เปิดจม.ตบหน้า'โต้ง'ลักไก่หวังตบตาสถาบันการเงินปล่อยกู้

เปิดจม.ตบหน้า'โต้ง'ลักไก่หวังตบตาสถาบันการเงินปล่อยกู้

เปิดจม.ตบหน้า'โต้ง'ลักไก่หวังตบตาสถาบันการเงินปล่อยกู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงาพรรคประชาธิปัตย์ นำเอกสารความเห็นของนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการกฤษฎีกา ที่ระบุว่า รัฐบาลกู้เงินมาใช้ในโครงการจำนำข้าวเพื่อจ่ายเงินให้ชาวนามาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลลักไก่อ้างความเห็นของเลขาธิการกฤษฎีกาว่าเป็นความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีความแตกต่างกัน เนื่องจากความเห็นของเลขาธิการกฤษฎีกา ไม่ได้ผูกพันหน่วยงานรัฐให้ต้องถือเป็นแนวปฏิบัติ ทำให้ไม่มีธนาคารแห่งไหนเสนอการประมูลพันธบัตรของรัฐบาล เนื่องจากไม่มีใครกล้าออกเงินกู้ให้รัฐบาลเพราะผิดกฎหมาย

นายอรรถวิชช์ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สามารถกู้เงินเพิ่มได้อีก เนื่องจากได้ใช้เงินเกินกรอบ 5 แสนล้านบาทไปแล้ว โดยไม่ยอมระบายข้าวในโกดัง และมีการทำหนังสือถามไปยัง กกต.เพื่อขออนุมัติกู้เงิน 1.3 แสนล้าน แต่ไม่ใช่อำนาจของ กกต.จึงไม่รับเรื่องไว้พิจารณา ซึ่งรัฐบาลย่อมรู้อยู่แล้วว่า กกต.ไม่มีอำนาจ เป็นการโยนเผือกร้อนให้ กกต. แต่ก็หาเงินมาไม่ได้จึงเกิดการผิดนัดชาวนาครั้งแรกในวันที่ 15 ม.ค.57 ต่อมาพยายามที่จะนำสภาพคล่องของ ธกส.ไปจ่ายชาวนา 5 หมื่นล้าน ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้เกษตรกรรายอื่นไม่สามารถขอสินเชื่อได้ จากนั้นมีความพยายามไปขอสินเชื่อจากธนาคารออมสิน แต่ก็ไม่ได้ ทำให้มีการผิดนัดชำระหนี้ให้ชาวนาอีกครั้งในวันที่ 30 ม.ค.57 เมื่อมีปัญหาในข้อกฎหมาย รัฐบาลจึงลักไก่ใช้ความเห็นของเลขาธิการกฤษฎีกามาอ้างเป็นความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้สถาบันการเงินกล้าที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาลเพื่อมาข่ายค่าข้าวให้ชาวนา โดยหนังสือดังกล่าวเลขาธิการกฤษฎีกาส่งถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง 

นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะว่ามีความเห็นกฤษฎีกาว่าสามารถกู้เงินได้ 1.3 แสนล้านบาท แต่เตือนว่า กกต.ให้ความเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงการกู้ยืมเงินโดยการปรับลดเงินกู้รัฐวิสาหกิจอื่นมาให้กับ ธกส.อาจส่งผลกระทบต่อความรับผิดชอบของ ครม. ขัด รธน.มาตรา 181(3) แต่นายกิตติรัตน์ กลับให้ดำเนินการตามความเห็นของเลขาธิการกฤษฎีกา ดังนั้นเอกสารชิ้นนี้จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่จะทำให้นายกิตติรัตน์ติดคุก หากมีการกู้เงินโดยผิดกฎหมาย นายกิตติรัตน์ เป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ รวมทั้งรัฐบาลชุดนี้ด้วย เพราะเป็นการสร้างภาระผูกพันให้กับรัฐบาลใหม่ ทั้งนี้ขอให้รัฐบาลประกาศประมูลขายข้าวในโกดังอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะทำให้ชาวนาได้เงินเร็วกว่าการไปขอกู้ รัฐบาลควรเลิกซื้อเวลาได้แล้ว เพราะไม่มีทางได้เงินกู้ก่อนวันที่ 2 ก.พ.57 จึงต้องเปิดพรมออกแล้วดูว่าของใต้พรมคือข้าวในโกดังเป็นอย่างไร เพื่อเปิดประมูลอย่างโปร่งใส โดยจะทำให้ได้เงินเร็ว ได้เงินทันที เลิกถ่วงเวลาอุ้มคนทุจริตโครงการจำนำข้าว รัฐบาลต้องเจ็บ เปิดโกดังอย่าเอาของดีปนของเลว เพราะในขณะนี้มีการระบายข้าวได้ไม่เกิน 200 ล้านบาท แต่ติดหนี้ชาวนา 1.3 แสนล้านบาท จึงต้องเปิดประมูลทั่วไปแต่กระทรวงพาณิชย์ไม่กล้าเพราะจำนวนที่ระบุกับของจริงที่มีอยู่ในโกดังไม่ตรงกัน หากเปิดข้อมูลออกมาก็จะต้องมีคนติดคุกแน่นอน

“ชาวนาไม่ได้เงินจำนำข้าวก่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 แน่นอนแล้ว เพราะไม่มีสถาบันการเงินใดกล้าปล่อย เนื่องจากผิดกฎหมายจึงเกรงว่าจะถูกดำเนินคดี ถึงเวลากระทรวงพาณิชย์เปิดโกดังปรับคุณภาพข้าวใหม่ เพื่อหาเงินมาจ่ายให้ชาวนาได้แล้ว 3.5 ต่อปี หากมีการกู้โดยเสียดอกเบี้ยสูงกว่านี้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด ทั้งนี้ได้ข่าวว่าธนาคารทหารไทยจะเสนอการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ซึ่งดอกเบี้ยปกติจะอยู่ที่ร้อยละ หากมีการก่อหนี้ขึ้นจริงจะทำให้ความผิดสำเร็จแล้ว ก็จะดำเนินคดีทันทีโดยร้องต่อ กกต.ว่ามีการทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 181(3) และ (4) รวมทั้งร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพราะมีการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ และจะดำเนินคดีอาญามาตรา 157 เพราะเป็นการทุจริตในหน้าที่” นายอรรถวิชช์ กล่าว

 

ขอบคุณเพจสายตรงภาคสนาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook