว่าถ้ามีการสลายการชุมนุมเราจะหนีเข้าห้างแต่ถ้าไม่มีการสลายเราก็คงเข้าห้างเหมือนกันเพราะต่างคนก็มีของที่อยากได้อยู่และคงไม่มีเวลามาบ่อยๆเลยว่าจะแวะพารากอนก่อนห้างปิดสักหน่อยในวันนี้"
ขณะที่"สิทธิ์ พงษ์กิจการุณ" แพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งกล่าวว่า ตนเองและเพื่อนๆมองการชุมนุมครั้งนี้แบบสบายๆมีบรรยากาศรีแล็กซ์มากๆ ยิ่งเวทีหลักมาตั้งอยู่แถวสยามแบบนี้ยิ่งสยามต่อการนัดรวมเพื่อนในกลุ่มที่คิดแบบเดียวกัน เพราะติดรถไฟฟ้าเดินทางไปมาสะดวก
"นอกจากร่วมแสดงออกทางการเมืองแล้วเรายังถือโอกาสนัดเจอเพื่อนฝูงในกลุ่มมานั่งกินกาแฟคุยกันไม่ก็หาเวลาเดินช้อปปิ้งคือมาทุกครั้งก็ช้อปปิ้งทุกครั้งนะ(หัวเราะ)เหมือนเป็นการรอเวลาที่แกนนำคนสำคัญๆขึ้นมาบนเวทีช่วงเย็นๆค่อยออกไปเวลาจะกลับก็ต่างคนต่างกระโดดขึ้นรถไฟฟ้าเลยง่ายดีด้วย"
ไม่ต่างจาก"ฐิติรัตน์ มาตรา" อาจารย์จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ที่ใช้โอกาสเดินทางเข้าเมืองหลวงหนนี้จับจ่ายใช้สอยในย่านการค้ากลางเมือง(สยามเซ็นเตอร์)เช่นกัน
"วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะเข้าร่วมชุมนุมเพราะถึงกำหนดลางานแล้วเลยถือโอกาสแวะช้อปปิ้งในห้าง(สยามเซ็นเตอร์-พารากอน)เป็นการส่งท้ายสักหน่อยก่อนกลับโคราชเพราะก่อนหน้านี้มัวแต่นั่งฟังการปราศัยของแกนนำและย้ายจุดชุมนุมอย่างเดียวเท่านั้น"
"อ้อ-ทีน่า"สองผู้ร่วมชุมนุมมองปรากฏการณ์ดังกล่าวของการชุมนุมว่าอาจเกิดจากนิสัยของคนไทยที่ไม่ชอบความตรึงเครียดแบบมากเกินไปนักจึงพยายามที่จะสร้างความผ่อนคลายด้วยการจัดกิจกรรมสนุกๆและสร้างแฟชั่นการชุมนุมขึ้นมา
ด้าน"เบญจทิพย์จันเจริญ"และ"กฤษดาวงศ์ศาหกิจ"สองนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมของกปปส.แทบทุกครั้งมองว่า ออฟชั่นที่ผู้ร่วมชุมนุมจะขาดไม่ได้เลยคือ "นกหวีด" กับ "ธงชาติ" ถ้าไม่มีก็คงแปลกๆเหมือนกันที่มาร่วมชุมนุมที่นี่ เพราะทั้งสองสิ่งเป็น "สัญลักษณ์" ที่ใช้แสดงออกทางทางการเมืองของพวกตน
"ก่อนหน้านี้จะเห็นว่ามีแค่นกหวีดธรรมดาๆกับเสื้อเรียบๆเท่านั้นแต่ว่าตอนนี้มีลายธงชาติเพิ่มเข้ามาให้ใช้อีกอย่างพร้อมทั้งรูปแบบของแอสเซสเซอรี่ก็มีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นหมวกที่คาดผมกระเป๋าเพื่อให้รองรับกับความต้องการของผู้ร่วมชุมนุม ที่ส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯและไม่อยากให้ซ้ำซากจำเจ มองดูแล้วเป็นแฟชั่นที่ไม่เชย"
อย่างไรก็ตาม "จักรพันธ์ ท้าวสมบูรณ์" เจ้าของธุรกิจค้ารถมือสอง ผู้เข้าร่วมการชุมนุมตั้งแต่แรกเริ่มที่เวทีราชดำเนิน มองความเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจแฟชั่นลายธงชาติในการชุมนุมครั้งนี้ว่า ค่อนข้างมากเกินไปจนคล้ายกับตลาดขายของไปเสียแล้ว
"แต่เราก็เข้าใจได้นะว่าการชุมนุมครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อการค้าขายของคนแถวนี้เรียกว่าเป็นการเข้ามาทำลายระบบธุรกิจเลยก็ได้จึงทำให้เขาต้องเอาวิกฤตที่เกิดมาสร้างเป็นโอกาสด้วยการเอาสินค้าลายธงชาติมาขายเพื่อให้พวกเขาได้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้งหนึ่ง"
fanga : รายงาน